22 เม.ย. เวลา 09:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เอสซีบีเอกซ์ ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1 ของปี 2568 จำนวน 12,502 ล้านบาท

เอสซีบีเอกซ์ ประกาศผลกำไรสุทธิประจำไตรมาส 1 ของปี 2568 จำนวน 12,502 ล้านบาท โดยความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯมีโอกาสทวีความรุนแรงมากกว่าคาดได้
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้เริ่มต้นด้วยความท้าทายที่สำคัญ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและความไม่แน่นอนอย่างสูงจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เช่น การพักชำระหนี้ และการให้สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าผลกระทบต่อธุรกิจของกลุ่ม SCBX มีในวงจำกัด
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ นั้น บริษัทฯ ประเมินว่าจะทำให้ GDP ของประเทศปีนี้ลดลงเหลือร้อยละ 1.5 และมีโอกาสทวีความรุนแรงมากกว่าคาดได้
ทั้งนี้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 ของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม อีกทั้งธุรกิจในกลุ่ม Gen 2 และ Gen 3 มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยต่อยอดผลประกอบการธุรกิจ Gen 1 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 80
สำหรับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2568 จำนวน 12,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาส 1 ของปี 2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 31,047 ล้านบาท ลดลง 2.2% จากปีก่อน จากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ
และยอดสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 1.0% จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 10,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อปรับตัวลดลง
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน 17,140 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และการยุติการดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดในปี 2567 โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 39.9%
บริษัทฯ ตั้งสำรองลดลง 6.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นของธนาคารและธุรกิจกลุ่ม Gen 2 โดยเฉพาะจากบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด โดย รวมสำรองพิเศษจากการประเมินเบื้องต้นเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) คงอยู่ในระดับสูงที่ 156% คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 อยู่ที่ 3.45% ลดลงจาก 3.52% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.8%
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/246834
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา