Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 14:00 • สุขภาพ
ไขมันในน้ำมันพืช กับ ความเสี่ยงมะเร็งเต้านม เรื่องจริงที่ต้องรู้
หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างว่าอาหารการกินมีผลต่อสุขภาพ และอาจส่งผลต่อความเสี่ยงหรือการดำเนินไปของโรคมะเร็งได้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก็พยายามศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด เพื่อให้เราเข้าใจกลไกในระดับเซลล์และโมเลกุล ความรู้นี้จะช่วยให้เรามีคำแนะนำด้านโภชนาการที่ดีขึ้น และป้องกันมะเร็งได้ดีขึ้นด้วย
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับพระเอก (หรืออาจจะเป็นผู้ร้ายในบางสถานการณ์) ของเรื่องนี้กันก่อน นั่นคือ กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ครับ
คืออะไร? กรดไลโนเลอิกเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน จัดอยู่ในกลุ่ม โอเมก้า-6 (Omega-6)
พบที่ไหน? พบมากในน้ำมันพืชหลายชนิดที่เราคุ้นเคย เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด
จำเป็นไหม? คำตอบคือ จำเป็น ครับ ร่างกายเราสร้างกรดไลโนเลอิกเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น มันมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิวหนัง เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ และช่วยควบคุมการอักเสบในร่างกาย
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกรดไลโนเลอิกเอง แต่อยู่ที่ ความสมดุล ครับ ในอาหารยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยอาหารแปรรูปและน้ำมันจากเมล็ดพืช มักจะทำให้เราได้รับโอเมก้า-6 (รวมถึงกรดไลโนเลอิก) มากเกินไป ในขณะที่ได้รับ โอเมก้า-3 (Omega-3) ซึ่งพบในปลา เมล็ดแฟลกซ์ หรือวอลนัท ไม่เพียงพอ ภาวะไม่สมดุลนี้เองที่อาจส่งเสริมให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ได้
ทีนี้ มาดูงานวิจัยที่เป็นประเด็นกันครับ นักวิจัยจาก Weill Cornell Medicine ในนิวยอร์ก ได้ศึกษาและพบว่ากรดไลโนเลอิกอาจมีบทบาทโดยตรงในการกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ มะเร็งเต้านมชนิด Triple-negative (TNBC)
มะเร็งเต้านมชนิด Triple-negative (TNBC) เป็นมะเร็งเต้านมชนิดที่ค่อนข้างดุร้ายและมีทางเลือกในการรักษาน้อยกว่าชนิดอื่น คิดเป็นประมาณ 15% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยครับ
นักวิจัยพบว่ากรดไลโนเลอิกสามารถจับกับโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อ FABP5 (Fatty Acid-Binding Protein 5) ซึ่งพบในปริมาณสูงในเซลล์มะเร็ง TNBC การจับกันนี้จะไปกระตุ้นเส้นทางส่งสัญญาณที่เรียกว่า mTORC1 pathway ซึ่งเป็นเหมือน "สวิตช์" ควบคุมการเติบโตและการเผาผลาญของเซลล์ ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดีขึ้น ผลการทดลองในสัตว์ (หนู) ก็สนับสนุนข้อค้นพบนี้ โดยหนูที่ได้รับอาหารที่มีกรดไลโนเลอิกสูง มีเนื้องอกขนาดใหญ่กว่า
ที่น่าสนใจคือ นักวิจัยยังตรวจพบระดับโปรตีน FABP5 และกรดไลโนเลอิกที่สูงขึ้นในตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด TNBC ด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับความเชื่อมโยงนี้มากขึ้น
ดร. จอห์น เบลนิส (Dr. John Blenis) ผู้เขียนอาวุโสของงานวิจัยนี้ กล่าวว่า การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอาหารกับมะเร็งได้ชัดเจนขึ้น และอาจนำไปสู่การให้คำแนะนำทางโภชนาการที่จำเพาะเจาะจงกับผู้ป่วยแต่ละรายได้ในอนาคต และยังมีความเป็นไปได้ว่ากลไกนี้อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มกังวลแล้วใช่ไหมครับ แต่เดี๋ยวก่อน สิ่งสำคัญคือเราต้องมองภาพรวมและไม่ด่วนสรุปครับ
งานวิจัยนี้ ≠ น้ำมันพืชทำให้เป็นมะเร็ง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นกลไกที่เป็นไปได้ที่กรดไลโนเลอิก อาจจะส่งเสริมการเติบโตของมะเร็ง ชนิด TNBC โดยเฉพาะ แต่มัน ไม่ได้พิสูจน์ ว่าการกินน้ำมันพืชเหล่านี้เป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดมะเร็งเต้านม การเกิดมะเร็งเป็นเรื่องซับซ้อน มีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้องอีกมาก ทั้งพันธุกรรม รูปแบบการกินโดยรวม และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
งานวิจัยอื่นว่าอย่างไร? มีงานวิจัยก่อนหน้านี้หลายชิ้นที่เป็นการศึกษาเชิงสังเกตการณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการบริโภคกรดไลโนเลอิกกับความเสี่ยงโดยรวมของมะเร็งเต้านม ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ meta-analysis ในปี 2023 ที่รวบรวมข้อมูลจาก 14 งานวิจัยในผู้หญิงกว่า 350,000 คน สรุปว่าการบริโภคกรดไลโนเลอิกไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความเสี่ยงมะเร็งเต้านมในประชากรทั่วไป หรือแม้แต่งานวิจัยบางชิ้นยังเคยแสดงให้เห็นว่ากรดไลโนเลอิกอาจมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งเต้านมได้ด้วยซ้ำ
ความแตกต่างของผลลัพธ์เหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องพิจารณาถึง ชนิดย่อย (subtype) ของมะเร็ง (อย่างในกรณีนี้คือ TNBC) และปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น ระดับโปรตีน FABP5 ในเซลล์มะเร็ง
แล้วเราควรทำอย่างไร?
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ผมอยากให้ข้อแนะนำง่ายๆ ที่นำไปปรับใช้ได้จริง ดังนี้ครับ
1. อย่าเพิ่งตื่นตระหนก อย่างที่ย้ำไปครับ งานวิจัยนี้เป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งของจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ ยังไม่ใช่ข้อสรุปว่าเราต้องเลิกใช้น้ำมันพืชเหล่านี้โดยสิ้นเชิง
2. เน้นความพอดีและหลากหลาย แทนที่จะงดไปเลย ลองหันมาจำกัดปริมาณ การใช้น้ำมันพืชที่มีโอเมก้า-6 สูง (ถั่วเหลือง, ทานตะวัน, ข้าวโพด) และ เลือกใช้น้ำมันชนิดอื่นสลับกันไป เช่น น้ำมันมะกอก ซึ่งมีกรดไลโนเลอิกน้อยกว่า และมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat) สูงกว่า ซึ่งค่อนข้างทนความร้อนได้ดีกว่า หรือน้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
3. มองภาพรวมของอาหาร สิ่งที่สำคัญกว่าชนิดของไขมัน คือ รูปแบบการกินโดยรวม ครับ พยายามกินอาหารให้สมดุลและหลากหลาย เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วต่างๆ และโปรตีนไขมันต่ำ มีงานวิจัยระยะยาวจากฮาร์วาร์ดที่ติดตามคนกว่าแสนคน นานถึง 30 ปี พบว่ากลุ่มคนที่กินอาหารลักษณะนี้มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพดีเมื่อสูงวัย คือไม่มีโรคเรื้อรังร้ายแรง และสมรรถภาพทางร่างกาย จิตใจ และการรับรู้ยังดีเยี่ยมเมื่ออายุ 70 ปี
4. ใส่ใจเรื่องน้ำหนักตัว องค์กรอย่าง World Cancer Research Fund ย้ำว่า การใช้น้ำมันพืชในปริมาณปานกลางนั้นปลอดภัย แต่ปัจจัยเสี่ยงหลักทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับมะเร็ง คือ ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน มากกว่าชนิดของไขมันที่กินเข้าไปครับ
โดยสรุปแล้ว การค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างกรดไลโนเลอิกกับมะเร็งเต้านมชนิด TNBC เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ที่ช่วยให้เราเข้าใจกลไกของโรคได้ดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไปนะครับ
หัวใจสำคัญยังคงอยู่ที่การดูแลสุขภาพโดยรวม การกินอาหารที่สมดุลและหลากหลาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
2
สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากคำถามชวนคิดไว้ครับ "นอกจากการเลือกชนิดน้ำมันแล้ว คุณคิดว่ามีพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิตส่วนไหนอีกบ้าง ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ รวมถึงมะเร็งได้" ลองนำคำถามนี้ไปขบคิดดูนะครับ
สุขภาพดี เริ่มต้นได้ที่ความเข้าใจและการลงมือทำครับ
แหล่งอ้างอิง:
Stebbing, J. (2025, April 14). Fat in common cooking oils is linked to aggressive breast cancer, but here's why you shouldn't panic. Medical Xpress. Retrieved April 15, 2025, from
https://medicalxpress.com/news/2025-04-fat-common-cooking-oils-linked.html
สุขภาพ
ข่าวรอบโลก
การแพทย์
1 บันทึก
4
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย