24 เม.ย. เวลา 08:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

Mirage 2000

เครื่องบิน Mirage 2000 จัดอยู่ในกลุ่ม Generation 4 (เจเนอเรชันที่ 4) ของเครื่องบินขับไล่ครับ
รายละเอียด: Mirage 2000 กับ Generation
คุณสมบัติของเครื่องบินขับไล่ Generation 4
Gen 4 คือยุคเปลี่ยนผ่านจากเครื่องบินขับไล่แบบดั้งเดิม สู่ยุคดิจิทัลและสมรรถนะสูงขึ้น โดยมีคุณสมบัติดังนี้:
  • 1.
    ​ใช้ fly-by-wire (ระบบควบคุมการบินด้วยไฟฟ้า)
  • 2.
    ​เรดาร์ขั้นสูง
  • 3.
    ​ใช้อาวุธนำวิถีแม่นยำ
  • 4.
    ​ความเร็วเหนือเสียง (Mach 2+)
  • 5.
    ​บางรุ่นเริ่มมีความสามารถในการหลบหลีกเรดาร์ (เบื้องต้น)
คู่เปรียบ Mirage 2000 ใน Gen 4:
หากสนใจว่า Mirage 2000 แตกต่างจาก Mirage F1 ยังไงบ้าง หรือต้องการเทียบกับ F-16 แบบละเอียดก็แจ้งได้เลยครับ จะได้เห็นพัฒนาการแบบชัดเจน.
เครื่องบิน Mirage 2000 มีบทบาทสำคัญในหลายสงครามและภารกิจทั่วโลกตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกับกองทัพฝรั่งเศสและชาติผู้ใช้งาน เช่น อินเดีย, กรีซ, ยูเออี เป็นต้น
ภารกิจสำคัญของ Mirage 2000 ในสงคราม
1. สงครามอ่าวเปอร์เซีย (Gulf War) – ปี 1991
  • 1.
    ประเทศที่ใช้: ฝรั่งเศส (Mirage 2000C), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
  • 1.
    ​บทบาท:
  • 1.
    ​ปฏิบัติการ สกัดกั้นทางอากาศ (air patrol)
  • 2.
    ​ปกป้องฝูงบินโจมตีของนาโต้
  • 3.
    ​ทำหน้าที่คุ้มกัน (escort) โดยใช้ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ Super 530D และ Magic II
  • 4.
    ​บทบาท:
  • 1.
    ​ปฏิบัติการ สกัดกั้นทางอากาศ (air patrol)
  • 1.
    ​ปกป้องฝูงบินโจมตีของนาโต้
  • 1.
    ​ทำหน้าที่คุ้มกัน (escort) โดยใช้ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ Super 530D และ Magic II
  • 1.
    ​2. สงครามการ์กิล (Kargil War) – อินเดีย vs ปากีสถาน ปี 1999
  • 1.
    ​ประเทศที่ใช้: อินเดีย (Mirage 2000H/I)
  • 1.
    ​บทบาท:
  • 1.
    ​โจมตีเป้าหมายบนภูเขาในระดับสูงของแคชเมียร์
  • 2.
    ​ใช้อาวุธแม่นยำ เช่น ระเบิดนำวิถีเลเซอร์ (LGB)
  • 3.
    ​เป็นเครื่องเดียวในฝูงบินอินเดียที่บินได้ในระดับความสูงมากกว่า 15,000 ฟุตเพื่อโจมตีที่มั่นศัตรู
  • 4.
    ​บทบาท:
  • ​โจมตีเป้าหมายบนภูเขาในระดับสูงของแคชเมียร์
  • ​ใช้อาวุธแม่นยำ เช่น ระเบิดนำวิถีเลเซอร์ (LGB)
  • ​เป็นเครื่องเดียวในฝูงบินอินเดียที่บินได้ในระดับความสูงมากกว่า 15,000 ฟุตเพื่อโจมตีที่มั่นศัตรู
ถือเป็นภารกิจสร้างชื่อที่สุดของ Mirage 2000 ในเอเชีย
  • ​3. สงครามลิเบีย (NATO Intervention) – ปี 2011
  • ​ประเทศที่ใช้: ฝรั่งเศส
  • ​บทบาท:
  • 1.
    ​ปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นและสนับสนุนภาคพื้นดิน (CAS)
  • 2.
