Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
22 เม.ย. เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์
บทเรียนเรื่องประกันและการจัดการความเสี่ยง จาก ‘โดราเอมอน’ ตอน ‘ประกันภัยไจแอนท์’
“โดราเอม่อนนนนนนนนนนนน!!!!! ขอของวิเศษช่วยจัดการกับไจแอนท์ทีสิ เขาแย่งหนังสือการ์ตูนของฉันไปอีกแล้ว” เสียงโนบิตะร้องไห้ขอร้องโดราเอมอนแมวหุ่นยนต์สีฟ้าเป็นฉากที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ผมเติบโตมากับโดราเอมอนและตอนนี้ก็มีโอกาสกลับมาดูอีกครั้งเพราะลูกสาวเริ่มเข้าสู่วัยที่ชอบดูการ์ตูนมากกว่าแค่ฟังผมอ่านนิทานแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือแต่ละตอนของโดราเอมอนนอกจากความสนุกสนานก็มักจะมีบทเรียนการใช้ชีวิตบางอย่างแฝงอยู่เสมอ
ตอนล่าสุดที่ผมดูกับลูกเมื่อไม่กี่วันก่อนชื่อตอนว่า ‘ประกันภัยไจแอนท์’ เป็นตอนที่น่าสนใจมากๆ เพราะมันมาพร้อมกับความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำประกันและการกระจายความเสี่ยงได้อย่างน่าสนใจมากๆเลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังกันครับ
2
📑 [[ #ประกันภัยไจแอนท์ ]]
เรารู้ว่า ‘ไจแอนท์’ เป็นตัวละครจอมเกเรที่มักแกล้งโนบิตะ แย่งของเล่นบ้าง บังคับให้ไปเล่นเบสบอลบ้าง หรือบ่อยครั้งก็เจอไจแอนท์ซ้อมเป็นกระสอบทรายก็มี
วันหนึ่งหลังจากที่อุตส่าห์เก็บเงินค่าขนมวันละนิดวันละหน่อย โนบิตะก็สามารถเอาเงินตรงนั้นไปซื้อหนังสือการ์ตูนที่อยากอ่านได้หนึ่งเล่มและเขาก็ภูมิใจมาก
แต่แน่นอนระหว่างทางก็เจอไจแอนท์แย่งเอาไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น
เข้าอีหรอบเดิม โนบิตะวิ่งร้องไห้กลับบ้านแล้ว ขอให้โดราเอมอนช่วย ซึ่งของวิเศษจากอนาคตคราวนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ประกันสารพัดสิ่ง’
วิธีการทำงานของมันก็แค่บอกว่าอยากทำประกันเรื่องอะไรแล้วก็จ่ายเบี้ยประกันตามงวดที่ตกลงเอาไว้ หากมีอะไรเกิดขึ้นตามข้อตกลงในสัญญาก็สามารถเคลมประกันได้
โนบิตะเลยเลือกทำ ‘ประกันไจแอนท์’ โดยตกลงจ่ายเบี้ยวันละ 10 เยน หากโดนรังแก ทำร้ายร่างกายขึ้นมาก็จะได้เงินค่าชดเชยจากประกันไป
มันเป็นคอนเซปต์ประกันแบบง่ายๆ แต่บทเรียนมาหลังจากนี้ครับ
😱 [[ #เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ]]
หลังจากจ่ายเบี้ยประกันไปเรียบร้อย ชีวิตของโนบิตะก็ดำเนินต่อไป แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นแล้วว่าตัวเองมีประกันแล้ว จึงไปขอหนังสือการ์ตูนที่ไจแอนท์แย่งไปคืนมา
สุดท้ายก็โดนอัดน่วม แต่โนบิตะก็เคลมประกันไจแอนท์แล้วได้เงินก้อนหนึ่งเพื่อไปซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่
ที่จริงเรื่องมันควรจะจบแค่นี้ แต่โนบิตะกลับรู้สึกว่าอยากได้เงินเคลมประกันมากกว่านี้ จึงจ่ายค่าเบี้ยเพิ่ม จากวันละ 10 เยน เป็นวันละ 20 เยนแทน
ทีนี้ก็เหมือนกับทุกอย่างบนโลกนี้แหละครับ เราไม่มีทางคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปกติแล้วโนบิตะจะเจอไจแอนท์แกล้งทุกวัน แต่ช่วงนี้ไจแอนท์อารมณ์ดี ร่าเริง สอบได้คะแนนดีบ้าง บางวันก็ป่วยไม่สบายไม่มีแรงบ้าง
โนบิตะก็จ่ายเบี้ยประกันไปทุกวันๆ ซึ่งเงินตัวเองก็ร่อยหรอลงเรื่อยๆ
บทเรียนแรกตรงนี้คือ : การกระจายความเสี่ยง (ซื้อประกัน) เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล การที่โนบิตะซื้อประกันไจแอนท์เป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลย เพราะชีวิตเขามีความเสี่ยงที่ต้องเจอทุกวัน แต่ต้องดูว่าการจ่ายเบี้ยประกันก็ต้องไม่มากจนเกินไป จนกระทบกับการเงินในชีวิตด้านอื่นๆ เพราะประกันไม่ใช่สิ่งที่ซื้อเพื่อหวังผลตอบแทน แต่ควรเป็นสิ่งที่เราซื้อไว้เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในชีวิตต่างหาก
ไม่ควรคิดถึงการทำประกันว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราร่ำรวยมากขึ้น แต่เพื่อลดความเสียหายในชีวิตให้รุนแรงน้อยลงมากกว่า
มีความจำเป็นแค่ไหน จ่ายไหวแค่ไหน กระจายความเสี่ยงให้มันพอดี
🫣 [[ #เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจริงๆ นะ ]]
หลังจากที่ผิดหวัง ไจแอนท์ไม่ยอมรังแกซะที โนบิตะก็พยายามโกงครับ เอาของเล่นเก่าๆ ที่เคยถูกไจแอนท์ทำพังมาเคลมบ้าง พยายามบอกว่าของที่ตัวเองใช้อย่างถุงเท้าขาดเพราะวิ่งหนีไจแอนท์มาเคลมบ้าง ถึงกระทั่งไปเอาของคนอื่นที่ถูกไจแอนท์ทำพังมาเคลมว่าเป็นของตัวเอง
แน่นอนครับเคลมไม่ได้ เพราะมันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขและเป็นการโกหกเพื่อพยายามเอาเปรียบบริษัทประกัน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว
สุดท้ายทำยังไงก็ไม่โดนไจแอนท์ทุบซะที สุดท้ายเมื่อจ่ายไม่ไหว โนบิตะตัดสินใจยุติสัญญาประกัน
อาจจะพอเดาได้ครับ ไม่นานหลังจากนั้น ทุกอย่างก็วนเข้าลูปเดิม โนบิตะโดนอัดน่วมและก็ไม่สามารถเคลมประกันอะไรได้อีกเลย
บทเรียนที่สองคือ : เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ปุ๊บปั๊บป่วยขึ้นมา หรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ประกันก็เหมือนเป็นตาข่ายรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
จำไว้เสมอว่าเราซื้อประกันในวันที่เราจะใช้ไม่ได้ มันคือการวางแผนสำหรับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
ดูอย่างโนบิตะ เก็บเงินแทบตายกว่าจะซื้อหนังสือการ์ตูนได้ แต่พอเจอแย่งไป ไม่ได้มีประกัน มันก็ศูนย์ไปได้เลยเช่นกัน
⭐ [[ #สรุป ]]
แม้จะเป็นการ์ตูนตอนสั้นๆ บางครั้งก็ช่วยดึงสติได้เช่นเดียวกัน การบริหารความเสี่ยงในชีวิตคือเรื่องสำคัญ การซื้อประกัน (ไม่ว่าจะประกันชีวิต สุขภาพ อุบัติเหตุ ฯลฯ) ล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยในชีวิตของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
มันไม่มีสูตรตายตัวนะว่ามีรายได้เท่านี้ ต้องซื้อประกันกี่เปอร์เซ็นต์ สิ่งสำคัญคือเราต้องดูว่าเรามีความรับผิดชอบมากแค่ไหน คนที่อยู่ข้างหลังเราจะมีปัญหาอะไรบ้างหากเราจากไปหรือเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วหลังจากนั้นก็มาดูว่าเราจ่ายไหวแค่ไหนให้มันครอบคลุมความเสี่ยง (ทุนประกันที่เหมาะสม)
ประกันไม่ได้มีไว้เพื่อให้เราใช้ชีวิตยังไงก็ได้ แต่มีไว้ ‘เผื่อ’ วันที่เราเจอไจแอนท์ในชีวิต เจอสิ่งที่ไม่คาดฝันแล้วยังพอมีเงินมาช่วยเหลือไม่ให้ความเสียหายมันมากเกินไป กลับมาเริ่มใหม่ ซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ได้ โดยไม่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์
- โสภณ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ aomMONEY)
#MakeRichGeneration #บทบรรณาธิการ #การเงินส่วนบุคคล #personalfinance #ประกัน #โดราเอมอน #doraemon
52 บันทึก
49
63
52
49
63
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย