รวบตึง 8 หุ้น Globalization ราคาลงลึก หวังฟื้นตัวแรง
เดือนเมษายนปีนี้ นอกจากอากาศที่ร้อนจัดแล้ว สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยเริ่มเดือนมาได้ไม่นานก็ทำเอาดัชนีผันผวนอย่างหนัก โดยมีทั้งวันที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างหนัก และปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาเพียงไม่กี่วัน จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่น้อย เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลในความไม่แน่นอนของทิศทางตลาดฯ
อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นในการเก็งกำไรช่วงที่ดัชนีฟื้นตัวกลับ Wealthy Thai ได้หยิบยกเอาบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ซึ่งได้แนะนำหุ้นจำนวน 8 ตัว ที่มีความน่าสนใจในแง่ของการเก็งกำไรในช่วงนี้มาฝาก
โดย บล.เอเซีย พลัส แนะเก็งกำไรหุ้น GLOBALIZATION ลงลึก โดยประเด็นสงครามการค้ากดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนหายไปตลอด 5 เดือน กดดัน SET INDEX ย่อตัวลงมาเกิน -25% จนมี MARKET CAP ต่ำกว่า GDP ที่สำคัญ คือ มี P/BV เหลือเพียง 1 เท่า ต้น ๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบัน RECIPROCAL TAX ถูกเลื่อนออกไป 90 วัน หนุนให้หุ้นโลกขึ้นแรง และหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นแรงตาม ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัดกรองหาหุ้น “น่าเก็งกำไร หวังดีดกลับเร็ว” ผ่านเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้
1.เป็นหุ้น GLOBALIZATION ขนาดใหญ่
2.ลงแรงเกิน -35% ในช่วง 5 เดือน
3.หวังรีบาวน์แรง มี BETA > 1 เท่า
4.หวังมีแรง COVER SHORT เสริม โดยมีมูลค่า SHORT คงค้างเกิน 0.3% หรือ 50 ล้านบาท
5.สถาบันฯ มีโอกาสสะสมเพิ่ม เพราะมี ESG RATING สูงกว่า A
โดยได้ผลลัพธ์ 8 หุ้น Globalization ย่อตัวลงลึก หวังดีดกลับแรง อย่าง WHA, AMATA, KCE, SCGP, TOP, PTTGC, AOT, SCC
เริ่มด้วย บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA มีอัพไซด์ 73.91% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 2.76 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 4.80 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ AAA และมี Dividend Yield ที่ 7.92%
ขณะที่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA มีอัพไซด์ 141.38% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 14.50 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 35.00 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ AAA และมี Dividend Yield ที่ 8.93%
ส่วน บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE มีอัพไซด์ 32.74% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 16.80 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 22.30 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ A และมี Dividend Yield ที่ 7.75%
ด้าน บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP มีอัพไซด์ 98.41% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 12.60 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 25.00 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ AAA และมี Dividend Yield ที่ 5.31%
ขณะเดียวกัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีอัพไซด์ 74.47% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 23.50 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 41.00 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ AAA และมี Dividend Yield ที่ 8.76%
ส่วน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC มีอัพไซด์ 81.29% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 17.10 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 31.00 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ AAA และมี Dividend Yield ที่ 6.80%
นอกจากนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT มีอัพไซด์ 35.95% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 38.25 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 52.00 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ A และมี Dividend Yield ที่ 2.82%
ปิดท้ายด้วย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มีอัพไซด์ 39.07% เมื่อเทียบจากราคาหุ้นที่ระดับ 151 บาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.68 ต่อราคาเหมาะสมที่ 210.00 บาท ขณะที่ ESG RATING อยู่ที่ระดับ AAA และมี Dividend Yield ที่ 5.38%
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