    ​ใช้อาวุธนำวิถี, ระเบิด GBU, และเรดาร์นำทาง
  • 3.
    ​สนับสนุนภารกิจถล่มโครงสร้างพื้นฐานของกองกำลัง Gaddafi
  • 4.
    ​บทบาท:
  • ​ปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นและสนับสนุนภาคพื้นดิน (CAS)
  • ​ใช้อาวุธนำวิถี, ระเบิด GBU, และเรดาร์นำทาง
  • ​สนับสนุนภารกิจถล่มโครงสร้างพื้นฐานของกองกำลัง Gaddafi
  • ​4. ปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มติดอาวุธในมาลี (Operation Serval) – ปี 2013
  • ​ประเทศที่ใช้: ฝรั่งเศส
  • ​บทบาท:
  • 1.
    ​สนับสนุนทางอากาศในเขตทะเลทราย
  • 2.
    ​โจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ของกลุ่มติดอาวุธอิสลาม
  • 3.
    ​ใช้ความเร็วและความแม่นยำในการเข้าโจมตีทันที (quick strike)
  • 4.
    ​บทบาท:
  • ​สนับสนุนทางอากาศในเขตทะเลทราย
  • ​โจมตีเป้าหมายเคลื่อนที่ของกลุ่มติดอาวุธอิสลาม
  • ​ใช้ความเร็วและความแม่นยำในการเข้าโจมตีทันที (quick strike)
  • ​บทบาทอื่นๆ ที่ Mirage 2000 ถูกใช้
  • 1.
    ​ปฏิบัติการลาดตระเวนชายแดน
  • 2.
    ​ปฏิบัติการสกัดกั้นเครื่องบินรุกล้ำ
  • 3.
    ​ฝึกซ้อมรบระหว่างประเทศ (เช่น Red Flag, Garuda Exercise)
  • ​หากอยากเจาะลึกภารกิจใดเป็นพิเศษ เช่น "การใช้ระเบิดนำวิถีในสงคราม Kargil" หรือ "ยุทธวิธีการบินของฝรั่งเศสในลิเบีย" บอกได้เลยครับ ผมสรุปให้ละเอียดได้ครับ.
เครื่องบิน Mirage 2000 แม้จะไม่ได้ถูกออกแบบมาเป็น “เครื่องบินขับไล่เหนือกว่าทุกสถานการณ์” แบบ F-22 หรือ Su-35 แต่ก็มีสถิติการ สู้รบจริงที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะในสงคราม Kargil และการสกัดกั้นเครื่องบินศัตรูในยุคหลังสงครามเย็น
สถิติการทำลายศัตรูของ Mirage 2000 (เฉพาะที่มีรายงานทางการ)
1. สงคราม Kargil (อินเดีย-ปากีสถาน, 1999)
  • 1.
    ​Mirage 2000 ของอินเดีย ไม่มีรายงานการยิงเครื่องบินศัตรูโดยตรง
  • 2.
    ​แต่ มีภารกิจโจมตีภาคพื้นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะการทำลายที่มั่นปากีสถานบนยอดเขา เช่น จุด Tiger Hill
  • 3.
    ​ใช้ระเบิดนำวิถีเลเซอร์ และสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพอินเดียสูงมาก
2. สงครามลิเบีย (ปี 2011)
  • 1.
    ​Mirage 2000D/F ของฝรั่งเศส ปฏิบัติภารกิจโจมตีภาคพื้นมากกว่า 200 เที่ยวบิน
  • 2.
    ​ทำลายเป้าหมาย เช่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศ, ยานยนต์ติดอาวุธ, และฐานบัญชาการ
  • 3.
    ​ไม่มีการสูญเสียจากขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน (SAM) ระหว่างปฏิบัติการ
3. การสกัดกั้นเครื่องบิน (Peacetime Intercepts)
  • 1.
    ​2019: Mirage 2000 ของอินเดีย สกัดและยิง MiG-21 Bison ของปากีสถานในเหตุการณ์ขัดแย้งบริเวณชายแดน
  • 2.
    ​หลายเหตุการณ์ ที่ Mirage 2000 สกัดเครื่องบินที่รุกล้ำ (เช่นจากตุรกี, กลุ่มกบฏในแอฟริกา) แต่ไม่ได้มีการยิงตก
ข้อสรุป
  • 1.
