เมื่อวาน เวลา 18:15 • การเมือง

การแทรกแซงประเทศไทยขององค์กรระหว่างประเทศ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยของเราเป็นที่จับตาขององค์กรระหว่างประเทศ ที่มักจะหาช่องทางเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยในลักษณะของการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลไทย ตลอดไปจนถึงสภาพสังคมและสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
โดยเฉพาะภายหลังจากการทำรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 องค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้มักจะใช้วิธีทำรายงานหรือออกแถลงการณ์รวมทั้งสร้างประเด็นต่างๆ เพื่อให้สังคมโลกจ้องมองมาที่ประเทศไทยอยู่เสมอในลักษณะเป็นการสร้างความไม่น่าเชื่อถือของรัฐบาลและสถาบันหลักของประเทศไทยและได้รับการจับตามองรวมทั้งข้อสังเกตุว่าการกระทำดังกล่าวขององค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองอยู่ด้วย
เราคงจะเคยได้ยินชื่อและข่าวคราวขององค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้อยู่เสมอ ยกตัวอย่างที่ชัดเจนเพราะองค์กรนี้มีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง คือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล (Amnesty International) อันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "องค์การนิรโทษกรรมสากล" องค์กรนี้มีกิจกรรมการรณรงค์เรื่องการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนและหาวิธีช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีที่ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ และองค์กรนี้จดทะเบียนในประเทศไทยในชื่อ“สมาคมเพื่อองค์การนิรโทษกรรมสากล” และมีสำนักงานในประเทศไทย
ความจริงแอมเนสตี้นั้นมีบทบาทในการเคลื่อนไหวในประเทศไทยมาตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2519 แล้ว โดยรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ถูกจับสมัยนั้น รวมทั้งเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทยที่เกิดขึ้นอีกหลายครั้งในเวลาต่อมา แอมเนสตี้มักจะแสดงจุดยืนว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่ก็มีข้อสังเกตจากสังคมไทยอยู่บ่อยครั้งถึงการล้ำเส้นของแอมเนสตี้ต่อระบบกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย
ล่าสุดแอมเนสตี้ก็ออกมาเรียกร้องให้ประเทศไทยยกเลิกการดำเนินคดีมาตรา 116 ต่อแกนนำม็อบจำนวน 31 คนซึ่งกำลังถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนปกติของกฎหมายไทย นี่คือการแทรกแซงการดำเนินการทางกฏหมายในประเทศไทยโดยเฉพาะกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มบุคคลที่มีจุดยืนในการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา
องค์กรที่สองคือฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Right Watch) หรือองค์การเพื่อสิทธิมนุษยชนคือองค์กรอิสระระหว่างประเทศที่ทำงานด้านวิจัยและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์คสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยองค์กรนี้มีที่ปรึกษาในประเทศไทยชื่อนายสุนัย ผาสุข สำหรับกิจกรรมที่ฮิวแมนไรท์วอทซ์มักจะออกมาเคลื่อนไหวจะเป็นไปในเชิงตำหนิรัฐบาลไทย โดยจ้องหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา แม้แต่กรณีเล็กน้อยที่เกิดขื้นโดยไม่ได้ตรวจสอบถึงความเป็นจริงหรือความถูกต้องของข้อมูลก่อน
องค์กรที่สามคือ UNHCR เป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้องค์การสหประชาชาติ มีหน้าที่คุ้มครองผู้ลี้ภัยและกลุ่มที่ถูกบังคับให้ย้ายที่อยู่หรือบุคคลไร้รัฐ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในอดีตองค์กรนี้เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการทางด้านการส่งตัวผู้ลี้ภัยที่มีความผิดกลับคืนให้ประเทศจีนอันเป็นการเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
องค์กรที่สี่คือ กองทุนพื่อประชาธิปไตย หรือ NED (National Endowment for Democracy) เป็นกองทุนที่อยู่ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศของหรัฐอเมริกา NED ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนการก่อจราจลในฮ่องกงและอยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในประเทศไทยในขณะนี้ โดยที่ผ่านมา
NED ให้การสนับสนุนเงินทุนผ่านองค์กรต่างๆทั้ง เอ็นจีโอ, สื่อมวลชน, มูลนิธิและนักวิชาการ NED ทำเช่นนี้ในประเทศต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายในการเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองในประเทศเหล่านั้นตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนกับ NED คือนายจอร์จ โซรอส ในประเทศไทยเองมีหน่วยงานอิสระและบุคคลที่รับเงินสนับสนุนจาก NED ในแต่ละปีเป็นจำนวนมากซึ่งสังคมก็ทราบว่าบุคคลเหล่านี้มีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร
ความจริงพันธกิจขององค์กรระหว่างประเทศที่กล่าวมาข้างต้นก็ดูน่าเชื่อถือและน่าให้การสนับสนุน แต่การดำเนินการที่ผ่านมาโดยเฉพาะองค์กรอิสระอย่างแอมเนสตี้และฮิวแมนไรท์วอทซ์ ที่มักจะอ้างว่าองค์กรของตนไม่ได้อยู่ใต้การบงการของกลุ่มผลประโยชน์ใดๆหรือรัฐบาลของชาติใด
แต่ท่าทีที่แสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นทางสื่อต่างๆ, ทางเวปไซด์, การแถลงการณ์หรือรายงานต่างๆ ล้วนแต่เป็นการให้ข้อมูลในด้านลบต่อรัฐบาลไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย โดยเฉพาะการอ้างเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเอามาตรฐานของตนเองหรือผู้ที่มีอำนาจที่กำลังบงการตนเองมาเป็นเครื่องมือวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหรือแม้แต่แทรกแซงเข้ามาถึงสถาบันตุลาการของเรา
คนบางกลุ่มที่ทำผิดกฏหมายมาตรา 112 อย่างชัดเจน กฏหมายมาตรา 112 ทำหน้าที่คุ้มครองประมุขของชาติจากการถูกดูหมิ่นและอาฆาต คนที่ทำผิดกฏหมายนี้กลับได้รับการปกป้องจากองค์กรเหล่านี้ โดยมักจะอ้างเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเพื่อกดดันประเทศไทยที่พวกเขามักจะมีมุมมองว่ายังไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มตัวเพราะผู้นำรัฐบาลมาจากคสช.ที่ทำรัฐประหารมา ซึ่งเป็นประเด็นที่องค์กรต่างประเทศเหล่านี้มักจะยกมาเป็นข้ออ้างในการกล่าวร้ายต่อประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ดังนั้นสถานการณ์ของบ้านเมืองของเราในขณะนี้หากทางรัฐบาลจะดำเนินการใดๆกับกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทย ย่อมจะต้องได้รับการจับจ้องจากองค์กรเหล่านี้และหาโอกาสจับผิดและกล่าวร้ายรวมถึงให้ข้อมูลกับสังคมโลกให้มีความรู้สึกที่เป็นลบต่อประเทศไทย โดยหลายครั้งที่การเคลื่อนไหวขององค์กรเหล่านี้ได้ก้าวล่วงไปถึงการสร้างผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราด้วยโดยเจตนา
และที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ NED ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาโดยตรง เป็นที่น่าสงสัยว่าองค์กรนี้จะเข้ามาสนับสนุนผู้ทำกิจกรรมทางการเมืองที่กำลังสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมืองขณะนี้ซึ่งกิจกรรมทางการเมืองที่ผ่านมาของกลุ่มคนพวกนี้เป็นที่รู้กันว่าต้องใช้เงินจำนวนมากและเป็นที่น่าสงสัยว่าพวกเขาเอาเงินทุนสนับสนุนมาจากไหนถ้าไม่มีนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง
อยากจะเรียกร้องให้องค์กรต่างประเทศเหล่านี้ตระหนักถึงจรรยาบรรณในทางการทำกิจกรรมระหว่างประเทศในอันที่จะต้องเคารพกฎหมายของประเทศอื่น และไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศที่ตนเองเคลื่อนไหวอยู่ และขอให้คนไทยทุกท่านช่วยกันจับตาและเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวขององค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้หรือแม้แต่การดำเนินกิจกรรมของสถานฑูตของประเทศมหาอำนาจที่อยู่ในประเทศไทยบางประเทศที่อยู่นอกเหนือกระบวนการทางการฑูตตามปกติ การดำเนินการเหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบกับความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ของเราได้
โฆษณา