24 เม.ย. เวลา 11:00 • ธุรกิจ

รู้จัก Osaka เมืองแห่งพ่อค้า นักคิดค้น ต้นกำเนิด กูลิโกะ, Sushiro, Kubota, Panasonic

- ซีรีส์บทความ Japan Branding โดยเพจ BrandCase
ชื่อเมือง โอซากะ (Osaka) หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี บางคนเคยไปเยือนมาแล้ว ในฐานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น
โอซากะ เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และขึ้นชื่อว่าเป็น “ครัวของญี่ปุ่น” โดยมีเรื่องอาหารที่โดดเด่น
เป็นต้นกำเนิด แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มดัง ๆ หลายแบรนด์ เช่น กูลิโกะ, Asahi, Suntory รวมถึงเชนซูชิสายพานอันดับ 1 ของโลก อย่าง Sushiro
นอกจากในด้านอาหาร กิน-ดื่ม โอซากะ ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของแบรนด์ดังในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น Panasonic, Daikin, Kubota, CAPCOM
แล้วเส้นทางการเติบโตของ โอซากะ จากจุดเริ่มต้น ถึงปัจจุบันนั้น น่าสนใจอย่างไร
เอกลักษณ์ของเมืองนี้ คืออะไร
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ซีรีส์บทความ Japan Branding ตอน โอซากะ โดยเพจ BrandCase..
- โอซากะ (Osaka) เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น รองจากกรุงโตเกียว และเมืองโยโกฮามะ
ซึ่งเมืองโอซากะ เป็นเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคคันไซ หรือภูมิภาคตอนกลางของญี่ปุ่น
มีประชากรกว่า 2.75 ล้านคน หรือน้อยกว่ากรุงเทพมหานคร 2 เท่า
ซึ่งเมืองโอซากะในอดีต ก็เป็นหนึ่งในเมืองท่าที่สำคัญมาก ๆ
โดยในอดีต เมืองโอซากะ เป็นเมืองหน้าด่าน นำเข้าสินค้าจากจีนและกลุ่มประเทศตะวันตก
จากการนำเข้าสินค้า และรับวิทยาการใหม่ ๆ เข้ามา ก็ทำให้ชาวเมืองโอซากะ มี DNA ของความเป็นพ่อค้า คือค้าขายเก่ง
ซึ่งนอกจากการค้าขายที่เก่งกาจแล้ว นักธุรกิจและพ่อค้าชาวเมืองโอซากะ ก็ยังสามารถนำสิ่งประดิษฐ์ที่นำเข้าจากชาวต่างชาติ ไปคิดค้น พัฒนา ต่อยอด ให้กลายเป็นสินค้าใหม่ ๆ
จึงทำให้พ่อค้าหรือนักธุรกิจในโอซากะ มีสายเลือดของความเป็นนักคิด และนักประดิษฐ์อยู่ในตัวสูง
โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นคราฟต์แมนชิป หรือมีความถนัดในด้านงานฝีมือของชาวโอซากะ
อย่างเช่น งานตีเหล็ก และงานประดิษฐ์ภาชนะเซรามิกที่มีคุณภาพสูง
ซึ่งทักษะนี้ก็กลายเป็นมรดกตกทอด ของชาวเมืองโอซากะจากรุ่นสู่รุ่น
และด้วยความที่เมืองโอซากะ อยู่ในใจกลางของประเทศญี่ปุ่นแบบพอดิบพอดี
จึงทำให้เมืองโอซากะขึ้นชื่อว่าเป็น “ครัวของประเทศ” ตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ ซึ่งเป็นยุคที่ญี่ปุ่นได้ปิดประเทศ และไม่มีการทำมาค้าขายกับชาวต่างชาติ
โดยเมืองโอซากะ ก็เป็นศูนย์กลางการค้าขาย “ข้าว” ให้กับคนทั้งประเทศ
ซึ่งในสมัยนั้น “ข้าว” เป็นสินค้าเกษตรที่มีค่า เพราะปริมาณการปลูกในประเทศที่มีจำกัด
และสามารถเกี่ยวเก็บได้เป็นบางช่วงเวลาตามฤดูกาล จึงทำให้ราคาข้าวนั้น
มีความผันผวนตามสภาพอากาศ และปริมาณที่เก็บเกี่ยวได้ อยู่ตลอดเวลา
ด้วยความเป็นนักคิดของกลุ่มพ่อค้า ชาวเมืองโอซากะ
1
พวกเขาจึงร่วมมือกันแก้ปัญหาราคาข้าว โดยสร้างตลาดโดจิมะ
ให้เป็นตลาดซื้อขายข้าวล่วงหน้าแห่งแรกของโลก มาตั้งแต่ปี 1697 ซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
โดยความพิเศษ ของตลาดข้าวโดจิมะ ก็คือ
ตลาดแห่งนี้จะช่วยให้ผู้ขายและผู้ซื้อ สามารถตกลงกัน เพื่อล็อกราคาข้าวล่วงหน้าได้ ก่อนที่คนซื้อจะได้ข้าวไปในปริมาณที่กำหนด
ซึ่งการตกลงซื้อขายกันแบบนี้ ก็จะทำให้ราคาของข้าว ไม่เกิดการผันผวนมากจนเกินไป
ซึ่งโมเดลซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ตลาดโดจิมะ
ก็กลายเป็นต้นแบบของระบบธนาคาร และระบบเงินตราของญี่ปุ่นในปัจจุบัน
และจากตลาดซื้อขายข้าวโดจิมะ ก็ได้ต่อยอดให้เมืองโอซากะ
กลายเป็นศูนย์กลางตลาดซื้อขายอาหารประเภทอื่นด้วย
อย่างเช่น สินค้าเกษตร อาหารทะเล และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ
ต่อมาปี 1868 ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคเมจิ โดยเริ่มมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมภายในประเทศ
เริ่มมีการนำเข้าสินค้า และเปิดรับวิทยาการจากชาติตะวันตกเข้ามาอีกครั้ง
ทำให้จากเดิมที่เมือง โอซากะ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น “ครัวของประเทศ” บวกกับคนโอซากะที่มีความเป็น “นักคิด นักต่อยอด”
จึงทำให้โอซากะ กลายเป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
โดยการเรียนรู้จากวิทยาการตะวันตก เป็นแห่งแรก ๆ ของประเทศญี่ปุ่น
โดยเมืองโอซากะ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์อาหาร
และเครื่องดื่มแปรรูปมากมายหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น
- Asahi Breweries (อาซาฮี) เป็นแบรนด์เบียร์ระดับโลกที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น
เบียร์อาซาฮี มีจุดเริ่มต้นจากแบรนด์เบียร์ Osaka Breweries ตั้งแต่ปี 1889
ซึ่งอยู่ในช่วงปลายยุคเมจิ ที่ญี่ปุ่นเริ่มได้รับอิทธิพลจาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของตะวันตก
โดยเบียร์ Asahi ถือเป็นเบียร์ยี่ห้อแรก ๆ ของญี่ปุ่น
ที่ใช้ข้าวบาร์เลย์และฮอปส์ ซึ่งนำเข้าจากชาติตะวันตก
มาหมักหรือผลิตให้เป็นเบียร์ที่รสชาติเหมาะกับคนญี่ปุ่น
- Suntory (ซันโทรี่) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องดื่มในประเทศญี่ปุ่น
ก่อตั้งขึ้นในปี 1899 โดยคุณ Shinjiro Torii
เขามีความสนใจในผลิตภัณฑ์ไวน์ และวิสกี้ ที่นำเข้าจากชาติตะวันตก
โดยเขาได้นำองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำวิสกี้ มาสร้างเป็นวิสกี้ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นวิสกี้ยี่ห้อแรกในเอเชีย
และเริ่มสร้างโรงกลั่นวิสกี้แห่งแรกของญี่ปุ่น ที่จังหวัดโอซากะในปี 1923
ปัจจุบัน Suntory กลายเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เหล้า วิสกี้ ไวน์
น้ำอัดลม กาแฟกระป๋อง หรือชาเขียวพร้อมดื่ม
1
- Glico (กูลิโกะ) ขนมขบเคี้ยวที่คนทั่วโลกรู้จัก ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 โดยคุณ Ri-ichi Ezaki
โดยเขาได้ค้นพบว่า น้ำซุปที่สกัดจากหอยนางรม มีปริมาณไกลโคเจน ซึ่งเป็นหนึ่งในสารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายมาก
โดยเขาได้นำไอเดียน้ำซุปที่สกัดจากหอยนางรม ไปพัฒนาและแปรรูป
เป็นขนมขบเคี้ยวหลากหลายรูปแบบ ที่รับประทานได้ง่าย อร่อย และยังได้สุขภาพ
ปัจจุบันแบรนด์กูลิโกะ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซากะ
โดยแมสคอตของแบรนด์ อย่าง “กูลิโกะแมน”
ก็ได้กลายเป็นไอคอนของเมืองโอซากะ โดยอยู่บนป้ายไฟ ในย่านโดทงโบริ
ซึ่งเป็นย่านการค้าชื่อดังใจกลางเมืองโอซากะ
- Nissin Foods (นิสชิน ฟูดส์) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายแรกของโลก
ก่อตั้งโดยคุณ Momofuku Ando
ในปี 1948 หรือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเกิดภาวะขาดแคลนอาหารพอดี
โดยผู้ก่อตั้ง ได้ค้นพบวิธีที่ทำให้บะหมี่แห้งนั้น สามารถเก็บได้นานและรับประทานได้ง่าย
ซึ่ง Nissin Foods ก็ได้กลายเป็นต้นแบบให้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์อื่น ๆ
รวมถึง มาม่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดฮิตในประเทศไทย
- Sushiro (ซูชิโร่) ซูชิสายพานอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 1984
ซึ่งเป็นยุคที่อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรในญี่ปุ่นเฟื่องฟู
โดย Sushiro ต้องการเข้ามาแก้ Pain Point ของลูกค้า
จากเดิมที่ซูชิ เป็นอาหารที่ต้องทำสดและเสิร์ฟแบบพรีเมียมโต๊ะต่อโต๊ะ แถมลูกค้าต้องจ่ายแพง
ให้กลายเป็นซูชิที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีราคาถูกมากขึ้น และรับประทานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยนำระบบซูชิสายพาน มาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ
ปัจจุบัน Sushiro มีจำนวนสาขาทั่วโลก 600 แห่ง และมีทั้งหมด 33 สาขาในประเทศไทย
ด้วย DNA ของความเป็นพ่อค้า ที่ประกอบอาชีพทำมาค้าขาย
ประกอบกับความเป็นนักคิด และความเป็นคราฟต์แมนชิป ของชาวเมืองโอซากะ
ที่มีฝีมือในการทำงานโลหะ ที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน
จึงทำให้เมืองโอซากะ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์อุตสาหกรรมหนัก อีกหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น
- Kubota แบรนด์รถแทรกเตอร์ชื่อดัง ที่คนไทยต้องรู้จัก
โดย Kubota ก่อตั้งขึ้นในปี 1890 จากการรับหล่อชิ้นส่วนโลหะ และหล่อเหล็กท่อสำหรับระบบประปา
ต่อมา Kubota ก็ได้ขยายธุรกิจสู่การผลิตรถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลการเกษตร
โดยต่อยอดจากธุรกิจขายสินค้าอาหารและการเกษตร หรือ “ครัวของประเทศ” ซึ่งเป็นจุดเด่นหลักของเมืองโอซากะอยู่แล้ว
- Panasonic แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังของญี่ปุ่น
ซึ่งก่อตั้งในปี 1918 โดยคุณ Konosuke Matsushita
ที่เริ่มจากการเป็นพ่อค้า ขายปลั๊กไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้า ในตลาดโอซากะ
เขาจึงก่อตั้งแบรนด์ Panasonic ขึ้นมา เพื่อพัฒนาและผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
ด้วยแนวคิดในการส่งมอบสินค้า และการให้บริการ
แบบจริงใจและเข้าถึงได้ สไตล์ของพ่อค้าโอซากะแท้ ๆ
- Daikin แบรนด์เครื่องปรับอากาศชื่อดัง อันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น
ก่อตั้งขึ้นในปี 1924 โดยมีจุดเริ่มต้นจากการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน ให้กับกองทัพญี่ปุ่น
จากนั้น Daikin ก็เริ่มมาพัฒนาระบบปรับอากาศ
เพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวโอซากะ ที่มีความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศมาก
โดยได้พัฒนาแอร์ หรือระบบปรับอากาศพร้อมติดตั้งในที่อยู่อาศัย
และอาคารสำนักงานเป็นเจ้าแรกของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ เมืองโอซากะ ก็ยังมีแบรนด์ที่สะท้อนความเป็นนักคิดนอกกรอบ ของคนในพื้นที่
อย่าง CAPCOM ผู้พัฒนาและถือลิขสิทธิ์เกมชื่อดัง ซึ่งเป็นคู่แข่งของ BANDAI ที่มาจากฝั่งโตเกียว
โดยจุดเด่นของ CAPCOM ก็จะเต็มไปด้วยตัวละครเกม ที่มีคาแรกเตอร์จัดจ้าน อย่าง
Street Fighter และ Resident Evil ที่ตัวละครเต็มไปด้วยความสนุก คึกคัก มีชีวิตชีวา
และมีความคิดนอกกรอบ ในแบบฉบับของโอซากะแท้ ๆ
จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวของเมือง “โอซากะ” อดีตเมืองท่าสำคัญ ที่ปัจจุบันมีประชากรไม่ถึง 3 ล้านคน แต่ก็เต็มไปด้วยธุรกิจ แบรนด์ดังต่าง ๆ
ด้วยจุดเด่นของเมือง ที่เป็นเมืองนำเข้าสินค้า และเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ครัวของประเทศ”
บวกกับชาวเมืองที่มี DNA ของความเป็นพ่อค้า ความเป็นนักคิดค้น และองค์ความรู้ในการผลิตงานที่สั่งสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ทั้ง 2 องค์ประกอบนี้ ก็ได้มาบวกรวมกันให้เมืองนี้ กลายเป็นเมืองที่เข้มแข็ง
เป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ดังหลายแบรนด์ แถมยังได้เป็นเมือง Iconic ของแบรนด์ขนมระดับโลก อย่าง “กูลิโกะแมน” ในย่านโดทงโบริ
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่เล่ามา ก็ทำให้เมืองโอซากะ กลายเป็นอีกเมืองที่มีความสำคัญอย่างมาก ต่อเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เมืองโอซากะ ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงาน World Expo หรืองานมหกรรมระดับโลก
ที่จัดขึ้นเพื่อแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี และวัฒนธรรมจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาแล้ว 2 ครั้ง
นั่นคือในปี 1970 และในปี 2025 ซึ่งก็คือในปีนี้นั่นเอง..
โฆษณา