รอยดำ รอยแดง โบกครีมเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที ทำอย่างไรดี ?
เคยไหม ? สิวหายแล้วแต่ รอยดำ รอยแดง ยังอยู่เหมือนเดิม จะลงรองพื้นหนาก็ไม่มั่นใจ ใช้ครีมมาไม่รู้กี่หลอดก็ยังไม่เห็นผลชัดสักที 😩 ถ้าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาแบบนี้ บอกเลยว่าไม่ใช่แค่คุณคนเดียวแน่นอน! รอยแดงจากการอักเสบ หรือรอยดำจากเม็ดสีเมลานินสะสม เป็นอะไรที่ต้องใช้มากกว่าครีมธรรมดาในการจัดการให้หายขาด
แต่ข่าวดีคือ... มีวิธีที่เวิร์กและได้ผลจริง! ✨ เรามีเคล็ดลับพร้อมโปรแกรมดูแลผิวที่ช่วยให้รอยต่าง ๆ จางไว ผิวเนียนใสแบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์ มาแชร์ให้คุณแล้วในบทความนี้ อยากรู้ว่าอะไรช่วยได้จริงอ่านเลย บอกเลยว่าผิวใสไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน
รอยดํา รอยแดง เกิดจากอะไร ?
รอยดำ รอยแดงบนผิวหน้าเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย โดยสาเหตุและลักษณะแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้
รอยแดง (Post-Inflammatory Erythema) เกิดจาก การอักเสบของผิว เช่น สิวอักเสบ แผลถลอก หรือการระคายเคือง เส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัวหลังการอักเสบ ผิวบอบบาง หรือหลังทำหัตถการ เช่น เลเซอร์หรือกดสิว มีลักษณะสีแดงหรือชมพูบริเวณที่เคยมีสิว มักเกิดหลังสิวอักเสบ มักจางลงได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงเดือน
รอยดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation – PIH) เกิดจาก การอักเสบของผิว เช่น สิว รอยแผล หรือการแกะสิว ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไปบริเวณที่อักเสบ มีลักษณะ สีคล้ำหรือน้ำตาลเข้ม มักเกิดตามหลังรอยแดงหรือสิวที่หายแล้ว จางช้ากว่ารอยแดง ใช้เวลาหลายเดือน
รอยดํา รอยแดง ต่างกันอย่างไร ?
รอยดำและรอยแดงเป็นปัญหาผิวที่มักเกิดขึ้นหลังจากสิวหาย แต่มีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รอยแดง (Post-Inflammatory Erythema) เกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวหลังการอักเสบ มักมีลักษณะเป็นสีแดงหรือชมพู และเกิดขึ้นในช่วงแรกหลังสิวหาย โดยเฉพาะในคนผิวบางหรือผิวขาว ซึ่งรอยแดงมักจะจางลงได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงไม่เกิน 3 เดือน และสามารถเร่งให้จางไวขึ้นได้ด้วยการใช้เลเซอร์กลุ่มลดรอยแดง เช่น IPL หรือ VBeam
ในขณะที่รอยดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) เกิดจากการที่ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไปหลังการอักเสบ โดยมักพบในคนผิวสองสีหรือผิวคล้ำ รอยดำจะมีลักษณะเป็นจุดสีเข้ม น้ำตาล หรือเทา ซึ่งจางช้ากว่ารอยแดงและอาจอยู่ได้นานหลายเดือน การดูแลรักษามักใช้สารลดเม็ดสี เช่น Vitamin C, Niacinamide, หรือกรดผลไม้ และอาจใช้เลเซอร์กลุ่มลดเม็ดสีอย่าง Q-Switch หรือ Pico เพื่อช่วยให้รอยจางเร็วขึ้น
รอยดํา รอยแดง รักษาอย่างไรดี ?
รอยดำ รอยแดงจากสิว เป็นปัญหาผิวที่หลายคนเจอและอยากให้จางเร็วที่สุดใช่ไหม? มาดูวิธีรักษาให้เหมาะกับแต่ละประเภทกันดีกว่า 🧴✨
การรักษารอยดำ
- 1.ครีมลดเลือนจุดด่างดำ: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสี เช่น วิตามินซี ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดการสร้างเม็ดสี ไนอะซินาไมด์ ช่วยลดการผลิตเม็ดสีและฟื้นฟูผิว
- 2.การผลัดเซลล์ผิว: ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่มีเม็ดสีเกินออก เช่น AHA/BHA กรดผลัดเซลล์ผิวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รอยดำจางลงเร็วขึ้น และเรตินอยด์ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือนจุดด่างดำ
- 3.การทำทรีทเมนต์: เลเซอร์ลดรอยดำ ที่ช่วยลดเม็ดสีในชั้นผิวโดยตรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวและลดรอยดำ
การรักษารอยแดง
- 1.ครีมลดการอักเสบ: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดอาการอักเสบ เช่น สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica) ช่วยลดรอยแดงและซ่อมแซมเซลล์ผิว สารสกัดชาเขียว ช่วยลดการระคายเคืองและต้านอนุมูลอิสระ และ Aloe Vera ช่วยปลอบประโลมผิวและลดรอยแดง
- 2.การทาครีมกันแดด: การใช้ครีมกันแดด SPF สูงช่วยป้องกันไม่ให้รอยแดงเข้มขึ้น เพราะแสงแดดจะกระตุ้นการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ทำให้รอยแดงเห็นชัดขึ้น
- 3.ทรีทเมนต์ในคลินิก: IPL (Intense Pulsed Light) ช่วยลดรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังและปรับสีผิวให้เรียบเนียน
แก้รอยดำ รอยแดงด้วยโปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ลีเอนจาง ?
โปรแกรมผิวฟิลเตอร์ที่ ลีเอนจาง คลินิก นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรักษารอยดำและรอยแดง โดยโปรแกรมนี้ จะช่วยลดรอยดํา รอยแดงอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ TONING FULL FACE ที่ช่วยปรับสภาพผิว ลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงจากสิวได้อย่างรวดเร็วและกระชับตรงจุด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น พร้อมฟื้นฟูผิวและลดการอักเสบด้วย K-STAR DEWY REJUVENATE ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย ทำให้ผิวดูสุขภาพดี แข็งแรงขึ้น และรอยจางลงเร็วกว่าเดิม
อ่านบทความเพิ่มเติมต่อได้ที่ : https://lienjangthailand.com/black-marks-red-marks/
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
