16 เม.ย. เวลา 06:17 • ความคิดเห็น

เมื่อรถที่ไม่มีเสียง...กลับส่งเสียงดังที่สุดในระบบอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย

EV ที่เบาเงียบ กำลังเขย่าโครงสร้างที่เคยเสียงดัง: น้ำมัน เครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมซัพพลายเชน
---
1. เบากว่า…แต่เขย่ากว่า
Motor Show 2025 เงียบลงอย่างแปลกตา
แม้ยอดจองจะพุ่งกว่าปีก่อนเกือบ 45% แต่ปีนี้กลับเงียบในอีกแบบ — เงียบจนรู้สึกว่า “บางอย่างกำลังเปลี่ยนไปจริง ๆ”
Toyota เสียแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์งาน
BYD ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยยอดจองกว่า 9,800 คัน
และค่ายรถจากจีนครอง Top 5 อย่างเงียบ ๆ แต่หนักแน่น
> “การสตาร์ทที่เงียบครั้งนี้… จะดับอนาคตใคร และจุดไฟให้ใครในระบบ?”
บรรยากาศในงานดูสงบ แต่ไม่เคยนิ่งจริง
บางคนเดินวนอยู่หน้ารถ EV สีขาวเงา แล้วบ่นกับตัวเองว่า “เงียบดีแฮะ… ถ้าเป็นสมัยก่อน คงไม่คิดจะมองเลย”
เสียงในใจแบบนี้ กำลังเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในคนอีกนับหมื่น
เพราะบางการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้มาในรูปของเสียง… แต่มาในรูปของความรู้สึก
---
2. เบื้องหลังยอดจอง: สมรภูมิใหม่ในไทย
ยอดจองรถยนต์รวมในงาน Motor Show ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 77,000 คัน
ในนั้นมากกว่า 65% เป็นรถไฟฟ้า (EV) และรถลูกผสม (Hybrid)
สิ่งที่เปลี่ยน… ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ "ใจคน"
จาก “EV คือของเล่นแพง” สู่ “EV ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน”
Toyota ที่เคยมั่นใจในฐานที่มั่นของ Hybrid
เจอคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง BYD, GAC และ Deepal ที่ไม่ได้แค่ชิงยอดขาย
แต่ชิง “พื้นที่กลางของเรื่องเล่า” ว่าอนาคตควรเป็นแบบไหน
> การสั่นสะเทือนแบบเงียบ ๆ ที่ทำให้ทุกคนรู้ว่า… ระบบเปลี่ยนแล้ว
บางคนที่เคยเลือกศูนย์บริการใกล้บ้าน เริ่มหันมาใช้แอปพลิเคชัน
บางคนเริ่มเชื่อว่า รถไม่จำเป็นต้องผูกกับโชว์รูม
ในขณะที่อีกหลายคนยังบอกว่า “ไม่มีที่ชาร์จ” หรือ “ยังอยากมีน้ำมันเผื่อไว้”
เสียงเหล่านี้ไม่ขัดแย้งกัน — แต่มันเตือนว่า
การเปลี่ยนผ่าน ต้องมีสะพานระหว่างยุค
---
3. เครื่องยนต์สันดาป: จะอยู่ตรงไหน?
รถสันดาปจะยังอยู่…
แต่จะกลายเป็นของเฉพาะกลุ่ม คนรักเสียงเครื่อง นักเดินทางไกล หรือผู้หลงใหลในพละกำลัง
ญี่ปุ่นและเยอรมันไม่ถอย
แต่กำลังยืดเวลาอยู่ในรูปแบบของ Hybrid, Hydrogen และเชื้อเพลิงทางเลือก (e-Fuel)
สมรภูมิเปลี่ยนจาก “ใครเครื่องแรงกว่า”
ไปสู่ “ใครวาดภาพอนาคตที่คนเชื่อถือได้”
> ใครอยู่กับอนาคต — ใครยังยึดกับสิ่งที่เคยชนะ
ในต่างจังหวัด เสียงดีเซลยังมีอำนาจในบางพื้นที่
โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องใช้กำลังรถสูง
หลายคนยังพูดว่า “อย่างน้อยตอนฝนตกหนัก ก็ยังรู้ว่ามีอะไรให้พึ่งได้แน่ ๆ”
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรคของ EV
แต่คือความจงรักภักดีต่อระบบเดิมที่ยังมีเหตุผล
และการยอมรับ EV… ไม่ควรเริ่มด้วยการลบอดีต
แต่คือการต่อบทให้ครบ
---
4. ถ้าไทยยังคิดแบบเดิม… ใครจะโดนทิ้ง?
