KKP Q1/68 กำไรลดลง 22.2% YoY และ 8.9% QoQ แต่ขาดทุนรถยึดเริ่มดีขึ้น มาอ่านงบกัน🤔🔍
KKP ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) มีปล่อยสินเชื่อ ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรายย่อย หลักเป็นพวกเช่าซื้อรถยนต์ และมีธุรกิจ บลจ. และ บล.
ภาวะเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และตลาดทุน
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568
ปัจจัยบวกที่หนุนเศรษฐกิจ:
- การท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยว: 9.5 ล้านคน (+1.9% YoY) ฟื้นตัวได้ประมาณ 88.5% ของระดับก่อนโควิด
- การบริโภคภาคเอกชน ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
- การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากล่าช้าในปลายปี 2566 → หนุนการลงทุนภาครัฐและการก่อสร้าง
เศรษฐกิจปี 68 อาจเติบโตน้อยกว่าที่ประเมินจาก
- ทิศทางการท่องเที่ยวอาจชะลอ หมดฤดูกาล และได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว → คาดทั้งปีอยู่ที่ 37.2 ล้านคน
- ความไม่แน่นอนจากการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นภาษีนำเข้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
ภาวะตลาดรถยนต์หดตัว ยอดขายรถยนต์ 2 เดือนแรกของปี 2568 ลดลง 9.5% YoY สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนลง และหนี้ครัวเรือนสูง
ตลาดทุนซบเซา SET Index ไตรมาส 1/68 ลดลง 17.3% จาก เศรษฐกิจอ่อนแอ การเมืองในประเทศไม่แน่นอน มาตรการภาครัฐไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน นโยบายกีดกันการค้าของประเทศสหรัฐฯ เงินทุนไหลออกจากนักลงทุนต่างชาติ
KKP กำไรสุทธิ 1,062 ลบ. ลดลง 29.5% เทียบกับไตรมาส 1/67 จากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธที่ปรับลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของสินเชื่อเพื่อบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อไปในประเภทที่มีคุณภาพสูง และจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับลดลง 4.6% จากการลดลงของกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรม ที่ปรับลดลงตามภาวะตลาด แม้รายได้ค่าธรรมเนียมรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจการจัดการกองทุน จะปรับตัวดีขึ้น
ค่าใช้จ่ายในดำเนินงาน 3,515 ลบ. ลดลง 18.6% YoY และ 13.5%QoQ จากผลขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง Q1/68 อยู่ที่ 694 ลบ. จาก Q1/67 ที่ 1,443 ลบ. (ลดลง 51.9%) และจาก Q4/67 ที่ 1,101 ลบ. (ลดลง 36.9%) ตามปริมาณรถยึดที่ทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจุดที่ดีของงบไตรมาสนี้
Q1/68 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและรายการขาดทุนจากการขายรถยึด (credit cost) คิดเป็น 1.97% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ลดลงจาก 2.07% ใน Q1/67 และ 2.18% ใน Q4/67 จากมาตรการต่างๆในการบริหารคุณภาพสินทรัพย์
NPL (non-performing loans) เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ หนี้เสีย โดย % NPLs ต่อสินเชื่อ ซึ่งคิดจาก NPL มาเทียบกับเงินให้สินเชื่อโดยรวม ออกมาเป็น % ของ KKP Q1/68 ที่ 4.4% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดิม Q1/67 3.8%, Q4/67 4.2%
และอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage ratio) ที่ 131 %
NIM ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) บอกถึงความสามารถในการหารายได้ของธนาคารจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายทั้งหมด ไว้ใช้วัดผลกำไรเบื้องต้นของกลุ่มธนาคาร คิดมาจาก
(รายได้ดอกเบี้ยรับ – ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย) / สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เฉลี่ย
NIM Q1/68 ของ KKP 4.6% ทรงตัวลดลงจากเดิมเล็กน้อยเมื่อเทียบ Q1/67 ที่ 4.9% และ Q4/67 ที่ 4.6%
EPS (กำไรต่อหุ้น, earning per share) Q1/68 ลดลงมาอยู่ที่ 1.28 บ./หุ้น จาก Q4/67 ที่ 1.74 บ./หุ้น และจาก Q1/67 ที่ 1.78
ROE (Return on Equity) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น
คิดจาก กำไรสุทธิ/ ส่วนผู้ถือหุ้น
ROE เป็นการบอกว่า ท้ายที่สุดแล้ว ทำผลตอบแทนกลับมาได้เท่าไหร่ จากเงินของผู้ถือหุ้นที่ได้ลงไป ยิ่งสูง ยิ่งดี และ ROE มีความสัมพันธ์กับ P/BV ถ้า ROE ลดลงการประเมินมูลค่าก็ลดลง
ROE ของ KKP Q1/68 ลดลง มาอยู่ที่ 6.8%, Q4/67 ที่ 9.4% และ Q1/67 9.9%
KKP ถ้าดูบรรทัดสุดท้ายกำไรสุทธิลดลง 22.2% YoY และ 8.9% QoQ จากการชะลอการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งสินเชื่อของ KKP เป็นสินเชื่อรายย่อย และหลักเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็ลดลงจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงิน ที่ปรับตัวลดลงจากภาวะตลาด ส่งผลให้ทั้ง EPS และ ROE ลดลง แต่สัญญาณที่ดีของงบไตรมาสนี้คือ การขาดทุนจากรถยนต์ที่ลดลง จากไตรมาสละพันกว่าล้าน ลงมาอยู่ที่ประมาณ 600 ลบ.
#หมอยุ่งอยากมีเวลา #หุ้น #งบการเงิน #KKP
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
