เมื่อวาน เวลา 04:09 • ไลฟ์สไตล์
ได้อ่านคอมเมนต์ดีๆจากหลายท่าน รู้สึกอยากเขียนความเห็นของกระทู้เเยกออกมา ขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณากลั่นกรองความคิดเห็น ตัวอย่างเช่น
คุณ Luck K บอกว่าเรายังสามารถสอนคนหนุ่มสาวได้ในทางเตือนสติ ซึ่งต้องอาศัยจังหวะ ซึ่งนั้นคือโอกาสที่ดี เนื่องจากพวกเขาอยู่ในสภาวะเปิดใจ
คุณ Another Side ได้กรุณาให้ความเห็นว่า ไม่พึงคิดว่า ผู้ใหญ่หรือตนเองจะมีความรู้ดีกว่าเด็ก พูดไม่ฟัง บอกไม่เชื่อ สอนอะไรก็ต่อต้าน พวกนี้ไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่พึงทำคือต้องย้อนกลับมามองตนเอง เราสามารถสอนเด็กได้ด้วยการปฏิบัติตนเป็นเเบบอย่างที่ดี ตัวอย่างที่ดี ดีกว่าคำสอน เเละไม่พึงอ้างว่าอีกฝ่ายยังเด็ก พึงเคารพในวิจารณญาณของผู้อื่นที่เขาสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่เราเป็น จนถึงตรงนี้ เห็นด้วยเลยค่ะ
เเต่ก็กังขาประโยคที่ว่า การสั่งสอนใครไม่พึงอ้างยุคสมัย เพราะคนที่ใช้ชีวิตมาอย่างดีเเละเป็นเเบบอย่างให้คนอื่นได้ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับยุคสมัย
ผู้โพสต์คิดว่า เเต่การให้คุณค่ากับสิ่งใดๆมันเชื่อมโยงกับยุคสมัยอยู่เเล้ว อย่างเช่นก่อนที่คำศัพท์ว่าอินดี้ จะฮิตนั้น พวกที่ทำตัวเเตกต่างจากเเบบฉบับของคนทั่วไปอาจจะถูกเรียกในทำนองบูลลี่ เเต่ตอนนี้ใครถูกเรียกว่า อินดี้ ฟังดูจะเหมือนกับคนประเภทเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา อีกทั้งความสำเร็จกับความล้มเหลว เเต่ละยุคสมัย น้ำหนักก็ไม่น่าจะเท่ากัน
ส่วนคุณ Chen Eing ซึ่งมักตอบคำถามเเบบชัดเจน ไม่หน้าไหว้หลังหลอก เเต่ครั้งนี้มุ่งประเด็นไปที่คนรุ่นหลังว่า เด็กรุ่นนี้ถูกปั่นหัว ถูกยุยงได้ง่ายกว่าเด็กสมัยก่อน เพราะพากันเชื่อข่าวสารในโลกออนไลน์ ใจร้อนเกินกว่าจะเปิดหนังสือเพื่อศึกษาหาข้อเท็จจริง อันนี้เห็นด้วยค่ะ เพราะการหาข้อมูลทำได้เร็วมาก ไม่ต้องใช้ทักษะด้านความอดทน
เเละยังกล่าวถึงเด็กสมัยโบราณว่าหาความรู้ได้เอง ผ่านประสบการณ์ลองผิดลองถูก เเละอาศัยตำราซึ่งเขียนไว้นานเเล้ว คงเข้าทำนองผิดเป็นครู
เเต่ผู้โพสต์คิดว่า เนื้อหาในตำรามีทั้งยืนยงเเละมีทั้งตกยุคเช่นกัน ความอดทนของเด็กสมัยก่อนอาจมีมากกว่าสมัยนี้ เเต่ความพากเพียรในการหาความรู้ของเด็กสมัยนี้น่าจะมีมากกว่า เนื่องจากสืบหาได้ง่ายกว่า เเละข้อมูลก็มีมากกว่าหลายเท่าตัว ถ้าไม่ติดเล่นเกมส์เล่นโซเชียล เด็กอาจมีความรู้มากกว่าครูบาอาจารย์ในหลายๆเรื่องเสียอีก อีกทั้งการเรียนรู้ก็ไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูกเสียด้วย ชีวิตจริง การเรียนรู้คือการทำตามสูตรตามขั้นตอนเเม้ว่าผลสำเร็จอาจจะไม่มีสูตรสำเร็จก็ตาม
ขอคารวะขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณาเเสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของข้าพเจ้า ทำให้ได้เห็นว่า เราต้องอยู่กับข้อมูล หมั่นศึกษาหาความรู้เข้าไว้ ไม่งั้นเราอาจจะเป็นคนตกยุคในสายตาของเด็กรุ่นหลังก็ได้
ที่ญี่ปุ่น คนมีอายุมักอยู่ร่วมกับลูกหลานได้ยากมาก เข้ากันไม่ได้เเละไม่มีเรื่องคุยกัน เพราะความที่ไม่สนใจความเปลี่ยนเเปลงของสังคม คุณยายอาจสวมผ้ากันเปื้อนตั้งเเต่ตื่นนอนไปจนถึงก่อนอาบน้ำเข้านอนโดยที่ไม่ได้มีบทบาทในการทำงานบ้าน ลูกหลานเห็นเเล้วก็คงอดคิดไม่ได้ว่า เเต่งตัวผิดยุค ความที่เห็นว่าคนรุ่นก่อนไม่รู้จักปรับตัว ผลคือ พอบุตรเเต่งงานก็นิยมย้ายที่อยู่โดยไม่พาพ่อเเม่ไปอยู่ด้วย ตอนนี้ คนชราที่ญี่ปุ่นตายอย่างโดดเดี่ยวในบ้าน ปีละเป็นหมื่น บ้านร้างก็เกิดขึ้นปีละเป็นหมื่นเช่นกันค่ะ
สังคมไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มที่ นอกจากการถ่ายทอดประสบการณ์หรือให้สติเด็กเเล้ว ใครอยากอยู่กับเด็กรุ่นใหม่ได้คงต้องปรับตัวเข้าหาเด็กกันด้วยหละค่ะ
โฆษณา