รถ EV ใช้ชิ้นส่วนน้อยกว่ารถสันดาปประมาณหนึ่งในสาม
โรงงานที่เคยผลิตท่อไอเสีย จ้างคนเป็นร้อย กำลังปลดคนออกทีละล็อต
หัวหน้าช่างบางคนบอกว่า “ตอนนี้ซ่อมมากกว่าผลิต… แต่ถ้าไม่มีใครใช้แล้ว เราจะซ่อมอะไรอีก?”
อู่ซ่อมรถในต่างจังหวัดยังอยู่ได้ เพราะคนยังไม่มั่นใจในระบบไฟฟ้าเต็มร้อย
เสียงแบบนี้ไม่ใช่การต่อต้าน แต่คือการบอกว่า “ยังไม่เห็นทางจะขยับ”
ถ้าไทยยังไม่รีบขยับแรงงาน วิศวกร และซัพพลายเชน
ไปสู่ฝั่งของซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีดิจิทัล และระบบข้อมูล
เราอาจเหลือแค่โชว์รูม… ที่ขายสินค้าของคนอื่น
และนั่นไม่ใช่แค่ปัญหาเศรษฐกิจ
แต่คือคำถามว่า:
“เราจะเป็นผู้สร้าง หรือแค่ยืนดูคนอื่นสร้าง?”
---
5. โลกไม่รอให้ไทยตัดสินใจ
จีนกำลังรุกทั้งอาเซียน ด้วยราคาที่ต่ำจนทำลายกำแพงทางจิตใจผู้ซื้อ และระบบนิเวศ (ecosystem) ที่ใช้ได้จริง
Tesla เดินเกมระดับโลก แม้ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ในไทย
ญี่ปุ่น เยอรมัน ยังมีที่ยืนในใจคน — แต่โครงสร้างของพวกเขากำลังอ่อนแรง
อินโดนีเซียและเวียดนาม เริ่มลงทุนในแบตเตอรี่และเซมิคอนดักเตอร์
ขณะที่ไทยบางกลุ่มยังคิดว่า EV คือของเล่นของคนมีฐานะ
ในห้อง แฟลตราชการแห่งหนึ่ง มีคนพูดขึ้นว่า
“อยากเปลี่ยนนะ… แต่ไม่มีที่จอด ไม่มีปลั๊ก มันเปลี่ยนไม่ได้จริง ๆ”
เสียงแบบนี้ไม่ใช่การดื้อ
แต่มันคือเสียงของระบบที่ยังไม่พร้อมให้คนเปลี่ยน
ถ้าไทยยังคิดว่า “รถคือโครงเหล็ก”
เราอาจหลุดจากขบวนที่โลกกำลังนิยามใหม่ว่า
“รถคือซอฟต์แวร์ที่เคลื่อนที่ได้”
---
บทส่งท้าย
> ถ้าเราพลาดครั้งนี้ เราอาจได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง
แต่ไม่ใช่จากเรา…
เป็นเสียงของประเทศอื่น ที่ขับผ่านเราไป โดยไม่หยุดอีกเลย
และนั่นไม่ใช่เสียงที่เราควรภูมิใจ
แต่มันคือเสียงเตือน… ว่าอนาคตไม่ได้มาช้า
แต่เราต่างหาก…ที่ยังไม่ขยับ
#EV #xEV #ICE #รถสันดาป
โฆษณา