17 เม.ย. เวลา 07:48 • ความคิดเห็น

ปัจจุบันขณะทางธุรกิจ

เมื่อวันก่อน ได้ฟังพี่ติ๋ม ศิริลักษณ์แห่งเดอะมอลล์ เล่าปิดท้ายในคลาส aloha ถึงคำสอนของพระอาจารย์พรหม ที่ตั้งคำถามให้กับสานุศิษย์ว่า...
“ใครคือคนที่สำคัญที่สุด เวลาไหนสำคัญที่สุด และอะไรสำคัญที่สุดที่ต้องทำ”…
ผมเคยได้ยินคำตอบนี้จากวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดาตอนมาบรรยายหลังจากที่เพิ่งบวช เป็นคำตอบที่เซอร์ไพรสผม เพราะคิดว่าวู้ดดี้จะตอบว่าพ่อแม่ แต่วันนั้นวู้ดดี้ตอบว่า คนที่สำคัญที่สุดคือผมผู้สัมภาษณ์และผู้ฟังในห้อง เวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบรรยายในตอนนี้ที่ต้องทำให้ดีที่สุด…
ทำให้ผมเข้าใจคำว่าปัจจุบันขณะได้ชัดเจนมากขึ้นมาก หลังจากนั้นก็ได้พบเห็นปัจจุบันขณะในทางธุรกิจอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
ปัจจุบันขณะกับความเป็นผู้นำ
คุณอาณัติ จ่างตระกูล อดีตผู้บริหารซัมซุงผู้นำพาซัมซุงขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของไทย เคยเล่าในการบรรยายหลักสูตร เอบีซี เรื่องคุณสมบัติที่ดีของผู้บริหาร คุณอาณัติบอกว่า นิสัยที่สำคัญที่สุดของผู้บริหารที่จะประสบความสำเร็จและได้ใจผู้ใต้บังคับบัญชา คือการให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
จริง ๆ คุณอาณัติพูดใหญ่กว่านั้นว่า คนที่สำคัญที่สุดในโลก คือ คนที่อยู่ตรงหน้าเรา
คุณอาณัติสอนว่า ถ้ามีลูกน้องเดินเข้ามาคุยด้วย เราต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ในขณะนั้นก่อน ใช้คอมอยู่ก็ปิดคอมลง เขียนอะไรอยู่ก็หยุด ฟังโทรศัพท์อยู่ก็กดวางหูก่อน แล้วตั้งใจ "ฟัง" ลูกน้องที่อยู่ตรงหน้า เพราะถ้าหัวหน้าไม่ฟัง ทำโน่นทำนี่ไปด้วย คนเรามีเซนส์ว่าได้รับความสนใจ ใส่ใจหรือไม่
ถ้าหัวหน้าไม่ใส่ใจ ลูกน้องก็จะคิดว่า หัวหน้าไม่ให้ความสำคัญ ไม่เชื่อถือ และนำไปสู่การไม่ Trust กันในที่สุด
การใส่ใจคนที่อยู่ตรงหน้า เป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดบทเรียนหนึ่งที่กลั่นมาจากประสบการณ์หลายสิบปีของคุณอาณัติเลยทีเดียว...
ปัจจุบันขณะกับจิตวิญญาณการให้บริการ
Will Guidara ผู้สร้างร้านอาหาร fine dining ที่ชื่อ Eleven Madison Park (EMP) จนเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งของโลก มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีและเขียนหนังสือชื่อ unreasonable hospitality โดยเล่าถึงหัวใจสำคัญที่ควบคู่ไปกับอาหารที่ทำให้ร้าน EMP ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้ในปี 2017 ก็คือการมีจิตวิญญานการให้บริการลูกค้าในระดับที่ลูกค้าคาดไม่ถึงอย่างสม่ำเสมอจนลูกค้ารู้สึกและจำได้ (แนะนำให้ใครที่ทำงานบริการควรไปหามาอ่าน สนุกและมีประโยชน์มากๆครับ)
วิลมีกฎข้อแรกของการทำงานบริการระดับสูงสุดก็คือ “being present” ทีมงานของเขาทุกคนต้องอยู่กับปัจจุบัน แคร์กับคนที่อยูู่ตรงหน้าและสิ่งที่ทำตอนนี้อย่างสูงสุดจนหยุดสนใจว่าจะทำอะไรต่อ (stop caring about everything you need to do next)
วิลบอกว่าโลกที่วุ่นวายตอนนี้ทำให้ทุกคนมีสิ่งที่ต้องคิด ต้องเตรียมอยู่ในหัวตลอดเวลาจนรีบเร่งไปหมด แต่การให้บริการในระดับที่จะให้ลูกค้า “รู้สึก” และ “จำ” เราได้นั้นต้องเริ่มจากตัวเราเองที่ต้องช้าลงและตั้งใจ “ฟัง” ลูกค้าให้ได้ยินชัดๆเสียก่อน เราถึงจะเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้จริงๆและคิดถึงการที่จะทำให้เหนือกว่าความต้องการนั้นได้
ปัจจุบันขณะคือจุดเริ่มต้นของหัวใจของจิตวิญญาณการให้บริการระดับสูงสุดของผู้สร้างร้านอาหารอันดับหนึ่งของโลก...
ปัจจุบันขณะกับประสิทธิภาพ
สำหรับคนไทยเราเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเห็นเจ้าหน้าที่รถไฟญี่ปุ่นชี้นิ้วและตะโกนตอนรถไฟจะปิด ก็คงแปลกใจอยู่ว่าเขาต้องชี้ทำไม และถ้าสังเกตดีๆ เจ้าหน้าที่รถไฟอีกหลายตำแหน่งก็ทำเหมือนกัน ตั้งแต่คนขับรถไฟพอใกล้ๆถึงก็จะชี้ไปที่หน้าปัดแล้วตะโกน หรือพอรถไฟใกล้ที่ชานชาลาก็จะมีเจ้าหน้าที่ชี้แล้วตะโกนเหมือนกัน
ในมุมของคนต่างถิ่นก็จะดูตลกๆเว่อร์ๆน่าขำอยู่เหมือนกัน
โดยชีวิตประจำวันแล้ว เรามักจะไม่ค่อยได้มีสติกับการทำอะไรที่เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่เป็นรูทีน เพราะหัวเราจะคิดโน่นคิดนี่ตลอดเวลา มันเป็นสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันโดยใช้ความเคยชิน ซึ่งความเคยชินโดยที่ไม่ได้มีโฟกัสกับงานที่ทำนั้นค่อนข้างอันตรายโดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความละเอียดและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงอยู่มาก
ญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงทางด้านคมนาคม ไม่พูดถึงเรื่องความตรงต่อเวลาในระดับเป็นวินาทีที่เป็นที่ยกย่องกันทั่วโลก
เขามีระบบที่เรียกว่า point and calling system หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า shisa kanko เป็นท่าบังคับที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่สำคัญๆของกระบวนการรถไฟต้องชี้แล้วตะโกนดังๆออกมาถึงกระบวนการนั้น เช่นรถไฟจะเข้าจอด คนขับก็ต้องชี้ที่หน้าปัดแล้วพูดตัวเลขออกมา พูดความเร็วของรถไฟในตอนนั้น หรือตอนประตูจะปิด เจ้าหน้าที่ที่ดูแลตรงชานชาลาก็จะต้องชี้ไปที่ประตูต่างๆแล้วพูดออกมาว่ามีคนหรือไม่มีคน เคลียร์หมดแล้วหรือไม่
ที่ต้องทำเช่นนั้นโดยที่ไม่ใช่แค่มองโดยใช้สายตากวาดดูตรวจตราว่าเรียบร้อยซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ทำแบบนั้น ก็เพื่อเอาชนะความเคยชินที่อาจเป็นอันตรายถ้าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นการเปลี่ยนจาก non conscious habit ไปเป็น conscious level (หนังสือ atomic habit) ทำให้เกิดการกระตุ้นประสาทของ มือ ปาก หู ตา และสมองให้สังเกตไปพร้อมกันว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
การอยู่กับปัจจุบัน เป็นวิธีเตือนตัวเองอยู่กับสิ่งที่สำคัญตรงหน้า ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าการใช้วิธี point and calling นั้นสามารถลดอุบัติเหตุไปได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก มีหลายอุตสาหกรรมเช่น รถยนต์ ก็นำไปใช้และได้ผลเช่นกัน
ท้ายที่สุด การที่เราฝึกสติ เข้าใจประโยชน์ของปัจจุบันขณะว่าคนที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ และเวลานี้คือเวลาสำคัญที่สุด ทำให้เรามีสมาธิกับงานที่อยู่ตรงหน้า คนตรงหน้าและเวลาปัจจุบัน อันจะส่งผลให้เกิดความพิเศษต่อคนที่เราใส่ใจและงานที่เราทำอยู่อย่างอัศจรรย์
นอกจากจะเพิ่มขีดความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดี การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการยกมาตรฐานการบริการไปอีกขั้นได้แล้ว
ปัจจุบันขณะก็ยังทำให้เราหลุดจากปัญหาที่แก้ไม่ได้แต่ทำให้เรากังวลจนลืมว่าอะไรสำคัญ เช่นปัญหาระดับโลกจากคนบ้าๆ แบบทรัมป์ หรือปัญหาคนอื่น โดยเฉพาะปัญหานักร้องดาราชู้สาว แล้วกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญจริงๆก็คือผู้คน ทีมงาน ลูกค้าและงานที่อยู่ตรงหน้าเรา
และหมายรวมถึงครอบครัวเวลาอยู่พร้อมหน้าด้วยนะครับ….
โฆษณา