สรุปความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ นอกจากจีน ณ วันที่ 20 เมษายน 2025
เกาหลีใต้มีความหวังว่าจะสามารถเจรจาเพื่อขอลดภาษี โดยใช้ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงเป็นจุดแข็ง และลงทุนในเซมิคอนดักเตอร์และ EV เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นน่าจะยอมลงทุนสร้างโรงงานในสหรัฐฯ และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก
เวียดนามน่าจะได้รับประโยชน์จากสหรัฐฯ สหรัฐฯ มองเวียดนามเป็นฐานการผลิตทดแทนจีน โดยเฉพาะในอิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอ
ยุโรป การถอนการสนับสนุนยูเครนของสหรัฐฯ สร้างความไม่พอใจในยุโรป ยุโรปผลักดันความเป็นอิสระด้านกลาโหมและเทคโนโลยี เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
ฝรั่งเศส มีความขัดแย้งด้านภาษี ที่กระทบอุตสาหกรรมไวน์และเครื่องจักร ผู้นำอย่างเอมมานูเอล มาครง ผลักดันให้ยุโรปพึ่งพาตนเองมากขึ้น และมีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อสหรัฐฯ
อังกฤษยังเป็นพันธมิตรที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ทรัมป์มองอังกฤษเป็นมิตรมากกว่าฝรั่งเศสและเยอรมนี นายกฯ เคียร์ สตาร์เมอร์ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวและราชวงศ์เพื่อรักษาการทูต
อิตาลี ภายใต้การนำของ จอร์เจีย เมโลนี ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษนิยมและใกล้ชิดกับทรัมป์ มีโอกาสกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อิตาลีเผชิญภาษีสหรัฐฯ ที่กระทบอุตสาหกรรมแฟชั่นและอาหาร แต่เมโลนีอาจใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับทรัมป์เพื่อเจรจาข้อยกเว้น
อินเดีย น่าจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์มากที่สุด อินเดียวางตัวเป็นฐานการผลิตทดแทนจีน โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ นเรนทรา โมดี และทรัมป์เพื่อเจรจาข้อตกลงทางการค้า
ไทยอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบจากทั้งความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และบทบาทใน BRICS หรือ อาเซียน ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ส่งออก และก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ต้องระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาท และการเลือกข้างในความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐฯ-จีน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
