22 เม.ย. เวลา 12:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไม Elon Musk ถึงไม่เอา SpaceX เข้าตลาดหุ้น? เมื่อบริษัทเอกชนเปลี่ยนเกมอวกาศทั้งหมด

ผมว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่าบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกตอนนี้คือใคร? ไม่ใช่ Apple หรือ Microsoft แต่เป็น SpaceX บริษัทอวกาศของ Elon Musk ที่มีมูลค่าพุ่งทะยานถึง 350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
มูลค่าของ SpaceX สูงกว่า GDP ของประเทศฟินแลนด์หรือชิลีซะอีก แถมเรื่องที่น่าทึ่งคือนักลงทุนแทบไม่มีใครยอมขายหุ้นเลย พวกเขามั่นใจว่ามูลค่าจะพุ่งกระฉูดขึ้นไปอีก
ใครจะไปคิดว่าบริษัทที่เกือบล้มละลายเมื่อยี่สิบปีก่อน หลังจากความล้มเหลวในการปล่อยจรวดติดๆ กันหลายครั้ง จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการอวกาศที่ NASA ต้องพึ่งพา
เรื่องราวเริ่มต้นในวันหยุดสุดสัปดาห์วันแรงงานปี 2001 เมื่อ Elon Musk วัย 30 ปี เข้าเว็บไซต์ของ NASA เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับแผนการเดินทางไปดาวอังคาร
Musk คิดว่าน่าจะมีแผนชัดเจนอยู่แล้ว เพราะมนุษย์ลงจอดบนดวงจันทร์ตั้งแต่ปี 1969 แต่เขาต้องอึ้งเมื่อพบว่าไม่มีแผนดังกล่าวเลย
การค้นหาต่อไปทำให้เขาพบข้อมูลเกี่ยวกับงานดินเนอร์ใน Silicon Valley ที่จัดโดยองค์กรชื่อ The Mars Society Musk และภรรยา Justine จึงซื้อตั๋วราคา 500 ดอลลาร์
นอกจากนี้ Musk ยังเขียนเช็คบริจาค 5,000 ดอลลาร์ให้กับองค์กร ซึ่งดึงดูดความสนใจของประธาน Robert Zubrin ที่จัดให้เขานั่งข้างผู้กำกับชื่อดัง James Cameron
ที่งานนี้ พวกเขาพูดคุยถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร และความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติหากไม่ดำเนินการ
นี่เป็นจุดพีคในชีวิตของ Musk เขาได้พบภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าธุรกิจก่อนหน้านี้อย่าง PayPal ที่เขาร่วมก่อตั้ง ราวกับมีเวทมนตร์มาดลใจให้เขาเริ่มต้นสิ่งใหม่
เมื่อเขาแบ่งปันแผนการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารกับเพื่อนร่วมงานเก่า Reid Hoffman ในงานศิษย์เก่า PayPal คำถามแรกที่ได้รับคือ “นี่มันเป็นธุรกิจได้อย่างไร?”
แต่สำหรับ Musk แล้ว มันไม่เคยเกี่ยวกับเรื่องของเงิน แต่เกี่ยวกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า เขามองว่าการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ
Musk เคยกล่าวว่า “ดาวอังคารเป็นการมุ่งสู่อนาคตที่น่าตื่นเต้น ชีวิตไม่สามารถเป็นแค่การแก้ปัญหา ต้องมีสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณ”
แผนแรกของ Musk นั้นฟังดูง่ายๆ – ส่งหนูไปดาวอังคาร แต่ถ้าหนูไม่รอด? มันไม่ใช่ภารกิจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมายเท่าไรนัก
แผนที่สองเจ๋งกว่า คือการส่งเรือนกระจกขนาดเล็กไปดาวอังคารเพื่อแสดงให้เห็นว่าชีวิตสามารถเติบโตบนดาวเคราะห์อื่นได้ เขาประมาณการค่าใช้จ่ายที่ 30 ล้านดอลลาร์
จากการขาย PayPal ให้ eBay ทำให้ Musk ได้รับเงินมากโข 180 ล้านดอลลาร์ เงินก้อนนี้จะช่วยให้เขาเริ่มต้นธุรกิจอวกาศได้
Musk บินไปมอสโกเพื่อซื้อจรวดรัสเซีย แต่การเจรจากลับไม่ราบรื่น เมื่อชาวรัสเซียขึ้นราคาจรวดจาก 18 ล้านดอลลาร์เป็น 21 ล้านดอลลาร์ต่อลำ
พวกเขายังทะลึ่งถามว่า “โอ้ เด็กน้อย คุณไม่มีเงินหรือ?” นี่เป็นจุดที่ Musk ตะหงิดใจและตัดสินใจว่าถ้าซื้อจรวดไม่ได้ในราคาที่สมเหตุสมผล เขาจะสร้างของเขาเอง
Musk เริ่มพัฒนาสิ่งที่เขาเรียกว่า “ดัชนีคนโง่” (idiot index) วิธีวัดความไม่มีประสิทธิภาพโดยเปรียบเทียบต้นทุนของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปกับต้นทุนวัตถุดิบ
เขาพบว่าจรวดสำเร็จรูปมีราคาสูงกว่าวัตถุดิบถึง 50 เท่า เขาตระหนักว่าสามารถสร้างจรวดที่มีประสิทธิภาพและราคาถูกกว่ามากได้
เพื่อนสนิทพยายามพูดให้เขาล้มเลิกความคิดบ้า ๆ ที่จะเริ่มธุรกิจจรวด คนหนึ่งถึงกับรวบรวมฟุตเทจความหายนะของจรวดมาให้ดู
แต่ Musk ยังคงมุ่งมั่น เขาบอกว่าให้โอกาสตัวเองประสบความสำเร็จเพียง 10% แต่ก็เต็มใจที่จะเสี่ยง “มีบางครั้งที่บางสิ่งมีความสำคัญมากพอจนคุณต้องทำมันแม้จะมีความกลัว” Musk กล่าว
ในเดือนพฤษภาคม 2002 Musk ก่อตั้ง Space Exploration Technologies หรือ SpaceX ขึ้นในโกดังเก่าใน Southern California พื้นที่ซึ่งมีวิศวกรอวกาศฝีมือเทพอยู่มากมาย
เป้าหมายแรกคือการปล่อยจรวดลำแรกภายในเดือนกันยายน 2003 และส่งภารกิจไร้คนขับไปดาวอังคารภายในปี 2010 เป็นกรอบเวลาที่ดูเพ้อฝันสุดๆ
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ Musk และภรรยา Justine ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อลูกชายคนแรกของพวกเขา Nevada เสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 10 สัปดาห์
Maye มารดาของ Musk เล่าว่า “เขาร้องไห้เหมือนคนบ้า” มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่ง หลังจากนั้น Musk ทุ่มเทให้กับงานมากขึ้นเพื่อรับมือกับความสูญเสีย
การตัดสินใจสำคัญของ Musk คือการจ้าง Tom Mueller วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์จาก TRW มาพัฒนาเครื่องยนต์ Merlin อันเป็นหัวใจของจรวด Falcon
เมื่อ Mueller กำหนดเวลาสำหรับการสร้างเครื่องยนต์ Musk ได้ยืนยันให้ลดเวลาลงครึ่งหนึ่ง แม้ Mueller จะคัดค้านว่าเป็นไปไม่ได้
Musk ยืนกรานว่า “เมื่อฉันขออะไร คุณต้องให้มันกับฉัน” แม้ว่าเครื่องยนต์จะไม่เสร็จตามกำหนด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเร่งด่วนของ Musk ที่จะไปถึงดาวอังคาร
