16 เม.ย. เวลา 14:45 • ข่าวรอบโลก

จับตา 19 เมษายน นี้ ครบกำหนด 90 วัน ระงับเงินช่วยเหลือ USAID

USAID หรือชื่อเต็มว่า United States Agency for International Development USAID ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1961 โดยประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ตามพระราชบัญญัติความช่วยเหลือต่างประเทศ โดยเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดูแลด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาระหว่างประเทศ
จุดมุ่งหมายที่ถูกกล่าวอ้างคือเพื่อลดความยากจน ต่อสู้กับโรคภัย ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนา ขณะเดียวกันก็ผลักดันวัตถุประสงค์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ
USAID ดำเนินการในกว่า 130 ประเทศ ดำเนินการภารกิจระดับภูมิภาคมากกว่า 60 แห่งและมีพนักงานมากกว่า 10,000 คน โดยสองในสามอยู่ในต่างประเทศ
💰งบประมาณของ USAID อยู่ที่เท่าไร และไปอยู่ที่ไหน?
ในปีงบประมาณ 2023 (FY2023) ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด กองทุนรวมที่บริหารโดย USAID มีงบประมาณมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นมากกว่า "หนึ่งในสาม" ของงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Congressional Research Service ที่ปรับปรุงเมื่อเดือนมกราคมนี้
ณ วันที่ 16 เมษายน 2025 การให้ความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาผ่านหน่วยงาน USAID ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารหมายเลข 14169 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งสั่งให้หยุดการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาในต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน เพื่อทบทวนและปรับแนวทางให้สอดคล้องกับนโยบาย "America First" ของรัฐบาล
ที่มา www.aorillasdelpotomac.com
🤝สำหรับบทบาทของ USAID ต่อประเทศไทย เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามเย็น เช่น สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสาธารณสุข และการศึกษา ในปัจจุบัน ความช่วยเหลือของ USAID ในไทยลดลง แต่ยังมีการร่วมมือในบางประเด็น เช่น การต่อต้านการค้ามนุษย์ การเตรียมรับภัยพิบัติ และสุขภาพภูมิภาค เช่น โครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย (Thailand CTIP), โครงการป้องกันการติดเชื้อ HIV ร่วมกับสภากาชาดไทย, โครงการ SERVIR-Mekong เพื่อใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการติดตามและจัดการ และโครงการลดความต้องการผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า
🇹🇭ผลกระทบต่อประเทศไทย
โรงพยาบาล 7 แห่งที่ให้บริการผู้ลี้ภัยชาวเมียนมากว่า 100,000 คนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาต้องปิดตัวลง เนื่องจากการระงับเงินทุนจาก USAID ส่งผลให้ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาเร่งด่วน เช่น การฟอกไตหรือการใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ ตัวอย่างเช่น Wah K’Ler Paw ผู้ลี้ภัยวัย 30 ปี เสียชีวิตหลังจากไม่ได้รับการฟอกไตเป็นเวลาสองสัปดาห์
โครงการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นและ NGO หลายแห่งที่เคยได้รับการสนับสนุนจาก USAID ต้องหยุดกิจกรรมหรือปิดตัวลง ส่งผลกระทบต่อโครงการด้านสุขภาพ การศึกษา และสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการรณรงค์เรื่องมลพิษทางอากาศในประเทศไทยที่ต้องยุติลง
โครงการป้องกันโรคมาลาเรีย วัณโรค และ HIV/AIDS ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้รับผลกระทบจากการตัดงบประมาณของ USAID ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตในอนาคต
สื่ออิสระของเมียนมาที่ดำเนินงานจากประเทศไทยหลังการรัฐประหารในปี 2021 ต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินและความไม่มั่นคง เนื่องจากการตัดงบประมาณของ USAID ส่งผลให้การรายงานข่าวและการตรวจสอบรัฐบาลทหารเมียนมาลดลง
🇲🇲ผลกระทบต่อประเทศเมียนมา
โครงการสนับสนุนสื่ออิสระที่ลี้ภัยมายังไทยและได้รับทุนจาก USAID อาจปิดตัวลง ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนและความช่วยเหลือฉุกเฉินลดลง ยิ่งไปกว่านั้นศูนย์สุขภาพที่ให้บริการผู้ลี้ภัยจากเมียนมาหลายหมื่นคนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาต้องถูกระงับ ส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล แม้ว่าจะมีการยกเว้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมบางส่วนแล้วก็ตาม
การระงับเงินทุนจาก USAID ยังทำให้ความสามารถของสหรัฐฯ ในการตอบสนองต่อภัยพิบัติลดลงอย่างมาก เช่น ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่เมียนมาเมื่อเดือนมีนาคม 2025 สหรัฐฯ ไม่สามารถส่งทีมกู้ภัยได้ทันเวลา เนื่องจากการลดจำนวนพนักงานของ USAID
🇻🇳ผลกระทบต่อประเทศเวียดนาม
โครงการด้านสาธารณสุข เช่น การป้องกันและรักษาโรค HIV/AIDS และวัณโรค ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการควบคุมโรคในประเทศ
โครงการเก็บกู้ระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด (UXO) ในจังหวัดกว๋างตรี ซึ่งเคยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจาก UXO จากหลายร้อยคนต่อปีในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เหลือเกือบเป็นศูนย์ในปัจจุบัน ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้คนงานกว่า 1,000 คนต้องหยุดงาน และพื้นที่ที่ยังมี UXO ไม่สามารถดำเนินการเก็บกู้ได้อย่างต่อเนื่อง
โครงการที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากสงครามเวียดนาม โครงการฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนสารไดออกซินจากสารพิษ Agent Orange ที่ฐานทัพอากาศเบียนฮัวในจังหวัดด่งนาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสูงสุดในประเทศ ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ประชาชนกว่า 8,600 คนที่ได้รับผลกระทบจากสารพิษนี้เผชิญกับความเสี่ยงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น
🇮🇩ผลกระทบต่อประเทศอินโดนีเซีย
ด้านสาธารณสุข โครงการสำคัญที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ โครงการ Community Empowerment of People Against Tuberculosis (CEPAT) ซึ่งเคยฝึกอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกว่า 2,900 คน และเพิ่มอัตราการตรวจพบผู้ป่วยวัณโรคได้ถึง 20% ใน 6 จังหวัดของอินโดนีเซีย การระงับเงินทุนทำให้โครงการนี้ต้องหยุดชะงัก
ด้านสิ่งแวดล้อม การระงับเงินทุนจาก USAID ส่งผลให้โครงการอนุรักษ์ทางทะเลหลายโครงการต้องหยุดชะงัก เช่น โครงการ Coral Triangle Initiative (CTI) ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูแนวปะการังและการจัดการประมงอย่างยั่งยืน
โครงการด้านน้ำสะอาดและสุขาภิบาลในเขตเมือง เช่น โครงการ IUWASH Pasar และ IUWASH Tangguh ซึ่งมีเป้าหมายในการขยายการเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาลให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย โครงการเหล่านี้มีงบประมาณรวมกันกว่า 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเป้าหมายในการช่วยเหลือประชาชนกว่า 1.5 ล้านคน
🇰🇭ผลกระทบต่อประเทศกัมพูชา
โครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานกว่า 1,000 คนเสี่ยงต่อการตกงาน และการดำเนินงานใน 8 จังหวัดถูกระงับ
โครงการด้านการศึกษา เช่น โครงการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานและการพัฒนาเด็กปฐมวัย มูลค่ารวมกว่า 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกยกเลิกหรือระงับ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาและการฝึกอบรมครู
องค์กรภาคประชาสังคมและสื่ออิสระ เช่น CamboJA ต้องหยุดกิจกรรมที่ได้รับทุนจาก USAID ส่งผลต่อการรายงานข่าวและการตรวจสอบภาครัฐ การระงับเงินทุนยังส่งผลกระทบต่อการต่อสู้กับการค้ามนุษย์ โดยศูนย์พักพิงขององค์กร Caritas ในพนมเปญต้องลดการให้บริการแก่เหยื่อที่หลบหนีจากเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
🇵🇭ผลกระทบต่อประเทศฟิลิปปินส์
ในด้านสาธารณสุข งบประมาณจำนวนกว่า 15,000 ล้านเปโซของโครงการสำคัญต้องหยุดชะงัก เช่น โครงการควบคุมโรค HIV/AIDS วัณโรค และมาลาเรีย รวมถึงโครงการสนับสนุนเด็กและเยาวชน เช่น ABC+, Opportunity 2.0 และโครงการเพื่อผู้พิการทางสายตาและการได้ยิน การหยุดชะงักนี้ทำให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเปราะบางเสี่ยงต่อการขาดการเข้าถึงบริการพื้นฐาน
ขณะเดียวกันโครงการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ เช่น ระบบเตือนภัยและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ก็ต้องหยุดลงเช่นกัน
🇱🇦ผลกระทบต่อประเทศลาว
ในช่วงสงครามเวียดนาม (1964–1973) สหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดในลาวมากกว่า 2 ล้านตัน ทำให้ลาวกลายเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุดในโลกต่อหัวประชากร ปัจจุบันยังมีระเบิดที่ยังไม่ระเบิดประมาณ 80 ล้านลูกกระจายอยู่ทั่วประเทศ หากโครงการเก็บกู้ UXO ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ชุมชนชนบทที่พึ่งพาเกษตรกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากระเบิดที่ยังไม่ระเบิด
องค์กร Cope ซึ่งให้บริการด้านอวัยวะเทียมและการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจาก UXO ต้องเผชิญกับการลดงบประมาณจาก USAID ถึง 40% ทำให้ต้องพิจารณาปลดพนักงานถึง 2,000 คนจากทั้งหมด 3,000 คน
โครงการพัฒนาชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID เช่น การฝึกอบรมอาชีพ การส่งเสริมสุขภาพ และการศึกษา ต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ชนบท
🇹🇱ผลกระทบต่อประเทศติมอร์เลสเต้
โครงการที่เคยสนับสนุนการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะในภาคการศึกษา สาธารณสุข และการบริหารราชการ ถูกระงับหรือยกเลิก ส่งผลให้เกิดการสูญเสียงานในองค์กรพัฒนาเอกชนและหน่วยงานท้องถิ่นที่พึ่งพาทุนจาก USAID นอกจากนี้ การหยุดชะงักของโครงการพัฒนาภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประชากรส่วนใหญ่ ยังทำให้เกษตรกรรายย่อยและชุมชนชนบทต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
แม้ว่าจะมีการยกเว้นบางส่วนสำหรับโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็น เช่น อาหารและยาฉุกเฉิน แต่การดำเนินงานของ USAID ส่วนใหญ่ยังคงถูกระงับอยู่ มีการปลดพนักงานจำนวนมาก และมีแผนที่จะรวม USAID เข้ากับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานสูญเสียความเป็นอิสระในการดำเนินงาน
🫸การหยุดชะงักของความช่วยเหลือจาก USAID ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันขั้นตอนคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือจาก USAID ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีระยะเวลา 90 วัน ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025
⏳ระยะเวลาระงับจะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 เมษายน 2025 นี้ แต่การดำเนินการต่อไปยังคงไม่แน่นอน
🏢ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ใหม่จาก Department of Government Efficiency (DOGE) ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าชั่วคราวของสำนักงานความช่วยเหลือต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับโครงสร้างและลดงบประมาณของ USAID
⚖️รวมถึงข้อกฎหมายและคำสั่งศาล ที่มีการฟ้องร้องหลายคดีต่อการระงับเงินช่วยเหลือ โดยศาลได้มีคำสั่งให้รัฐบาลต้องดำเนินการจ่ายเงินสำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติก่อนวันที่ 19 มกราคม 2025
ที่มา
โฆษณา