19 เม.ย. เวลา 03:00 • ธุรกิจ

การท่องเที่ยวไทยและญี่ปุ่น ปี 2567

สำนักข่าว CNN แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรเยี่ยมชมในปี 2025 โดยหนึ่งในนั้นคือ เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางของเอเชีย และเป็นที่ตั้งของเทือกเขาในเขตอบอุ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ประเทศโบลิเวีย ยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองการประกาศอิสรภาพจากสเปน โบลิเวียมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง อาทิ ทะเลสาบติติกากา ทะเลสาบเดินเรือที่สูงที่สุดในโลก และเมืองซูเคร เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบสเปนและได้รับการคุ้มครองโดยยูเนสโก
อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ CNN แนะนำคือ ภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในปี 2025 เมืองโอซาก้าจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo โอซาก้าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากโตเกียว โดดเด่นด้วยระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทำให้การเดินทางสะดวกสบาย ทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น นอกจากโอซาก้า
นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดนารา เพื่อเยี่ยมชมวัดโทไดจิ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก หรือจังหวัดเฮียวโงะ ที่มีชื่อเสียงด้านเนื้อโกเบ และปราสาทฮิเมจิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ปราสาทนกกระสาขาว" ซึ่งรอดพ้นจากทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน-อาวาจิ ในปี 1995
ในปี 2025 ญี่ปุ่นตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 40 ล้านคน โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจาก สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการสร้าง ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ งาน World Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “Designing Future Society for Our Lives”งานนี้จะเป็นเวทีแสดงนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์จากทั่วโลก และมีกำหนดจัดขึ้นระหว่าง เดือนเมษายนถึงตุลาคม 2025
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับความท้าทาย ทั้งในด้าน ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง และ การขาดแคลนแรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อลดผลกระทบเหล่านี้ การนำเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนแรงงาน
จึงกลายเป็นแนวทางสำคัญ เช่น ระบบ Check-in อัตโนมัติ ในสนามบินและโรงแรม เพื่อลดภาระงานของพนักงาน หรือเทคโนโลยี AR/VR ในพิพิธภัณฑ์ ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวและดึงดูดนักเดินทางรุ่นใหม่ นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาด้านแรงงาน แต่ยังสร้าง ประสบการณ์ใหม่ ที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจยิ่งขึ้นในยุคปัจจุบัน
สำหรับการท่องเที่ยวของไทยในปี 2025 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 39 ล้านคน และกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า 205 ล้านครั้ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือนักท่องเที่ยวจากจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อระดับปานกลาง และอีกหนึ่งเป้าหมายคือการมุ่งเน้นการท่องเที่ยวแบบ Wellness Tourism และ Medical Tourism เป็นกระแสหลักของไทยในปี 2025
Wellness Tourism เน้นการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจ รวมถึงการป้องกันอาการเจ็บป่วย ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น สปา โยคะ ดีท็อกซ์ และสมาธิบำบัด
Medical Tourism เน้นการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสูง อาทิ การผ่าตัดเฉพาะทาง การรักษาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และศัลยกรรมความงาม ซึ่งได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
นอกจากนี้ Alternative Healthcare Tourism หรือ การท่องเที่ยวเพื่อการดูแลสุขภาพทางเลือก ก็กำลังเติบโต โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติและศาสตร์ดั้งเดิมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น สมุนไพรไทย แพทย์แผนจีน อายุรเวท การบำบัดด้วยเสียง แสง สี และศาสตร์การปรับสมดุลพลังงาน
.
สถิติที่จะส่งเสริมความน่าเชื่อถือของการท่องเที่ยว Wellness Tourism และ Medical Tourism ของประเทศไทย
- อันดับที่ 5 ในด้านดัชนีความมั่นคงทางสุขภาพ (Global Health Security Index - GHS Index) โดย ศูนย์ความมั่นคงสุขภาพจอนส์ฮอปกินส์
- อันดับที่ 4 ในการเป็นหมุดหมายของ Medical Tourism โดย Global Healthcare Accreditation (GHA) โดยเฉพาะศัลยกรรมความงาม ทันตกรรม และกระดูกและข้อ
- อันดับที่ 17 ในดัชนีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism Index - MTI) โดย International Healthcare Research Center (IHRC)
- สถานพยาบาลมากถึง 63 แห่งที่รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล (JCI accreditation) จาก Joint Commission International
- กรุงเทพฯ ได้อันดับ 1 ของ Best Cities และภูเก็ต ได้อันดับ 5 ของ Best Islands ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากการสำรวจ Readers’ Choice Awards 2024 ของนิตยสาร DestinAsian
ซึ่งความน่าเชื่อถือเหล่านี้ จะเป็นแรงกระตุ้นที่ช่วยเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง มีระยะเวลาพำนักยาวนาน และมีอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป
____________________________
ติดตามเรื่องราวด้านธุรกิจ โอกาสทางด้านธุรกิจ การพัฒนาตนเองที่น่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่นได้ที่
・Website: www.wabiz.info
____________________________
#wabiz #japan #business #japanbusiness #ญี่ปุ่น #ธุรกิจ
โฆษณา