Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ข้อคิดปริศนาธรรม
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 11:31 • การศึกษา
ปุจฉา/วิสัชนา: มีปัญหาก็ต้องการคำตอบ
“ในบรรดาสามธิดาของพระยามาร ที่มายั่วยวนพระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้ชื่ออะไรบ้าง และองค์ไหนมีอิทธิฤทธิ์มากสุด? เพราะเหตุใด? ช่วยตอบ/วิเคราะห์ให้หายแคลงใจด้วยค่ะ.”
[ธิดามาร] |
https://www.blockdit.com/posts/632a51b2d09710b613dc2928
[วิสัชนา]
ตามตำนานและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา “พระยามาร” (หรือ วสวัตตีมาร) มีธิดา 3 องค์ คือ
1) นางตัณหา (Taṇhā): หมายถึง ความทะยานอยาก ความต้องการไม่สิ้นสุด ความกระหายในกามคุณ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส หรือความอยากมี อยากเป็นต่างๆ
2) นางอรดี (Arati): หมายถึง ความไม่พอใจ ความขัดเคือง ความเบื่อหน่าย ความเกลียดชัง หรือความริษยา
3) นางราคา (Rāga): หมายถึง ความกำหนัด ความยินดี ความพอใจในกามคุณอย่างรุนแรง ความหลงใหล ความติดข้อง
การพิจารณาว่าองค์ใดมี "อิทธิฤทธิ์" มากที่สุด!
คำว่า "อิทธิฤทธิ์" ในบริบทนี้ ไม่ได้หมายถึงอำนาจวิเศษเหนือธรรมชาติแบบเหาะเหินเดินอากาศหรือแสดงปาฏิหาริย์โดยตรง แต่หมายถึง อำนาจในการครอบงำจิตใจ ก่อกวนสมาธิ และชักจูงให้หลงอยู่ในวัฏสงสาร ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการตรัสรู้หรือการหลุดพ้น
หากพิจารณาตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่อง อริยสัจ 4 อาจวิเคราะห์ได้ดังนี้
1. นางตัณหา (Taṇhā - ความอยาก): พระพุทธเจ้าทรงชี้ว่า ตัณหาเป็นสมุทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์ (ทุกขสมุทัยอริยสัจ) ตัณหาเป็นรากเหง้าสำคัญที่ทำให้สรรพสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เป็นแรงขับเคลื่อนพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความอยากในรูปแบบต่างๆ ทั้งกามตัณหา (อยากในกามคุณ), ภวตัณหา (อยากมี อยากเป็น), และวิภวตัณหา (อยากไม่มี อยากไม่เป็น) ตัณหาจึงเปรียบเสมือน ‘แม่ทัพใหญ่’ (ต้นตอหลัก) ของกิเลสทั้งปวง
2. นางราคา (Rāga - ความกำหนัดยินดี): ราคะเป็นกิเลสตระกูล โลภะ (ความอยากได้) ที่แสดงออกอย่างชัดเจนในเรื่องกามารมณ์ ความติดใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่น่าพอใจ เป็นพลังที่รุนแรงและดึงดูดใจได้อย่างมาก ทำให้เกิดความผูกพันและความยึดติดอย่างเหนียวแน่น ราคะจึงเป็นเหมือน ‘กองหน้า’ ที่ทรงพลัง สามารถจู่โจมจิตใจให้หวั่นไหวได้ง่าย
3. นางอรดี (Arati - ความไม่พอใจ): อรดีเป็นกิเลสตระกูล โทสะ (ความโกรธ ความเกลียด) เป็นปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ความขัดเคือง ความเบื่อหน่าย ซึ่งก็เป็นพลังที่รุนแรงเช่นกัน ทำให้จิตใจขุ่นมัว ไม่สงบ และผลักไสสิ่งต่างๆ แม้แต่ผลักไสการปฏิบัติธรรมเพราะความไม่ยินดี อรดีจึงเป็นเหมือน ’กองหนุน’ ที่คอยซ้ำเติมเมื่อความอยาก (ตัณหา/ราคา) ไม่ได้รับการตอบสนอง หรือเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่ต้องการ
บทสรุปและวิเคราะห์:
- ในแง่ของความเป็นรากฐาน: นางตัณหา ถือว่ามี "อิทธิฤทธิ์" ครอบคลุมและเป็นพื้นฐานมากที่สุด เพราะเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ตามหลักอริยสัจ 4 โดยตรง ความอยาก(ตัณหา) เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดทั้งความยินดี(ราคา) เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ และความไม่พอใจ(อรดี) เมื่อไม่ได้หรือเจอสิ่งที่ไม่ต้องการ
- ในแง่ของความรุนแรงที่ปรากฏ: นางราคา อาจดูเหมือนมีพลังดึงดูดที่รุนแรงและเห็นได้ชัดเจนที่สุดในแง่ของการยั่วยวนทางกามารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทบประสาทสัมผัสโดยตรงและทำให้จิตใจหวั่นไหวได้ง่าย
- ในแง่ของการขัดขวาง: ทั้งสามนางล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญ แต่นางอรดี(ความเบื่อหน่าย-ไม่ยินดี) ก็มีพลังในการขัดขวางการปฏิบัติธรรมได้มากเช่นกัน เพราะทำให้เกิดความท้อถอย ไม่อยากทำความดี
ดังนั้น หากพิจารณาจากบทบาทในฐานะ "ต้นเหตุแห่งทุกข์" และความครอบคลุมของความหมายตามหลักธรรมแล้ว อาจกล่าวได้ว่า นางตัณหา (Taṇhā) คือ ธิดามารที่มี "อิทธิฤทธิ์" ในเชิงสัญลักษณ์มากที่สุด เพราะเป็นตัวแทนของกิเลสที่เป็นรากเหง้า อันนำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า ธิดามารทั้งสามเป็นเพียง สัญลักษณ์ ของกิเลสประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ในใจของปุถุชนทุกคน การเอาชนะธิดามารก็คือการเอาชนะกิเลสในใจตนเองนั่นเอง ทั้งสามล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ต้องใช้สติ ปัญญา และความเพียรในการเอาชนะ เพื่อมุ่งสู่ความหลุดพ้นครับ.
พุทธศาสนา
แนวคิด
ปรัชญา
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย