15 เม.ย. เวลา 02:20 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องราวทั้งหมด ล้วนเป็น เรื่องราวของการสะสม ที่ว่าจดจำมา อยู่กับธาตุทั้งสี่ ที่สะสมมาเก็บไว้ ที่ธาตุทั้งสี่ เรื่องราวของสิ่งที่เคยคล้องเวรกรรม กันมา มีทั้งดี และไม่ดี เป็นบัญชีกรรม เคยทำเคยใช้กันมา หากไม่เคยทำกันมา มันก็ไม่เกิดขึ้น .ทั้งการอุปถัมภ์อุปการะกัน หรือ อาฆาตพยาบาทจองเวร .มันไม่เคยเกิดขึ้นมา มันก็ไม่เกิด เรื่องราวที่จะก่อเกิดเป็นกรรมเกิดขึ้น
..เช่น ..บางคนเจอหน้ากัน เห็นแล้วก็ไม่ชอบใจ ..ทิฐิมันเกิดขึ้นมา .หมั่นไส้ .อ้อ..ไอ้คนนี้เองเคยทำเราไว้ . ธาตุทั้งสี่ ก็ปล่อยอารมณ์กรรมส่งขึ้นมาที่กายที่วิญญาณทั้งหก ให้เร่าร้อน ร้อนเวรกรรม ..ยิ่งมีนิสัยนักเลงอันธพาล ติดตามมา ..เข้าไปในสถานที่ ..อโคจร ..เพียงกระทบกันเล็กน้อย อารมณ์กรรมตัวกระทำ ..ที่เคยใช้ ..ที่ติดอยู่กับธาตุทั้งสี่ ก็ไหลออกมา แสดงกิริยา เกี้ยวโกรธ ดังอสูญ ทำลายกัน เหมือน เสือสิงมันกัดกัน ..ไม่กลัวเจ็บกลัวตาย ตอนมันกัดกัน ..บางที่พ่อแม่ไปห้าม ก็ทำร้ายพ่อแม่
บางคนพ่อแม่ทำไรทำนา ส่งเรียนจนจบ กลับบ้าน พูดคุยกีบพ่อแม่ บ้สงเรื่อวก็กบัยไปตำหนิติเตียนพ่อแม่ หาว่า ไม่รู้เท่ากับคตนเอง ที่เรียมามาก .มีปัญญา ..อ้อ..มีปัญญา ทำไม่ติเตียนพ่่อแม่ตนเอง แล้วจะไปหากัลยาณมิตรได้ที่ไหนกัน
บางเรื่อง ก็มีมายา เหมือนว่า รักอยากครอบครอง ..พอมาอยู่ร่วมกัน ..ถึงเวลาครบวันเวลา ที่เคยประหัดประหาร จองเวรกันมา ..กรรมนั้นก็ไหลออกมาจากธาตุ ทั้งสี่ . ต้องเข่นฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง ..มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ภรรยาหนี สามีไปอยู่วัด
.ก่อนภรรยาจะเสีย พระท่านกสอนเรื่องราวของเจ้ากรรมนายเวร การจองเวรกรรม ผลัดกันฆ่า กันมาหลายชาติ ..แล้วก็พูดว่า นี่น่ะ ได้โม่งมันมาเมื่อไหร่ ..ก็หมดลมเมื่อนั้น ..ภรรยาเค้าปฏิบัติ เดืนจงกรม ..กิริยาการเดินหนีกรรม .พานาให้จิตอยู่กับพระ ..ไม่นึกคิดอะไรทั้งนั้น นึกคิด .นั่นคือกรรม นั่นคืออารมณ์กรรม ที่เราเกิดมา ก็เดินไปตามเส้นทางของทุกข์ มีแต่อารมณ์กรรม อารมณ์นึกคิดต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่เคยเดินออกจาก อารมณ์กรรมตัวกระทำ อารมณ์นึกคิดไปได้ . ก็เดินในเส้นทางของคำว่าทุกข์
เมื่อน้องคนนี้ มาเดินจงกรม พระท่านก็มายืนบอกแก้ไข ว่า ต้องเดืนอย่างนี้นนะ ทำจิตอย่างนี้ ตามองอย่างนี้ เดินช้าๆ กายนิ่ง มือสองข้างวางท่่เหนือสะดือทำมือแข็งๆ เดินด้วยกายที่นิ่ง หน้าตรงๆ ไม่ก้มไม่เงย เดืนด้วยสติสัมปชัญญะ ภรรยาก็ปฏิบัติได้ดี อารมณ์ที่เคยวิตกกังวล หววดกลัว หายไป หน้าตาผ่องใสมาก พอถึงเวลา..สามีโทรมาว่าจะมารับ ..น้องคนนี้ ..ก็บ่นว่า จะทำยังไดีๆ สามีรับออกไปจากวัด รุ่งขึ้น ก็มีคนมาบอกว่า ถูกสามีทุบจนตาย ภรรยาไม่ต่อสู้เลย ยอมให้เค้าทุบ
..เรื่ิองนี้ เราก็เอาสนทนาธรรม ในเรื่ิองราวของกรรม หลังจากน้องคนนี้ตายไป ก็มีคนเห็นเค้า เดิน สวมชุดขาว ภายในวัด นั้นก็เป็นเรื่องราวของน้องคนนี้ ที่เค้าชดใช้กรรมกัน ยุติมันเสียชาตินี้ ..แล้วเค้้าก็ได้บุญกุศล จากการมาประพฤติปฏิบัติธรรม ก่อนจะจากลาโลก
การที่พระท่านมายืนสอนให้..น้องคนนี้ ก็เพื่อให้จิต ให้ธาตุทั้งสี่ของเค้า ได้บันทึกเรื่องราวกายนำกายมนุษย์ มาสร้างบุญกุศล คัดเอ้าท์กรรมออกไป จะได้บันทึกไปกับธาตุทั้งสี่ของเค้า นั่นคือคือ กัลยาณมิตร ..ที่ช่วยสงเคราะห์จิตน้อยๆ ให้พ้น ให้ยุติ ปิดบัญชีกรรม ที่เคยฆ่ากันไปมา ไม่ต้องเกิดมาฆ่ากันอีก ชาติหน้า เค้าก็ได้พบเรื่องราวที่ดีๆยิ่งขึ้น น้องคนนี้ก็ถือว่า เค้าสะสมบุญกุศลมาดี มาถึงคราวที่จะต้อชดใช้กรรม.ที่มาทวงกัน เค้าก็ได้ มาประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วก็ทำได้ดีด้วย ..
เรื่องราวที่น่าเรียนรู้ เรื่องของพระอหิงสกะ ตอนเป็นองคุลีมาร พวกที่เคยเข่นฆ่าท่านมา ก็ลงมาเกิดให้ท่าน ฆ่าบ้าง เพื่อปิดบัญชีกรรม ที่ติดอยู่กับธาตุทั้งสี พระอหิงสกะ ท่านก็สะสมบุญกุศลบารมีมามากมาย เมื่อปิดบัญชี บารมีที่ท่านสะสมมา แล้วไปสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ช่วยหนุนนำ จิตของผู้ที่ ถูกฆ่า ไปสู่สถานที่ดีๆกันทั้งนั้น.. นั่นเป็นเรื่องราวของจิตที่มีบารมี
อีกเรื่องราวหนึ่งเรื่องของพระเจ้าอโศก ราวเคยถามพระว่า ท่าเข่นฆ่าคนมากมาย ทำให้เค้าตาย พลัดพราก .ท่านไม่ตกนรกหรือ ..พระท่าน บอกว่า ท่านลงมาปราบคนชั่ว ปราบเสร็จท่าน ก็ทะนุบำรุง พระศาสนา ..ท่านเป็นองค์หนึ่ง ที่จะมาตรัสรู้ เป็นองค์พระสัมมาสีมพุทธเจ้า ในกาลข้าหน้า .
เรื่องราวของพระนารายณ์ สมัยอยุธยา มีพระท่านไปเจอพระนารายณ์ อยู่ชั้นพรหม ท่านเป็นกษัตริย์องค์เดียว สมัยอยุธยา ที่ขึ้นไปชั้นพรหมได้ .
.ท่านเหมือนเรื่องนารายณ์ อวตาล ..ที่น้อยขึ้น ..จะรู้จักเรื่องราวของท่าน ..นั่นเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจได้ ว่าเป็นกษัตริย์ มีภาระมากมาย ท่านบอกว่า สมัยฉัน ไม่ค่อยมีเรื่องราวศึกสงครามอะไร บ้านเมืองสงบสุข ชาวบ้านเวลาว่างทำไร่ทำนา ก็เข้าวัดสร้างบุญกุศลฟังธรรม ปลีกตนจากบ้าน ไปอยู่วัด รักษาศีลสวดมนต์ภาวนา .ท่านส่งเสริมให้คนรู้จัก พระคุณพ่อแม่ ให้คนเค้าช่วยกันแต่งหนังสือ พระคุณพ่อแม่ ส่งกระจายไปตามหัวเมือง วัดวาอารามต่างๆ
จากการที่เราได้รับหารแนะนำ ให้สร้างบุญกุศล แบบเจาะจง ที่มีพระท่าบอกให้ ท่านบอกว่า ถึงเวลาเราก็นึกได้เอง ว่าควรทำให้ใคร ถวายบุญกุศลให้ใคร
เราก็ได้ทำขึ้นมา ก็ได้เรียนรู้เรื่องราวของอดกษัตริย์ในอดีต เมื่อไม่มีกายบ้าง ว่าจิตของท่านก็ยังอยู่ในโลก ..แตกต่างกันด้วยสถานที่ แต่ก็ไม่ได้รู้จักกัน ..เหมือนที่เราอ่านเรียนรู้จักจากประวัติศาสตร์ ที่คนเขียนขึ้น .ให้เร่ได้อ่านได้รู้จักบ้าง ..บางพระองค์ก็น่าสงสาร จิตออกจากร่าง ก็จมอยู่กับพื้นดิน บ้างพระองค์อยู่ในสถานที่อันสมควร ก็มีสุขสบาย นับวันโลกวิญญาณ ได้..สี่ห้าวัน แปดวัน สิบวันบ้าง บ้างพระองค์ก็อยู่แปดวัน กว่า จะได้ขึ้นกลับที่เก่า ที่ว่่า กายบุญ ..กายเทพยดาอินทร์พรหม
เรื่องราวของความอคติ ..มันก็เป็นเรื่องราว พัวพันด้วยอารมณ์กรรมตัวกระทำ เห็นตัวเองดีแล้ว รู้แล้ว รู้ดี ..มีปัญญา ..ทำนองคล้าย ว่า..มีผู้ที่มาทำบุญทำทาน ทำแล้วท่านก็เทศน์สอน ..โยมที่มาทำบุญ ก็นั่งขัดสมาด ..ฟังท่านธรรม
. พระท่านก็พูดว่า .โอ้ว วันนี้ โชคดีจัง ได้ชมบารมี ของโยม นั่งเหมือนพระพุทธเจ้าเลยน่ะ ..พอพระท่านพูดแต่นั้น เค้าก็รู้สึกตัว เปลี่ยนกิริยา มานั่งพับเพียบ ฟังธรรม . เค้าเข้ามา หนเดียว แล้วหายไปเลย เรื่องนี้เราพอรู้จักโยมที่มาฟังธรรม เค้าชอบเครื่องรางของขลัง คาถาอาคม .ยศบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สินเงินทอง การทำบุญทำทาน เข้าก็มุ่งมั่น เพื่อไห้มาส่งเสริมเค้าในเรื่องราวเหล่านั้น ที่ตนเองปรารถนา .ต้องเป็นผู้ที่มากมายยิ่งใหญ่ ในกรรมที่ต้นยึดวัตถุปัจจัย จนลืมว่า วันหนึ่งต้องตาย
มีหลายคน ทั่งเพื่อนที่รู้จัก ที่ชวนกันไปกราบพระ ท่านปฏิบัติ ..พอท่านพูด สอนธรรม..เค้าทนไม่ได้ ..ปวดขา ปวดร้าว ด้วยเนื้อนากรรม..ลุกลี้ลุกลน เหมือนไฟรน ..ก็ลุกหนี ..ออกไปจากสถานที่ที่กำลังสอนธรรม นั้นก็เกิดอคติ ..ไม่ชอบใจ ไปดีกว่า เหมือนกรรมนั่น ให้ปฏิเสธ ไม่รับธรรม ปิดปังไม่รู้ต่อไป มายังไงก็ไปอย่างนั้น กลับไปที่เก่า ..ที่เคยจากมา
เรื่องราวของการสร้างบุญกุศล บารมี ตามรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเรานำกายวาจาใจ ของเรามาฝึกหัด ..เราก็ได้ค่อยๆเรียนรู้ จัก ..เรื่องราวต่างๆขึ้นมา ..ที่สำคัญ ต้องระมัดระวัง อารมณ์ของเรานั่นแหละ .ชอบอุปโลกน์ขึ้นมาเอง..เหมือนเรื่องที่เขียนมา ก็อารมณ์นั้นช่วยอุปโลกน์ส่งเสริมให้เขียน ..
โฆษณา