อีกบุคคลสำคัญคือ Gwynne Shotwell ผู้เข้าร่วมบริษัทในตำแหน่งรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บุคลิกที่เด็ดขาดแต่เป็นกันเองของเธอสร้างความสมดุลกับ Musk
Shotwell ช่วยให้ SpaceX ได้รับสัญญาสำคัญแรกกับกระทรวงกลาโหมในปี 2003 มูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อปล่อยดาวเทียมขนาดเล็ก
ถนนสู่ความสำเร็จของ SpaceX ไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยขวากหนาม การปล่อยจรวด Falcon 1 ครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคม 2006 จบลงด้วยความเละเทะ
เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากทะยานขึ้น เกิดไฟไหม้ที่เครื่องยนต์ Merlin จากการรั่วไหลของน้ำมันผ่านนัตขนาดเล็กที่ยึดท่อน้ำมัน ภารกิจจบลงในไม่ถึงหนึ่งนาที
การปล่อยครั้งที่สองในเดือนมีนาคม 2007 ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกครั้ง เมื่อขั้นที่สองของจรวดเริ่มหมุนควบคุมไม่ได้เนื่องจากเชื้อเพลิงกระฉอก
ชะตาชีวิตของ SpaceX แขวนอยู่บนเส้นด้ายในช่วงการปล่อยครั้งที่สามในเดือนสิงหาคม 2008 เมื่อเงินกำลังจะหมด Musk บอกทีมว่าพวกเขามีเงินพอสำหรับการปล่อยอีกเพียงครั้งเดียว
ในขณะเดียวกัน Tesla ก็กำลังดิ่งลงเหว และ Musk เองก็กำลังผ่านการหย่าร้างที่ขมขื่น เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ชีวิตของเขากำลังวิกฤตเลยทีเดียว
การปล่อยครั้งที่สามดูเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งขั้นแรกของจรวดชนกับขั้นที่สอง ทำให้ทั้งคู่ตกกลับสู่โลก สาเหตุเกิดจากระบบระบายความร้อนที่ออกแบบใหม่
ความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้พนักงานหลายคนหมดกำลังใจ แต่ Musk ไม่ยอมแพ้ เขาบอกทีมว่า “สำหรับผม ผมจะไม่ยอมแพ้และผมหมายถึงไม่มีวันยอมแพ้”
“ถ้าคุณยังอยู่กับผม เราจะชนะ” คำพูดนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานลุกขึ้นสู้ต่อไป ในไม่กี่นาทีพลังงานของทั้งอาคารก็เปลี่ยนจากความสิ้นหวังเป็นความมุ่งมั่นฝ่าฟันต่อสู้
โชคดีที่ Peter Thiel และ Founders Fund ตัดสินใจอัดฉีดเงิน 20 ล้านดอลลาร์ หลังจากการปล่อยครั้งที่สามล้มเหลว ทำให้ SpaceX มีทุนสำหรับความพยายามครั้งที่สี่
ในวันที่ 28 กันยายน 2008 การปล่อยจรวด Falcon 1 ครั้งที่สี่ประสบความสำเร็จ ทำให้ SpaceX กลายเป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่ส่งจรวดเข้าสู่วงโคจรโลกได้
Musk บอกกับพนักงานด้วยความภูมิใจว่า “นี่เป็นเพียงก้าวแรกของอีกหลายก้าว” เป็นคำพูดที่แสดงถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของเขา
ความเจ๋งของ SpaceX ไม่ได้หยุดแค่นั้น สามเดือนต่อมา NASA มอบสัญญามูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ให้ SpaceX เพื่อเติมเสบียงให้สถานีอวกาศนานาชาติ
Musk ตื่นเต้นมากจนเปลี่ยนรหัสผ่านคอมพิวเตอร์เป็น “ilovenasa” สัญญานี้ส่งให้ SpaceX พัฒนาจรวด Falcon 9 ที่ใหญ่และทรงพลังกว่าเดิมมาก
ความสำเร็จของ SpaceX มาจากความสามารถในการสั่นคลอนอุตสาหกรรมอวกาศด้วยการลดต้นทุนอย่างมหาศาล พวกเขาผลิตชิ้นส่วนประมาณ 80% ภายในบริษัทเอง
