Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฐานเศรษฐกิจ_Thansettakij
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
19 เม.ย. เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำความรู้จัก กองทุน Thai ESGX ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีดีไหม
Thai ESGX กองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ รับไม้ต่อ LTF พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี กับระยะเวลาถือครองเพียง 5 ปี
กองทุน Thai ESGX ถือเป็นนวัตกรรมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นกระแสในแวดวงการเงินไทย ปี 2568 นี้ ด้วยความพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งนักลงทุนใหม่และผู้ที่ต้องการสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF ที่กำลังจะหมดอายุ
กองทุนนี้มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นไทยที่มีคะแนน ESG สูง ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกอย่างเข้มงวด ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ดึงดูดใจ โดยเฉพาะวงเงินลดหย่อนถึง 300,000 บาทต่อปี และระยะเวลาถือครองเพียง 5 ปี
Thai ESGX ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะปานกลางและผู้ที่ใส่ใจการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ด้วยนโยบายการลงทุนที่ผสมผสานระหว่างหลักการเติบโตทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างลงตัว
นายวีระพล บดีรัฐ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ให้ข้อมูลว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการลงทุนอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environmental, Social, and Governance) ได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งจากนักลงทุนรายย่อ ยและนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากเป็นแนวทางการลงทุนที่คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวและอาจเปิดโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย
ขณะเดียวกันการลงทุนในรูปแบบ LTF (Long-Term Equity Fund) เก่า ได้ครบกำหนดการถือครองตามเงื่อนไขทั้งหมดในปีนี้ ได้สร้างแรงกดดันให้เกิดการเทขายหน่วยลงทุนในตลาดหุ้น
ส่งผลให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกแนวทางใหม่ Thai ESG Extra หรือ Thai ESGX เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่อยอด หรือโยกย้ายเงินลงทุนจากกองทุน LTF เก่าให้คงอยู่ในตลาดหุ้นไทยต่อไป อีกทั้งยังสนับสนุนให้นักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบยั่งยืนด้าน ESG ไปพร้อม ๆ กัน
■
กองทุน Thai ESGX คืออะไร
Thai ESGX คือ กองทุนรวมกลุ่มใหม่ในหมวด Thai ESG ที่มุ่งเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เช่นเดียวกับกองทุน Thai ESG ที่มีอยู่เดิม แต่เพิ่มเงื่อนไขพิเศษด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีขึ้นมาเป็นการเฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนด
โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน และกระตุ้นให้เงินลงทุนยังคงหมุนเวียนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในปี 2568 นี้ กองทุน LTF ทั้งหมดจะสามารถขายคืนได้ตามเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษี
■
ควรโอนเงินจากกองทุน LTF มา Thai ESGX หรือไม่
ก่อนตัดสินใจโอนเงินจากกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX ควรพิจารณาให้รอบคอบ ดังนี้
1. ต้องถือต่อ/ล็อคเงินไปอีก 5 ปี
2. ความเสี่ยง/ความผันผวนของหุ้นไทยในช่วง 5 ปีต่อจากนี้
●
คนอายุเยอะหรือรับความเสี่ยงได้น้อยลงอาจไม่เหมาะกับการโอนเงินจากกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX เพราะกองทุน Thai ESGX มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV จึงเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง
●
โอกาสสร้างผลตอบแทนของหุ้นไทยอาจต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกองทุน RMF ที่เป็นหุ้นต่างประเทศ
3. ส่วนเกิน 500,000 บาท ใช้สิทธิไม่ได้ “โดยผู้ที่มีเงินลงทุนในกองทุน LTF เหลืออยู่มากกว่า 500,000 บาท ส่วนที่เกิน 500,000 บาท จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ต้องโอนมาไว้ที่กองทุน Thai ESGX ทั้งหมดและถือต่อจนครบกำหนด 5 ปี
4. ผู้ที่ใกล้เกษียณหรือใช้สิทธิทางภาษีอีกไม่ถึง 5 ปี (ก่อนปี 2572) กลุ่มดังกล่าวที่ไม่ต้องใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้วหรือเหลือเวลาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกไม่ถึง 5 ปี ไม่เหมาะกับการโอนเงินจากกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX เพราะจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ เนื่องจากส่วนที่ลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาท ในปี 2569 - 2572 จะไม่ได้ใช้สิทธิ
ตัวอย่าง
●
กรณีโอนมาเกิน 300,000 บาท ส่วน 300,000 บาทแรก ลดหย่อนได้ในปี 2568 ส่วนที่เกิน 300,000 บาท อาจไม่ได้ใช้สิทธิ
●
กรณีโอนมาไม่ถึง 300,000 บาท ส่วน 300,000 บาทแรก จะสามารถลดหย่อนได้เต็มสิทธิในปี 2568
■
ยอดเงินลงทุนในกองทุน LTF เกิน 500,000 บาท
หากมียอดเงินลงทุนในกองทุน LTF เดิมเกิน 500,000 บาท และต้องการวางแผนการโอนย้ายและการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านกองทุน Thai ESGX แนะนำว่า หากวัตถุประสงค์ของเงินก้อนนี้ คือ การลงทุนมากกว่าลดหย่อนภาษี ควรโอนย้ายมากองทุน Thai ESGX
แต่หากวัตถุประสงค์ของเงินก้อนนี้ คือ การลดหย่อนภาษีมากกว่าลงทุน ควรพิจารณาความคุ้มที่ได้จากการประหยัดภาษีและโอกาสจากการลงทุนในหุ้นไทย
โดยส่วนที่ได้ลดหย่อนตามฐานภาษีแน่ ๆ คือ 500,000 บาท แต่ส่วนที่เกินจาก 500,000 บาท ซึ่งเปอร์เซ็นต์ของเงินคืนภาษีที่ได้รับจะน้อยลงเรื่อย ๆ เช่น โอนมา 1 ล้านบาท เปอร์เซ็นต์เงินคืนภาษีจะได้เพียงครึ่งเดียวของฐานภาษี อย่างฐาน 20% จะได้เงินคืนภาษีเพียง 10%
■
ยอดเงินลงทุนในกองทุน LTF ต่ำกว่า 500,000 บาท
สำหรับกรณีมียอดเงินลงทุนในกองทุน LTF เดิมไม่ถึง 500,000 บาท เมื่อโอนมากองทุน Thai ESGX ก็สามารถใช้สิทธิได้เท่ากับจำนวนที่มีอยู่เท่านั้น
●
ปี 2568 ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท
●
ปี 2569 - 2572 ลดหย่อนได้สูงสุดปีละ 50,000 บาท
ตัวอย่าง
●
กรณีมีอยู่ 100,000 บาท (มูลค่า ณ วันแจ้งโอนย้าย) ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เท่ากับ 100,000 บาท ในปี 2568 เท่านั้น
●
กรณีมีอยู่ 420,000 บาท (มูลค่า ณ วันแจ้งโอนย้าย) ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เท่ากับ 300,000 บาท ในปี 2568, 50,000 บาท ในปี 2569 - 2570 และ 20,000 บาท ในปี 2571
■
ไม่มี LTF มาก่อน ลงทุน Thai ESGX ได้หรือไม่
หากไม่มีเงินลงทุนในกองทุน LTF มาก่อน ก็สามารถลงทุน Thai ESGX ภายในพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 ได้ และจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มอีก 300,000 บาท (ไม่รวมสิทธิประโยชน์เดิม) ด้วย เนื่องจากในส่วนของเงินลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX เฉพาะที่ลงทุนในปี 2568 สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยไม่รวมกับวงเงินกองทุน Thai ESG เดิม
ดังนั้น ในปี 2568 หากนับรวมการโอนย้าย LTF และเงินลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX แล้ว สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุน RMF, Thai ESG และ Thai ESGX ได้รวม 1.4 ล้านบาท และถ้ารวมเบี้ยประกันชีวิตอีก 1 แสนบาท ก็จะกลายเป็นใช้สิทธิได้รวม 1.5 ล้านบาท
หากใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ทั้งปี 2.4 ล้านบาท หรือรายได้เดือนละ 200,000 บาทขึ้นไป เงินที่ใช้เต็มสิทธิ 1.5 ล้านบาท ก็ช่วยประหยัดภาษีได้ประมาณ 20% ขึ้นไป
สำหรับสิ่งที่คล้ายกันของกองทุน Thai ESGX กับกองทุน LTF มีดังนี้
●
ลงทุนในหุ้นไทย นโยบายการลงทุนของกองทุน Thai ESGX จะเน้นลงทุนในหุ้นไทยเหมือนกับกองทุน LTF โดยจะลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกับกองทุน Thai ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV แต่มีกรอบการลงทุนเพิ่มเติมคือ ต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
●
ระยะเวลาถือครอง กองทุน Thai ESGX กับ กองทุน LTF มีระยะเวลาถือครองใกล้เคียงกัน โดยกองทุน Thai ESGX ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับแบบวันชนวัน ตั้งแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่แจ้งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ส่วนกองทุน LTF ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน (เท่ากับถือครอง 5 ปีเต็ม)
ดังนั้น นักลงทุนที่ถือกองทุน LTF และรับตลาดหุ้นไทยได้ก็เหมาะกับกองทุน Thai ESGX เพราะจากประสบการณ์ลงทุนที่ผ่านมา ไม่ใช่ทุกปีที่ตลาดหุ้นไทยจะติดลบ โดยผลตอบแทนหุ้นไทยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 3.93% ต่อปี และย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 0.44% ต่อปี
1
กองทุน Thai ESGX เป็นทางเลือกการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย พร้อมกับได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF ที่กำลังจะหมดอายุ โดยกองทุนนี้มีเงื่อนไขการลงทุนที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับกองทุน Thai ESG ทั้งในแง่ของระยะเวลาการถือครองที่ลดลงเหลือ 5 ปี และวงเงินลดหย่อนภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขการลงทุนให้ครบถ้วน รวมถึงพิจารณาผลการดำเนินงานของกองทุน Thai ESG ที่มีอยู่เดิม เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
5 บันทึก
1
2
5
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย