24 เม.ย. เวลา 05:35 • ข่าวรอบโลก

โบอิ้งยอมรับ ลูกค้าจีนปฏิเสธเครื่องบินรุ่นใหม่ เพราะภาษีนำเข้าทรัมป์

บริษัทโบอิ้ง กล่าวยืนยันว่าลูกค้าสายการบินจีน ปฏิเสธที่จะรับมอบเครื่องบินใหม่ที่ผลิตขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเครื่องบินลำที่ 3 ของโบอิ้งเริ่มเดินทางกลับสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี
บริษัทโบอิ้ง กล่าวยืนยันว่าลูกค้าสายการบินจีน ปฏิเสธที่จะรับมอบเครื่องบินใหม่ที่ผลิตขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเครื่องบินลำที่ 3 ของโบอิ้งเริ่มเดินทางกลับสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี
นายเคลลี ออร์ตเบิร์ก ซีอีโอของโบอิ้ง กล่าวระหว่างการประชุมผลประกอบการไตรมาสแรกว่า "เนื่องจากภาษีศุลกากร ลูกค้าจำนวนมากของเราในจีนได้แจ้งว่าจะไม่รับมอบเครื่องบิน"
ออร์ตเบิร์กกล่าวว่าจีนเป็นประเทศเดียวที่โบอิ้งกำลังเผชิญกับปัญหานี้ และทางผู้ผลิตเครื่องบินจะเปลี่ยนเส้นทางการจัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่ให้กับลูกค้ารายอื่นที่ต้องการรับมอบเครื่องบินเร็วกว่ากำหนด เนื่องจากเครื่องบินพาณิชย์รุ่นใหม่ขาดแคลนทั่วโลก
ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะทำการรุกคืบการค้าโลก เครื่องบินพาณิชย์ทั่วโลกได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรภายใต้ข้อตกลงการบินพลเรือนปี 1979
สายการบินจีนที่รับมอบเครื่องบินโบอิ้ง อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่รัฐบาลจีนกำหนดภาษีศุลกากรตอบโต้การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเครื่องบิน 737 MAX รุ่นใหม่ มีมูลค่าในตลาดประมาณ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาการบิน IBA
โดยเครื่องบิน 737 MAX 8 จำนวน 2 ลำ ซึ่งถูกขนส่งไปยังประเทศจีนในเดือนมีนาคม เพื่อส่งมอบให้กับสายการบินเซียะเหมิน แอร์ ได้กลับมายังศูนย์การผลิตของโบอิ้งในเมืองซีแอตเทิล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก AirNav Radar และ Flightradar24 ซึ่งเป็นบริษัทติดตามเที่ยวบิน ระบุว่า เครื่องบิน 737 MAX 8 ลำที่สามได้ออกจากศูนย์การผลิตโจวซาน ของบริษัทโบอิ้ง ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อไปยังเกาะกวม ดินแดนของสหรัฐฯ ในวันนี้ (24 เม.ย.) ตามฐานข้อมูลการติดตามของ Aviation Flights Group ระบุว่าเครื่องบินลำนี้ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกสำหรับสายการบินแอร์ไชน่า
เครื่องบินลำนี้ถูกขนส่งจากเมืองซีแอตเทิล เมื่อวันที่ 5 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่ทรัมป์ประกาศภาษีนำเข้าจากจีนเป็นครั้งแรก และจีนเริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
เกาะกวมเป็นหนึ่งในจุดจอดที่เที่ยวบินดังกล่าวใช้เดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกระยะทาง 8,000 กม. ระหว่างเมืองซีแอตเทิลและโจวซาน ซึ่งเครื่องบินจะถูกขนส่งโดยโบอิ้งเพื่อดำเนินการขั้นสุดท้ายและส่งมอบให้กับสายการบินของจีน ด้านรัฐบาลจีนยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่าเหตุใดเครื่องบินเหล่านี้จึงถูกส่งคืน
ไบรอัน เวสต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโบอิ้ง กล่าวว่า เครื่องบินจีนคิดเป็นประมาณ 10% ของเครื่องบินพาณิชย์ที่โบอิ้งยังคงไม่ได้ส่งมอบ เวสต์กล่าวว่าโบอิ้งมีแผนที่จะส่งมอบเครื่องบินใหม่ประมาณ 50 ลำให้กับจีน ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และกำลังพิจารณาทางเลือกในการนำเครื่องบิน 41 ลำที่ผลิตแล้วหรืออยู่ในระหว่างการผลิตกลับมาจำหน่ายอีกครั้ง
ออร์ตเบิร์กกล่าวว่า "สำหรับเครื่องบิน 9 ลำที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบการผลิต เรากำลังติดต่อกับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจถึงความตั้งใจของพวกเขาในการรับมอบ และหากจำเป็น เราก็มีความสามารถในการมอบหมายตำแหน่งเหล่านั้นให้กับลูกค้ารายอื่น" ออร์ตเบิร์กกล่าวว่า "เราจะไม่สร้างเครื่องบินให้กับลูกค้าที่ไม่รับเครื่องบินเหล่านี้ต่อไป"
ข้อมูลการติดตามของ Aviation Flights Group แสดงให้เห็นว่าเครื่องบิน 36 ลำที่สร้างขึ้นสำหรับลูกค้าชาวจีนในขั้นตอนต่างๆ ของการผลิตและการทดสอบอยู่ในสหรัฐฯ แล้ว รวมถึงเครื่องบิน 3 ลำที่ถูกส่งคืน
ข้อมูลของโบอิ้งแสดงให้เห็นว่ามีคำสั่งซื้อที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 130 รายการ สำหรับสายการบินและผู้ให้เช่าเครื่องบินในจีน รวมถึงรุ่น 737 MAX ซึ่งเป็นรุ่นขายดีที่สุด 96 รายการ แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการบินระบุว่า คำสั่งซื้อที่ยังไม่ได้ส่งมอบมากกว่า 760 รายการ ซึ่งโบอิ้งยังไม่ได้ระบุชื่อผู้ซื้อนั้นส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อจากจีน
สงครามภาษีเกิดขึ้นในขณะที่โบอิ้งกำลังฟื้นตัวจากการระงับการนำเข้าเครื่องบินรุ่น 737 MAX มายังจีนเป็นเวลานานเกือบ 5 ปี และความตึงเครียดทางการค้ารอบก่อนหน้านี้ เวสต์กล่าวว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงความท้าทายในระยะสั้น และจีนต้องเริ่มรับเครื่องบินอีกครั้ง หรือไม่ก็โบอิ้งต้องเตรียมเครื่องบินเหล่านี้สำหรับการทำตลาดใหม่
สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ ส่งสัญญาณต่อการลดระดับสงครามการค้า โดยระบุว่าภาษีศุลกากรที่สูงระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้นไม่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่าความสับสนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภาษีศุลกากรอาจทำให้การส่งมอบเครื่องบินหลายลำอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน โดยซีอีโอของสายการบินบางคนเสนอว่าพวกเขาจะเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินแทนที่จะจ่ายภาษีศุลกากร.
ที่มา Reuters
โฆษณา