ไล่เช็คบิล...อดีตผู้บริหารหุ้น SABUY
เจ๊เมาธ์ยังเชื่อว่านักลงทุนหลายคน ยังไม่ลืมว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา SABUY คือ หนึ่งในหุ้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของ “ความเสื่อม” ทั้งเรื่องการปั่นข่าว การซอร์ตเซล (Naked Short Selling) รวมไปถึงการจำนำหุ้น (Margin Loan) ก่อนที่ความเสื่อมที่ว่านี้ จะลุกลามเป็นวิกฤตศรัทธาของนักลงทุน ที่มีต่อผู้ควบคุมกติกา (Regulators) ของตลาดหุ้นไทย
ล่าสุดมีข่าวว่า SABUY ฟ้องเรียกเงินจากบริษัทลูกหนี้จำนวน 900 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่ชำระหนี้คืนหลังบริษัทให้กู้ตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ย. 66 พร้อมกันนี้ ยังฟ้องเรียกเงินอีก 1,700 ล้านบาท จากอดีตผู้บริหาร พร้อมกล่าวหาว่าดำเนินงานไม่สอดคล้องกับกฎหมายจนสร้างความเสียหายบริษัท
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ (4 เม.ย. 68) พบว่า ทาง บมจ.ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น หรือ TSR ซึ่งก่อนหน้านี้ SABUY เคยเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จนถึงกับต้องเปลี่ยนชื่อบริษัท มาเป็น บมจ. สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ก็เตรียมฟ้องกรรมการและผู้บริหารของ SABUY ที่เข้ามาบริหารงานใน TSR ก่อนที่ต่อมาไม่กี่วัน SABUY จะยื่นฟ้องเรียกเงินจำนวน 1,700 ล้านบาท จากอดีตผู้บริหาร และฟ้องเรียกเงินจากบริษัทลูกหนี้จำนวน 900 ล้านบาท
ที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือ การปล่อยเงินกู้ (เม.ย.-พ.ย. 66) อยู่ในช่วงเวลาก่อนที่จะเริ่มออกอาการ “ฝีแตก” ไม่นาน ...แต่ทำไม SABUY ถึงมีปัญญาปล่อยกู้ได้มากถึง 900 ล้านบาท!!!
ถ้ายังจำได้ตลอดช่วงหลายปี ที่เจ๊เมาธ์เขียนบทความถึง SABUY เจ๊เมาธ์มักจะตั้งข้อสังเกตในเรื่องของการแถลงข่าวสารพัดดีล เพื่อการขยายธุรกิจ ซึ่งตอนนั้นเกิดบ่อยๆ และยิ่งมากในตอนที่ราคาหุ้นของ SABUY ถูกดันขึ้นไปสูง จนไม่น่าเชื่อ ส่งผลให้เจ๊เมาธ์มองไปถึงเรื่องของการ “ปั่นข่าว”
จนต่อมา การที่ SABUY เข้าไปลงทุนซื้อ SINGER ซึ่งหนึ่งในหุ้นกลุ่มตัวเจ ซึ่งประกอบไปด้วย JMART JMT SINGER J และ SGC ในช่วงปี 2566 เริ่มตั้งแต่ราคา 27 บาท ซึ่งเป็นราคาแรกซื้อ จนมาซื้อเพิ่มที่ราคา 22 บาท ก่อนที่จะ “คายของ” ออกมา ในสภาพที่ขาดทุน อาจถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเข้าสู่ทางตัน...
ท้ายที่สุด “ระเบิดเวลา” ที่ฝังตัวอยู่ใน SABUY ก็ได้ระเบิดอย่างรุนแรง โดยเริ่มจากการที่ “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ซึ่งทำหน้าที่ CEO ในขณะนั้นได้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีที่ บริษัทสงสัยว่า มีการทำ Naked Short Selling ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 66 ซึ่งทำให้ราคาหุ้น SABUY เกิดความผันผวนอย่างหนัก
สอบถามไปยัง ตลท. จนต่อมา ก็เฉลยออกมาว่า “ชูเกียรติ” ถูก Force Sell (บังคับขาย) จากการเอาหุ้นในมือไปจำนำ (Margin Loan) จนแทบไม่เหลือหุ้นในมือ และในที่สุด “ชูเกียรติ” จำเป็นจะต้องลาออกจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทฯ
ถึงตอนนี้จะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า SABUY ซึ่งตอนนั้นอยู่ในจังหวะที่อ่อนไหวอย่างถึงที่สุด ทำไมจึงมีปัญญาปล่อยเงินกู้ถึง 900 ล้านบาทออกมาได้ ขณะเดียวกัน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า “อดีตผู้บริหาร” ของบริษัทฯ ที่ถูกฟ้องมีใครบ้าง งานนี้ถ้าจะยาว
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
