90 วัน เจรจา "ไทย-สหรัฐ" มหัศจรรย์และเป็นธรรม | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการขยายเวลาการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน จากวันที่ 9 เมษายน 2568 จะไปสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2568 รัฐบาลควรใช้ช่วงเวลานี้เตรียมข้อมูลในการเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ มีการสื่อสารที่ชัดเจนให้ประชาชนรับทราบ ถึงมาตรการและแนวทางในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนบางส่วนที่อาจไม่แน่ใจในความสามารถของรัฐบาล
บางส่วนอาจกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องส่งสัญญาณประชาชนรับรู้ว่าการเจรจาที่อยู่บนพื้นฐาน "มหัศจรรย์” ที่ Win-Win ดีทั้งสหรัฐและไทย”จะเป็นอย่างไร
นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างคาดการณ์ว่า การต่อสู้ระหว่างประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ “จีน-สหรัฐฯ” คงไม่มีบทสรุปในเร็ววัน ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง จัดสรรผลประโยชน์อย่างไรให้ลงตัว และประเทศไทยจะบนฐานความสมดุลของอำนาจ 2 ขั้วได้อย่างแข็งแรงและมั่นคงได้อย่างไร หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้คณะผู้เจรจาไทยจะเข้าพบตัวแทนสหรัฐหลังวันอีสเตอร์ (20 เม.ย.)
แนวทางเจรจาจะเป็นไปในทิศทางการทำงานร่วมกันได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไทยจะแก้ไขปัญหาในสิ่งที่เป็นความต้องการ (requirements) ของสหรัฐ โดยที่ไทยจะไม่ส่งออกน้อยลง แต่จะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ
ที่รัฐบาลมีการสื่อสารมาก่อนหน้านี้ก็คือจะมีการนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพดสำหรับอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป และอาหารสัตว์ รวมทั้งอาจจะมีการเจรจาทำสัญญาระยะยาวการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และก๊าซอีเทน ซึ่งไทยจำเป็นต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราว 10 ล้านตัน เราเข้าใจว่ารัฐบาลจัดทำแผนฉุกเฉินและมาตรการรองรับหากสถานการณ์ทางการค้าเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่เอื้ออำนวย และจะมีการสื่อสารและให้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์แก่ผู้ประกอบการและประชาชน เพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมได้อย่างไรในอนาคต
เพราะการชะลอการขึ้นภาษีออกไป 90 วันอาจจะช่วยลดความตึงเครียดได้ในระยะสั้นได้ แต่การชะลอการขึ้นภาษีไม่ได้แก้ไขปัญหาพื้นฐานของการค้า ความไม่แน่นอนจึงยังคงอยู่ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจลังเลที่จะลงทุนในระยะยาว นักลงทุนอาจกังวลว่าการขึ้นภาษีจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ตลาดการเงินผันผวนได้ บริษัทที่นำเข้าสินค้าจากประเทศที่ถูกเก็บภาษีในอนาคตอาจชะลอการนำเข้า
อุตสาหกรรมภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดยังคงได้รับผลกระทบต่อไป เนื่องจากไม่มีมาตรการที่ชัดเจนเข้ามาช่วยเหลือในทันที ปัญหาทางการค้าอาจรุนแรงขึ้นในอนาคต ดังนั้น การแก้ปัญหาระยะยาว จึงขึ้นอยู่กับ “คณะผู้เจรจา” ที่ต้องทำหน้าที่เจรจาและแก้ไขปัญหาทางการค้าให้เกิดขึ้นได้อย่างถาวรและเป็นธรรม
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
