24 เม.ย. เวลา 02:28 • ข่าวรอบโลก

โลกที่ร้อนแรงไปด้วยอาวุธล้างผลาญ

……………………………
เครดิตจากเพจ ‘นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย’ และไลน์ไอดี @ntp59
……………………………….
19 กุมภาพันธ์ 2025 กองทัพอากาศสหรัฐฯทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปแบบไม่มีหัวรบรุ่น Minuteman III ได้สำเร็จ
21 เมษายน 2025 สหรัฐฯส่งขีปนาวุธต่อต้านเรือ NMESIS ไปยังฟิลิปปินส์ เพื่อเตรียมตอบโต้ภัยคุกคามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้และบริเวณใกล้ไต้หวัน
เมษายน 2025 สหรัฐฯและอังกฤษประสบความสำเร็จในการทดสอบเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนขีปนาวุธครูซ ด้วยความเร็วเหนือเสียง หรือไฮเปอร์โซนิก เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากรัสเซียและจีน
กองทัพบกสหรัฐฯยืนยันว่า อ้า แบตเตอรี่ของระบบอาวุธไฮเปอร์โซนิกระยะไกล Dark Eagle พร้อมใช้ใน ค.ศ.2025 เพื่อเข้าสู่การแข่งขันอาวุธไฮเปอร์โซนิกกับรัสเซียและจีน
ความเร็วของ Dark Eagle มากกว่ามัค 5 (6,000 กม.ต่อ ชม.) ใช้เทคโนโลยี C-HGB ที่เคลื่อนได้แม่นยำ หลีกการตรวจจับจากระบบป้องกันภัยได้
……………………………….
ส่วนจีนมี DF-17 เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง ติดตั้งหัวรบแบบไฮเปอร์โซนิกไกลด์ ที่มีชื่อว่า DF-ZF ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระหว่างมัค 5-10 สามารถหลบระบบป้องกันภัยขีปนาวุธของสหรัฐฯได้
ค.ศ.2014-2016 จีนทดสอบแล้วทดสอบอีกถึง 7 ครั้ง และเริ่มนำมาประจำการเมื่อ 1 ตุลาคม 2019
ความสำเร็จด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิกของจีนทำให้สหรัฐฯต้องเร่งพัฒนาเพื่อตามจีนให้ทัน และทำสำเร็จใน ค.ศ.2024
……………………………….
ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยกลางของรัสเซียที่ทำให้สหรัฐฯและนาโตตกตะลึงพรึงเพริดเงิดงาบคือขีปนาวุธโอเรชนิก ที่ได้รับการต่อยอดจากโครงการขีปนาวุธ RS-26 Rubezh (ซึ่งตอนนี้รัสเซียยกเลิกไปแล้ว)
1
โอเรชนิกเดินทางด้วยความเร็วถึงมัค 11 (13,500 กม.ต่อ ชม.) ระยะยิง 3,000-5,500 กิโลเมตร ติดหัวรบแบบ MIRV ได้ 6 หัวรบ
แต่ละหัวรบสามารถบรรทุก Submunitions ได้อีก 6 ลูก รวมทั้งหมด 36 Submunitions ทั้งแบบนิวเคลียร์ทั้งแบบธรรมดา
21 พฤศจิกายน 2024 รัสเซียใช้ขีปนาวุธโอเรชนิกโจมตีโรงงานขีปนาวุธของอูเครนในเมืองดนีโปรเป็นครั้งแรก
หลังจากยิงครั้งแรกและประสบความสำเร็จขั้นสูง ปูตินก็ประกาศผลิตขีปนาวุธโอเรชนิกในเชิงพาณิชย์ในวันรุ่งขึ้นคือ 22 พฤศจิกายน 2024 และจะนำโอเรชนิกไปประจำการในเบลารุสใน ค.ศ.2025
……………………………….
17 มิถุนายน 1967 จีนประสบความสำเร็จในการทดสอบ ระเบิดไฮโดรเจนนิวเคลียร์หลูปู้ป๋อ ในเขตปกครองตนเองซินเจียง มีพลังทำลายล้างสูงถึง 3.3 เมกะตัน ทำให้จีนเป็นประเทศที่ 4 ที่มี อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์
……………………………….
เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป 58 ปี กระทั่งเดือนเมษายน 2025 จีนก็ผลิตอภิพญามหาโคตรระเบิดที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมได้สำเร็จ
สถาบันวิจัย 705 สามารถสร้างระเบิดลูกไฟอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียสได้ยาวนานกว่า 2 วินาที และแรงระเบิดยาวนานกว่าระเบิดทีเอ็นทีถึง 15 เท่า
……………………………….
หลังจากเอาลูกกะตาที่ถลนห้อยออกมานอกเบ้าเพราะความตกใจ ยัดกลับเข้าไปในเบ้ากันได้ครบจบหมดทุกคนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านทหารและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ต่างก็ออกมา เอ้อ อ้า ทำเป็นรู้และให้ข้อมูลว่า...
ไฮโดรเจนของจีนปล่อยกระแสความร้อนเพื่อทำลายล้างที่รู้จักกันในชื่อ Thermobaric Weapon ระเบิดนี้ใช้จัดการโดรน ทำลายรถถัง ปิดทางเข้าโซนยุทธศาสตร์สำคัญ
และที่น่าสนใจก็คือ ระเบิดไฮโดรเจนที่ว่านี้ยังสามารถปล่อยคลื่นช็อกเวฟระดับอ่อนออกมาได้
การที่สามารถปล่อยความร้อนอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส
1
ทำให้จีนได้เปรียบในการรบแบบ Urban Warfare หรือการรบในเมือง รวมถึงการบุกโจมตีป้อมค่ายของศัตรูที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา
……………………………….
ทันทีที่มีข่าวจีนสร้างอภิพญามหาโคตรระเบิดแพร่ทางทีวี ผมก็ได้ยินว่า ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน ที่เคยยืนหยัดต่อหน้าสื่อ ย่อตัวลงช้าๆ เข่าทั้งสองข้างแตะพื้น แล้วก็ค่อยๆไถตัวไปหลบหลังตู้เอกสารสีเทา
1
ดวงตาของนายไล่กวาดไปกวาดมาแบบร้อนรน จากขอบโต๊ะซ้ายไปที่ตู้เก็บแฟ้มทางขวา นัยน์ตาของแกมีน้ำเอ่อ ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นความอาลัยล่วงหน้า นายไล่กะพริบตาถี่ๆ กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า…
1
“แผ่นดินใหญ่คงไม่บ้าถึงขั้นใช้ระเบิดไฮโดรเจนกับไต้หวันดอก”
1
“...ใช่ไหม ใช่ไหม”
……………………………….
1
“เพราะถึงอย่างไร เราก็เป็นมนุษย์เชื้อสายจีนด้วยกัน”.
1
โฆษณา