18 เม.ย. เวลา 01:45 • ไลฟ์สไตล์

การเดินธุดงค์ เพื่อการเจริญจิตตื่น เข้าป่ามหาสงกรานต์🚩

ซึ่งในแต่ละวัน ต้องผ่านเหตุการณ์ ต่างๆมากมาย แต่ไม่ว่าจะเรื่องราวจะเป็นเช่นไร
ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเป็นอุปกรณ์ ให้เราได้ตื่นรู้
ว่าทุกอย่าง ล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีอะไรคงที่ และแน่นอน เป็นการเดินทางช่วงวันที่ 12 เมษายน ถึงวันที่ 16 เมษายน 4 คืน 5 วัน เป็นเมษายนที่ชุ่มฉ่ำมาก
สมาชิกทั้งหมด 17 คน
สรุป การเดินทาง ธุดงค์ภูหลวง วันที่ 12 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2568
เริ่มเดินทางเช้าวันที่ 12 ขึ้นทางบ้านเลยวังไสย์ ครั้งนี้เราโชคดี ได้ลูกหาบมา 5 คนทำให้เสบียงทุกอย่างที่เตรียมมา และสัมภาระของพวกเราบางส่วน ยกไปเป็นหน้าที่ของลูกหาบ
กระเป๋าเป้ แต่ละคนจึงไม่ได้หนักมาก เดินขึ้นเขากันได้อย่างสบาย
ครั้งนี้ มีพ่อขุน ซึ่งเป็นชาวบ้านทางเลยวังไสย์ จะอยู่กับพวกเราจนตลอดทริป
เริ่มเดินทางกัน อากาศเย็นสบาย เหมือนมีมรสุม พัดผ่าน เมฆฟ้าครึ้ม ทำให้ไม่ร้อนมาก
จากป่ายางถึงหลังแปร
เริ่มเดินกันประมาณ 9:00 น ถึงหลังแปร ประมาณ 17:00 น
ทางเดิน ทางไต่ค่อนข้างชัน ไต่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครบ่นไม่มีใครว่า ถึงไหนถึงกัน
การเจริญจิตตื่น คือรู้ทุกอย่าง ที่ผ่านมาให้จิตรู้ สิ่งไหนเด่นตื่นรู้สิ่งนั้น ไม่อินอมจมลอย ไม่ก้าวก่ายแทรกแซง ไม่เลือกปรากฏการณ์ ไม่ต้านทานความเปลี่ยนแปลง ก็แค่รู้
การเดิน คือจะพักไปเรื่อยๆ เพราะทางค่อนข้างชัน
ทุกคนใจสู้มาก👍
กว่าจะถึง หลังแปร ก็ประมาณ 5 โมงเย็น แต่เมื่อถึงแล้ว ก็ยังไม่ถึงที่พัก ต้องเดินต่อ เพื่อไปยังหล่นถ้ำ
ซึ่งเป็นบริเวณโขดหิน มีถ้ำ พออาศัยหลบฝนได้
จากหลังแปรเดินถึงที่พัก
ปรากฏว่าหล่นถ้ำไม่มีน้ำ ก็เลยขยับขึ้นมาพักบริเวณใกล้น้ำ
วันนี้เมฆเต็มฟ้า พระจันทร์เต็มดวง แต่ก็โผล่มาให้เห็น เป็นระยะ แต่ส่วนมากก็ถูกเมฆปกคลุม
จันทร์ประภัสสร มีเมฆจรมาชั่วคราว
ที่พักเป็นบริเวณโขดหินขนาดใหญ่ สามารถพักกันได้ เกือบทั้งหมด ทุกคน
แต่อาจารย์กับพ่อโอท่านก็ได้แยกออกไปพักอีกต่างหาก
ก่อนนอนอาจารย์เดินมาพูดคุยด้วย แต่พูดคุยได้ไม่นาน มีเมฆฝน
เริ่มโปรยปรายลงมา ก็ต้องแยกย้ายกัน โชคดี ที่ฝนตกได้ไม่นานก็หยุด อากาศเย็นสบาย ดึกๆมา มีความหนาวเย็นด้วยซ้ำไป
บริเวณที่พักคืนแรก
เช้าวันที่ 13 เมษายน 2568
เป็นเช้าที่ชุ่มฉ่ำมาก วันนี้แผนการเดินทาง คือเดินทางเข้าไปในผืนป่า ที่ไม่เคยสำรวจมาก่อน ทำให้ทุกอย่าง ไม่สามารถคาดเดาได้เลย อาจารย์ นำหมู่คณะเดินเข้าไปในผืนป่า ไปเจอแอ่งน้ำในป่า ก็เลยลงเล่นกันสนุกๆ เย็นฉ่ำมาก ท่ามกลางป่าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก มหัศจรรย์จริงๆ เหมือนอยู่ในโลกอีกโลกนึง ที่อยู่ในเทพนิยาย
เดินไปเจอแอ่งน้ำเล่นน้ำกันสนุกเลย
ในเส้นทางการเจริญจิตตื่น ในวันนี้
เดินไปในป่า ที่เต็มไปด้วยหมอกเมฆ ทัศนวิสัยในการมองเห็น เห็นเพียงแค่คนที่อยู่ใกล้ๆ มองไกลออกไป ก็เห็นแต่หมอกเมฆ มันเหมือนอยู่ในความฝันยังไงยังงั้น
ในป่าที่ลึกลับ
มีเหตุการณ์ตื่นเต้น ที่ไม่คาดคิด เกิดขึ้นในการเดินทางวันนี้ หลังจากที่เราเล่นน้ำกันเสร็จเรียบร้อย
ก็เดินต่อ เพื่อไปยังพิกัดที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 3-4 กิโลที่เรียกว่า แป๊ก 3 ต้น คือต้นสน ที่มีอายุ เป็นสนโบราณ เรียงติดกัน 3 ต้น
แต่เส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ไม่มีทางเดิน ต้องจับทิศไป ปรากฏว่าหลังจากที่เราออกเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็วนกลับมาที่เดิม
เป็นสิ่งที่อัศจรรย์มาก😅
ที่พักหล่นเครื่องบินตก
และหลังจากเดินกลับมาที่เดิม ก็เลยเริ่มเดินใหม่ ปรากฏว่า ไปโผล่ยัง แถวบริเวณป่า ที่เรียกว่าดงนักเลง ซึ่งอยู่ห่างจาก ที่พักเราเมื่อคืน นิดเดียวเอง เป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก วันนี้ทั้งวัน การเดินทาง ที่หฤโหดมาก ต้องบุกป่าฝ่าดง ขึ้นลงร่องน้ำ เล่นเอาเรี่ยวแรงหมดไปตามๆกัน แต่สุดท้ายก็มาโผล่ บริเวณใกล้ๆที่พักเมื่อคืน สุดอัศจรรย์
หลังจากออกจากป่ามาได้ จะเป็นบริเวณทุ่งโล่งไม่มีต้นไม้เรียกว่าหล่น อาจารย์ก็เลยมุ่งตรงไปยัง บริเวณที่ใกล้ต้นแป๊ก 3 ต้นที่สุด คือบริเวณ หล่นเครื่องบินตก
ทุกคนก็เดินด้วยความหมดเรี่ยวแรง แต่ก็ต้องเดินต่อ เพราะทัศนวิสัย เต็มไปด้วยหมอกเมฆ ระหว่างทางเดิน ก็จ๊ะเอ๋กับพี่ใหญ่
เจ้าของพื้นที่ ร้องแปร๊นน ทักทาย
เล่นเอาตกอกตกใจ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร ได้ยินแต่เสียง และเห็นแต่ขี้ช้าง สดๆใหม่ๆ แปลว่า เขารู้แล้วว่าเราจะมาเขาก็เลยถอยเข้าป่าไป สรุปวันนี้ หมดเรี่ยวหมดแรงกันไปตามๆกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
จันทร์ประภัสสร
เช้าวันที่ 14 เมษายน 2568 แต่เป็นการเดินทางวันที่ 3 ของทริปการเจริญจิตตื่น วันนี้พิกัดของเรา ก็คือแป๊ก 3 ต้น และเดินอ้อม หลังภูยองภู และไปพักอย่างบ้านร้างเจ้าหน้าที่ วันนี้ก็เดินกันหนักหน่วง ประมาณ 15 กิโล
แต่เส้นทางก็สวยงาม วันนี้ท้องฟ้าเปิด แต่ก็เป็นการเดินในป่า ทำให้ไม่ร้อน อากาศเย็นสบาย
สวยงามตามท้องเรื่อง
รับพลังจากแป๊ก 3 ต้น
ระหว่างทางไปยังแคมป์ร้าง
สภาพทุลักทุเลมากกว่าจะถึงที่พัก
บริเวณแคมป์ร้าง
รูปพญาเสือบริเวณแคมป์น่ากลัวมาก
เช้าวันที่ 15 เมษายน 2568 แต่เป็นการเดินทางวันที่ 4 ซึ่งพรุ่งนี้เช้า เราก็จะต้องลงจากเขาแล้ว เป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย เพราะไม่ต้องลุย เดินทางเดินที่สะดวก แต่เป็นการเดิมที่ยาวไกลเหมือนเดิม วันนี้ก็บวกลบประมาณ 15 กิโลเมตร
บริเวณบ่อทรายดูด
การเดินทางวันนี้คือเดิน ออกจากแคมป์ร้าง พิกัดก็คือ บริเวณบ่อกบ ใกล้กับทางลงเขา แต่ระหว่างทางเดิน ก็ต้องผ่าน หล่นสาวแยงขีง ผ่านป่า ผ่านบ่อทรายดูด และอาจารย์ท่านก็ใช้ทางเดินริมหน้าผา ระหว่างทางเดินก็จะเห็น ภูหอ ภูกระดึง สวยงาม ระหว่างทางเดิน ลมเย็นโชยมาเบาๆ ทำให้เย็นสบายระหว่างการเดินทาง
แต่เนื่องจาก ต้องเดินขึ้นลงก็เล่นเอาเหนื่อยพอสมควร
จอมยุทธสายตื่นรู้
เรามาพักกินข้าวเที่ยง กันที่บริเวณหล่นเครื่องบินตก ซึ่งเราได้ฝากของบางส่วนไว้ และได้ทำแกงป่า กินเป็นอาหารกลางวัน พ่อโอพ่อขุนและอาจารย์ ได้ช่วยกันตัดหวายป่า มาเป็นเครื่องเคียงส่วนผสม และมีเห็ดหูหนูป่า ปลาแห้งปลากระป๋อง
ผักชีช้าง ผักกูด ผักกาดป่า สารพัด ใส่เป็นสูตรอาหารรสเด็ด
และมีแม่ครัวรักดี ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารป่า มาช่วยปรุงรส ก็เลยทำให้อาหารกลางวันมื่อนี้อร่อยเหาะไปเลย
เมนูอาหารป่า
อาจารย์เปรียบเทียบปรากฏการณ์ต่างๆ เป็นพลังงาน ที่กำลังเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เข้าใจโครงสร้าง ของการทำงานของจิตใจ ก็จะมี 3 ส่วนผสมที่สำคัญคือ
1.ใจ คือสภาพธรรมที่เป็นธรรมดา โล่งๆว่างๆไร้ขอบเขตทุกๆด้าน เป็นธรรมชาติพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง
2.ปรากฏการณ์ หมายถึงสิ่งที่มาปรากฏให้ใจรับรู้ หมายถึงทุกสรรพสิ่งที่ปรากฏแม้แต่อณูที่เล็กที่สุด ที่ไหนมีใจที่นั่นย่อมมีปรากฏการณ์ ไม่ต้องแสวงหาเพราะมันมีอยู่แล้วในปัจจุบันขณะ
3.การทรานฟอร์มเปลี่ยนแปลงการทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ทุกปรากฏการณ์ ย่อมตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์
สิ่งที่ควรตระหนักชัด ในประการแรก ก็คือใจธรรมดา ใจก่อนที่จะคิด ใจก่อนที่จะรู้สึก ใจก่อนที่จะมีปรากฏการณ์ต่างๆมาปรากฏ
มันเป็นธรรมชาติที่ไม่ต้องสร้าง
เป็นธรรมชาติพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว เพียงแค่วางใจในธรรมดา แล้วรับรู้ปรากฏการณ์ แล้วเห็นความเปลี่ยนแปลง
หลังจากเราทานข้าวเที่ยงกันเสร็จ ก็เดินตามหล่นมุ่งตรงไปยังหล่นถ้ำ ซึ่งเป็นที่พักคืนแรกของพวกเรา และเราได้ฝากเสบียงไว้บางส่วนไว้
เอาเสบียงแล้วเดินกันต่อเพื่อไปพักที่บ่อกบใกล้กับทางลง ซึ่งจะมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ระหว่างทางเดิน ก็มีฝนตกลงมาชุ่มฉ่ำ พอไปถึงบ่อกบ ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนักหน่วง บางคนก็ยังไม่ได้กลางฟลายชีท ทำที่พักสำหรับคืนนี้ แต่บางคนก็กางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทนทานสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงได้ ทุลักทุเลกันพอสมควร บางคนก็ต้องหนีเข้าไปอยู่ในถ้ำ ซึ่งมีบริเวณไม่กว้างขวางนักแต่ก็พออยู่กันได้
สุดท้ายก็ผ่านค่ำคืนที่ทุลักทุเล เป็นการปิดท้ายทริปการเจริญจิตตื่น ได้อย่างน่าประทับใจ ทุกคนผ่านอุปสรรคมาได้แบบไม่ปริปากบน รับรู้ความเป็นไปรับรู้ความเปลี่ยนแปลงด้วยจิตใจที่ตื่นรู้เบิกบาน
วันนี้เป็นวันสุดท้าย เราต้องลงจากเขาแล้ว บริเวณบ่อกบ จะเป็นบริเวณที่มีดอกกระเจียว ขึ้นอย่างสวยงาม เป็นบริเวณป่าหญ้าคา ที่เตียนโล่ง และมีดอกกระเจียวแซมเป็นธรรมชาติที่สวยงาม
ทุ่งดอกกระเจียว
การธุดงค์ การเจริญจิตตื่น ในครั้งนี้ถือว่าครบทุกรสชาติ ครบทุกปรากฏการณ์ ให้ได้ตื่นรู้ มีทั้งร้อนมีทั้งหนาวมีทั้งฝน มีทั้งเหนื่อยมีทั้งหิว มีปรากฏการณ์ต่างๆหลากหลาย ให้ใจธรรมดานั้นได้รับรู้ เห็นความจริง ก็คือ เห็นปรากฏการณ์ต่างๆนั้น ล้วนเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ธรรมชาติปรากฏการณ์ต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นตั้งอยู่และเสื่อมสลายหายไป จะคงอยู่ก็เพียงแค่ใจธรรมดา ที่รับรู้ที่เห็นความเปลี่ยนแปลง
แนวหน้าผา
การเดินลงจากเขา ก็เป็นไปอย่างราบรื่น อาจารย์พาพักผ่อนตามริมหน้าผา และค่อยๆไต่ลง ตามทางที่เคยขึ้นมา มีหลงไปบ้าง แต่ก็กลับมาได้ เดินลงถึงพื้นราบ ประมาณ 14:30 น
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ที่นำพาลูกศิษย์ ให้ได้รู้จักการตื่นรู้ ได้มาพบปรากฏการณ์ที่หลากหลาย ให้ได้เข้าใจคำว่าใจธรรมดา
มีขึ้นก็ต้องมีลง
ขออนุโมทนาสาธุ กับกัลยาณมิตรทุกท่านที่ได้ร่วมเดินทางมาเรียนรู้ด้วยกันในเส้นทางแห่งการตื่นรู้นี้
สมาชิกทั้งหมดมี 17 คน
  • 1.
    ​ท่านอาจารย์กะลา
  • 2.
    ​พ่อโอ
  • 3.
    ​ศิษย์พี่กุ้ง
  • 4.
    ​ศิษย์พี่แอ๋ว
  • 5.
    ​พี่หญิง
  • 6.
    ​พี่ภี
  • 7.
    ​พี่รัก
  • 8.
    ​สุเทพ
  • 9.
    ​รักดี
  • 10.
    ​มงคล
  • 11.
    ​กุ้งหวาน
  • 12.
    ​ออม
  • 13.
    ​หนุ่ม
  • 14.
    ​เป็ด
  • 15.
    ​คุณหมอ
  • 16.
    ​สุพจน์
  • 17.
    ​พ่อขุน เป็นคนพื้นที่หมู่บ้านเลยวังใส
สมาชิก
สมาชิก
โฆษณา