Musk และทีมรังสรรค์วิธีประหยัดต้นทุนที่สร้างสรรค์แบบสุดมัน เช่น ใช้สลักประตูห้องน้ำที่ดัดแปลงแล้วแทนสลักราคาแพงของ NASA
วิธีนี้ลดค่าใช้จ่ายจาก 1,500 ดอลลาร์ต่อชิ้นเหลือเพียง 30 ดอลลาร์! เป็นตัวอย่างของการคิดนอกกรอบแบบที่บริษัทอวกาศดั้งเดิมไม่เคยทำ
อีกตัวอย่างคือการใช้เครื่องปรับอากาศบ้านราคา 6,000 ดอลลาร์ที่ดัดแปลงแล้ว แทนระบบระบายความร้อนมาตรฐานที่มีราคา 3 ล้านดอลลาร์
นวัตกรรมและการประหยัดต้นทุนทำให้ Falcon 9 มีค่าใช้จ่ายในการปล่อยประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับกระสวยอวกาศที่แพงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อครั้ง
ประธานาธิบดี Obama เล็งเห็นประสิทธิภาพนี้ จึงตัดสินใจยุติแผนการของ NASA สำหรับผู้สืบทอดกระสวยอวกาศ Constellation และหันไปสนับสนุนบริษัทเอกชนแทน
วิสัยทัศน์สุดล้ำของ Musk คือการสร้าง Starship จรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภารกิจไปดาวอังคาร
Starship เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ SpaceX มีมูลค่าพุ่งทะยานสูงที่สุดในโลก บริษัทที่เป็นเนื้อหอมที่นักลงทุนหมายปอง แต่ Musk ไม่มีแผนที่จะนำเข้าตลาดหุ้นในเร็วๆ นี้
เขาอธิบายว่า “ดาวอังคารต้องใช้การพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเป็นเวลากว่าทศวรรษ แต่ตลาดสนใจแค่ 3 เดือนข้างหน้า ทำให้เกิดลำดับความสำคัญที่ขัดแย้งกัน”
แต่ Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ SpaceX อาจมีโอกาสเข้าตลาดหุ้น บริการนี้เติบโตดังกระฉูดจาก 60,000 รายในปี 2021 เป็น 5 ล้านรายในปี 2024
Musk บอกว่าอาจนำ Starlink เข้าตลาดหุ้น “ในอีกหลายปีข้างหน้าเมื่อการเติบโตของรายได้ราบรื่นและคาดการณ์ได้” เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับภารกิจดาวอังคาร
1
จากบริษัทที่เกือบสิ้นไร้ไม้ตอกเมื่อยี่สิบปีก่อน SpaceX ได้ก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
วิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ Elon Musk ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลว และนวัตกรรมที่ลดต้นทุนอย่างมหาศาล ทำให้ SpaceX เป็นที่เชิดหน้าชูตาในวงการอวกาศ
SpaceX ไม่เพียงปฏิวัติอุตสาหกรรมอวกาศ แต่ยังนำพามนุษยชาติใกล้ความฝันในการเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถอาศัยอยู่ได้บนหลายดาวเคราะห์
ความสำเร็จของ SpaceX ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของกำไรหรือมูลค่าตลาด แต่เป็นก้าวสำคัญของมนุษยชาติในการก้าวข้ามขีดจำกัดและมุ่งสู่การสำรวจที่ไม่เคยมีมาก่อน
ดังที่ Musk เคยกล่าวไว้ “ชีวิตต้องมีสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจ” และสำหรับเขาและทีมงาน SpaceX นั่นคือการทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเดินทางระหว่างดาวเคราะห์ได้
เรื่องราวของ SpaceX สอนเราว่าแม้จะล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตราบใดที่คุณไม่ยอมแพ้และมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน คุณสามารถเปลี่ยนความฝันลมๆ แล้งๆ ให้กลายเป็นความจริงได้
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา