ทำอย่างไร ? ให้มีเมตตามหานิยม ตามหลักพุทธศาสนา
.
สวัสดีครับ กระผม คุณครูเอ็กซ์ตร้า
.
กราบสวัสดี ผู้เจริญในธรรม ในศีล สมาธิ ปัญญา ทุกท่าน ครับ
.
ก่อนอื่น เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า
.
เมตตามหานิยม คืออะไร ?
.
เมตตามหานิยม เป็นคำพูดคล้องจอง
ในความเชื่อทาง "พุทธศาสนาแบบพื้นบ้าน" ของประชาชน
.
ที่หมายถึง การทำให้คนอื่น เกิดความรัก ความชอบ สนใจในตัวเรา
.
โดยใช้วิธีการต่าง ๆ ทั้งทางจิตใจ ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง
.
เป็นการสร้าง ความนิยมชมชอบจากผู้อื่น
โดยอาจใช้ทั้งหลักธรรม และ คนที่เชื่อว่ามีวิชาอาคม
.
ใช้คาถาอาคม เช่น การลงนะหน้าทอง
ลงยันต์ ใช้ว่านยา เครื่องรางของขลัง พระเครื่อง เป็นต้น
.
ที่นี้หากกระผมถามต่อว่า
หากเราเลือกที่จะไม่พึ่ง เครื่องมือทาง ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง
.
แล้วจะทำอย่างไร ? ให้เรามี "เมตตามหานิยม" ในตนเอง
.
เราต้องใช้พระเครื่องสมเด็จรุ่นไหน ? หรือ ไปลงนะหน้าทองที่ใด ?
.
ตรงนี้ก็จะเข้าสู่โหมด "ความเชื่อส่วนบุคคล" แล้วละครับ
.
ท่านใด มีกำลังใจเสริมแรงได้จากสิ่งไหน ก็สุดแล้วแต่จะพิจารณา ครับ
.
ชอบใคร ชอบมัน เรื่องของใคร เรื่องของมัน
.
ใครทำแล้วดี ทำแล้วปัง กระผมก็ขอยกมือท่วมหัว
อนุโมทนาสาธุ ขอให้สมปรารถนา ทุกคนทุกท่าน ครับ
.
หากแต่เป็น "เมตตามหานิยม" ตามหลักพุทธศาสนา
.
วิธีสร้างเสน่ห์ด้วย "ธรรมะ" ที่ใคร ๆ ก็รักได้
โดยไม่ต้องใช้ "ของขลัง" ไม่ต้องพึ่ง "ไสยศาสตร์"
.
คุณรู้ไหมครับว่า "เสน่ห์ที่แท้จริง"
อาจ ไม่ได้เกิดจาก "ตะกรุดเก่าร้อยปี" อาจไม่ได้เกิดจาก "กุมารทอง" ครับ
.
แต่อาจเกิดจาก "แสงสว่างภายในจิตใจ" ที่เราสามารถสร้างได้ด้วย "ธรรมะ" ครับ
.
กระผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างนี้นะครับ
.
สมมุติมี บุคคล 2 คน ชื่อนาย A และ นาย B
.
นาย A เป็นคนที่มีนิสัย คิดมาก มองโลกในแง่ร้าย ชอบพูดจาหยาบคาย
.
เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น ชอบพิจารณาคนอื่น ไม่ชอบพิจารณาตนเอง มีพลังลบ
.
เปรียบเทียบ กับ นาย B มีนิสัย ยิ้มแยมแจ่มใจ อ่อนน้อมถ่อมตน ตรงไปตรงมา
.
มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ ถือศีล 5 มีความกตัญญูู มีพลังบวก
.
ถ้าหมดทั้งโลกนี้ เหลือบุคคลแค่ 2 คนนี้ คุณจะเลือก "เมตตา" ใครครับ
.
ระหว่างนาย A มีพลังลบ คุยไม่รู้เรื่อง
หรือ นาย B มีพลังบวก พร้อมปรับปรุงแก้ไข
.
"เมตตามหานิยม" ไม่ใช่แค่การทำให้คนชอบเรา ครับ
.
แต่คือ การแผ่ "ความรัก" ไปโดยไม่ต้องยึดติด
.
ตามที่ "พระพุทธเจ้า" ท่านสอนไว้ในหลักธรรม "พรหมวิหาร 4" ครับ
.
1. เมตตา คือ ความปรารถนาดีต่อทุกชีวิตโดยไม่แบ่งแยก
.
2. กรุณา คือ ความเห็นอกเห็นใจเมื่อเห็นผู้อื่นมีความทุกข์
.
3. มุทิตา คือ การยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี โดยไม่คิดอิจฉา
.
4. อุเบกขา คือ การปล่อยวางเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
.
เมื่อเรามีหลักธรรม 4 ข้อนี้ครบครับ "จิตใจของเราจะสว่าง"
.
และ คนรอบข้างเราจะสัมผัสถึง "ความปรารถนาดี" ของ "เรา" ได้โดยธรรมชาติ ครับ
.
คนที่มีเมตตามหานิยม อาจคือคนที่ "พูดให้น่าฟัง ฟังให้น่าคบ" ครับ
.
ก่อนพูด ลองถามตัวเองว่า คำนี้จะทำให้ "เขา" ดีใจ หรือ เสียใจ
.
เวลาคนอื่นพูด "ฟัง" ด้วยตา และ ด้วยใจ
ไม่แย่งพูด ไม่ตัดสิน ยิ้มแย้มแจ่มใส
.
เพียงแค่ "คุณ" ทำแค่นี้
"คุณ" ก็อาจจะกลายเป็นคนที่ใคร ๆ
ก็อยากคุยด้วย มีมิตรภาพที่ดีงาม แล้วครับ
.
หากใช้หลัก "พุทธศาสนา"
เพิ่มเติมความเมตตามหานิยม ให้ตนเอง เข้าไปอีก
.
การแผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดีให้ผู้อื่น ด้วยการสวดมนต์ หรือ นั่งสมาธิ
.
ก็เป็นวิธีที่ถูกต้องดีงาม ควรแก่การฝึกฝน สะสมครับ
.
ทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา
แผ่ความรักให้สรรพสัตว์ เพิ่มบุญบารมี
ให้ตนเองใจเบา ผ่อนคลาย
.
รักษาศีล 5 ทำให้จิตใจ "ตนเอง" ผ่องใส เบิกบาน
.
นี้ก็คือ สุดยอดเสน่ห์ เมตตามหานิยม
ที่เราจะเสริมบารมีให้ "ตนเอง" แล้วครับ
.
สรุป ครับ
.
เมตตามหานิยม คือ การทำให้คนอื่นรัก และ ชอบเรา
.
โดยอาจทำได้ทั้งแบบใช้ "ธรรมะ"
หรือ ใช้ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง
.
ขึ้นอยู่กับ "ความเชื่อ" ของแต่ละบุคคล ครับ
.
ในทาง "พุทธศาสนา"
การสร้างเสน่ห์ควรใช้ การแผ่เมตตา การทำความดี และ การรักษาศีล ครับ
.
ส่วนทาง "ไสยศาสตร์" อาจเน้นการใช้สิ่งของ พิธีกรรม เพื่อเสริมกำลังใจ
.
ซึ่งบางวิธีอาจจะขัดต่อหลัก ศีลธรรม และ ความเป็นจริง ครับ
.
ไม่มีวิธีไหนผิด ไม่มีวิธีไหนถูกครับ
เพราะชีวิตเป็นของคุณ
คุณกำหนดเส้นทางชีวิตของคุณเองได้ ครับ
.
หากแต่ "คุณ" ฝึกการพูดจาให้ไพเราะ
ยึดหลักธรรม หิริโอตัปปะ (ความละอายต่อบาป) ถือศีล 5
.
สะสมความมีน้ำใจ ความจริงใจ
ช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน
.
รักษาความสะอาด ดูแลรูปร่างหน้าตา สุขภาพร่างกาย
แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ให้ดูน่าประทับใจ
.
ฝึกเป็นผู้ฟังที่ดี ทำให้คนรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้
.
มองโลกในแง่ดี เพราะ ผู้คนมักชอบผู้ที่มี "พลังงานบวก" ครับ
.
หาก "คุณ" ฝึกแบบนี้ได้ทุกวัน
จะทำให้ "จิตใจ" ของคุณเริ่มอ่อนโยนขึ้น
และ ผู้คนจะรู้สึกได้ถึงพลังงานดี ๆ จากคุณ ครับ
.
บางทีแล้ว "คุณ" อาจจะไม่ต้องใช้พระสมเด็จ
หรือ เครื่องรางของขลังราคาแพงที่ใดเลย
.
เมื่อคุณเลือกการ "ให้" แบบไม่ยึดติด
"บุญ" นั้นจะกลายเป็น "เสน่ห์ทางจิตใจ" ที่ใคร ๆ ก็สัมผัสได้ ครับ
.
เมตตามหานิยม อาจไม่ต้องใช้เวทมนตร์ ไม่ต้องเสกคาถา
.
แต่คือ "หัวใจ" ที่เต็มไปด้วย "แสงสว่าง" และ ความดีงามใน "จิตใจ" ของคุณ
.
เมตตามหานิยม
อาจจะเท่ากับ "การฝึกจิตใจให้ใสสะอาด"
แล้วเสน่ห์จะตามมาหา "คุณ" เอง ครับ
.
ลองทำตามวิธีนี้ดู นะครับ คุณอาจจะพบว่า
ผู้คนรักคุณ เพราะใจ "คุณ" สวย
อาจไม่ใช่เพราะ "ของขลัง" ครับ
.
แต่หากว่าท่านใด มีของดี ของขลัง ก็แนะนำแบ่งปันกันได้นะครับ
.
เพราะบางทีแล้ว การปฏิบัติให้ถูกครรลองคลองธรรม
.
ก็อาจจะควบคู่ไปกับ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
.
เพื่อให้เรามีแรงกาย มีกำลังใจ สู้ต่อไป
ในโลกที่มีแต่ การแก่งแย่งแข่งขัน ครับ
.
สุดท้ายในตอนนี้ ครับ ขอให้ผู้เจริญในธรรม ทุกท่าน
.
จงเป็นผู้เจริญในศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
.
จนนำไปสู่ความหลุดพ้น จากความทุกข์ทั้งปวง ทุกคน ทุกท่าน ด้วยเทอญ สาธุ 🙏🙏🙏
.
สวัสดีครับ
.
#ธรรมะ , #ศาสนาพุทธ , #พุทธศาสนา , #เมตตามหานิยม
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