    ​Mirage 2000 ไม่ใช่เครื่องบินรบที่มี kill record สูงแบบ F-15 หรือ Su-27 แต่โดดเด่นใน:
  • 1.
    ​ความแม่นยำในการโจมตีภาคพื้น
  • 2.
    ​บทบาทคุ้มกันและลาดตระเวน
  • 3.
    ​ความคงทนและอัตราการรอดในสนามรบ
  • 4.
    ​Mirage 2000 ไม่ใช่เครื่องบินรบที่มี kill record สูงแบบ F-15 หรือ Su-27 แต่โดดเด่นใน:
  • 1.
    ​ความแม่นยำในการโจมตีภาคพื้น
  • 1.
    ​บทบาทคุ้มกันและลาดตระเวน
  • 1.
    ​ความคงทนและอัตราการรอดในสนามรบ
  • 2.
    ​Kill ratio (อัตราการสังหารศัตรูต่อการสูญเสีย) ไม่ได้เผยแพร่ชัดเจนแบบ F-15 (ที่มี 100:0)
  • 3.
    ​แต่ Mirage 2000 ก็มีชื่อเสียงว่า “ไม่เคยพ่ายแพ้ในการสกัดกั้นจริง”
  • 1.
    ​หากคุณสนใจ กรณีศึกษาของการยิงจริงครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น เหตุการณ์ 2019 หรือภารกิจสกัดกั้นฝูงบินลิเบีย ผมสามารถสรุปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ให้ได้เลยครับ.
เครื่องบิน Mirage 2000 เป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีความสามารถในการบรรทุกอาวุธหลากหลายประเภท ทั้งอาวุธอากาศสู่อากาศและอากาศสู่ภาคพื้น โดยสามารถติดตั้งอาวุธขั้นสูงที่มีประสิทธิภาพในหลายบทบาท เช่น การสกัดกั้น, โจมตีภาคพื้น และปฏิบัติการต่อต้านเรดาร์
อาวุธเด่นที่ Mirage 2000 สามารถติดตั้งได้
1. อาวุธอากาศสู่อากาศ (Air-to-Air Missiles)
  • 1.
    ​Matra Super 530D:
  • 2.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่อากาศระยะกลาง ที่มีความแม่นยำสูง ใช้สำหรับสกัดกั้นหรือโจมตีเครื่องบินศัตรูในระยะกลาง
  • 1.
    ​ระยะยิง: 30–50 กม.
  • 2.
    ​ใช้ในภารกิจสกัดกั้นและต่อสู้กลางอากาศ
  • 3.
    ​Matra Super 530D:
  • 4.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่อากาศระยะกลาง ที่มีความแม่นยำสูง ใช้สำหรับสกัดกั้นหรือโจมตีเครื่องบินศัตรูในระยะกลาง
  • ​ระยะยิง: 30–50 กม.
  • ​ใช้ในภารกิจสกัดกั้นและต่อสู้กลางอากาศ
  • 1.
    ​Magic II:
  • 2.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่อากาศระยะใกล้ (short-range, IR-guided) มีการติดตั้ง เซ็นเซอร์อินฟราเรด สำหรับการโจมตีเครื่องบินที่อยู่ใกล้เคียง
  • 1.
    ​ระยะยิง: 1–20 กม.
  • 2.
    ​เหมาะสำหรับการต่อสู้ในระยะใกล้ (dogfight)
  • 3.
    ​Magic II:
  • 4.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่อากาศระยะใกล้ (short-range, IR-guided) มีการติดตั้ง เซ็นเซอร์อินฟราเรด สำหรับการโจมตีเครื่องบินที่อยู่ใกล้เคียง
  • ​ระยะยิง: 1–20 กม.
  • 1.
    ​เหมาะสำหรับการต่อสู้ในระยะใกล้ (dogfight)
  • 2.
    ​AIM-9 Sidewinder (บางรุ่น):
  • 3.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่อากาศระยะใกล้ ที่นิยมใช้ในหลายกองทัพ เช่น สหรัฐฯ มีระบบเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR) ช่วยในการจับเป้าหมาย
  • 1.
    ​2. อาวุธอากาศสู่ภาคพื้น (Air-to-Ground Missiles)
  • 1.
    ​Exocet AM39:
  • 2.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่พื้น ที่ใช้ในการโจมตีเรือรบ
  • 1.
    ​ระยะยิง: 40–70 กม.
  • 2.
    ​ถูกใช้ในการโจมตีเรือในสงคราม และปฏิบัติการต่อสู้ทางทะเล
  • 3.
    ​Exocet AM39:
  • 4.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่พื้น ที่ใช้ในการโจมตีเรือรบ
  • 1.
    ​ระยะยิง: 40–70 กม.
  • 1.
    ​ถูกใช้ในการโจมตีเรือในสงคราม และปฏิบัติการต่อสู้ทางทะเล
  • 2.
    ​APU-10 (โครงการสำหรับโจมตีภาคพื้น):
  • 3.
    ​บรรทุก ระเบิดนำวิถีเลเซอร์ (Laser-guided bombs) เช่น GBU-12 Paveway II ที่สามารถเจาะเป้าหมายที่มีการป้องกันสูงได้
  • 1.
    ​Taurus KEPD 350:
  • 2.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่พื้นระยะไกล ที่มีความสามารถในการยิงโจมตีเป้าหมายที่มีความปลอดภัยสูงและติดตั้งเรดาร์
  • 1.
    ​ระยะยิง: 500 กม.
  • 2.
    ​เหมาะสำหรับการโจมตีฐานทัพ, โรงงาน, หรือโครงสร้างสำคัญ
  • 3.
    ​Taurus KEPD 350:
  • 4.
    ​ขีปนาวุธ อากาศสู่พื้นระยะไกล ที่มีความสามารถในการยิงโจมตีเป้าหมายที่มีความปลอดภัยสูงและติดตั้งเรดาร์
  • ​ระยะยิง: 500 กม.
  • ​เหมาะสำหรับการโจมตีฐานทัพ, โรงงาน, หรือโครงสร้างสำคัญ
  • ​3. ปืนและระเบิด
  • 1.
    ​ปืนกล DEFA 30 มม.:
  • 2.
    ​มีกระสุน 125 นัด ใช้สำหรับการโจมตีเป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงหรือเป้าหมายที่มีการเคลื่อนที่
  • 1.
    ​มีความแม่นยำและอำนาจการทำลายที่สูง
  • 2.
    ​ปืนกล DEFA 30 มม.:
  • 3.
    ​มีกระสุน 125 นัด ใช้สำหรับการโจมตีเป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงหรือเป้าหมายที่มีการเคลื่อนที่
  • 1.
    ​มีความแม่นยำและอำนาจการทำลายที่สูง
  • 2.
    ​ระเบิด (Bombs):
  • 3.
    ​สามารถติดตั้งระเบิดทั่วไปหรือระเบิดนำวิถีเลเซอร์ เช่น GBU-12 และ GBU-49 สำหรับการโจมตีเป้าหมายภาคพื้น
  • ​4. อาวุธต่อต้านเรดาร์ (Anti-Radar Missiles)
  • 1.
    ​AGM-88 HARM:
  • 2.
    ​ขีปนาวุธ ต่อต้านเรดาร์ ที่สามารถทำลายหรือรบกวนระบบเรดาร์ของศัตรูได้
  • 1.
    ​ระยะยิง: 85 กม.
  • 2.
    ​ใช้เพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ
  • 3.
    ​AGM-88 HARM:
  • 4.
    ​ขีปนาวุธ ต่อต้านเรดาร์ ที่สามารถทำลายหรือรบกวนระบบเรดาร์ของศัตรูได้
  • ​ระยะยิง: 85 กม.
  • ​ใช้เพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ
  • ​5. ระเบิดและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
  • 1.
    ​Cluster bombs, Napalm, และ Bombs สำหรับการโจมตีบริเวณขนาดใหญ่หรือการทำลายยานพาหนะทหาร
  • 2.
    ​ถังน้ำมันเสริม: เพื่อเพิ่มพิสัยการบินในภารกิจระยะไกล
  • ​สรุป
  • ​เครื่องบิน Mirage 2000 สามารถติดตั้ง อาวุธหลากหลายประเภท ทั้งในภารกิจ โจมตีทางอากาศ, โจมตีภาคพื้น, และต่อต้านเรดาร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้วเครื่องบินนี้ออกแบบให้เหมาะสมกับภารกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทะเล, การสนับสนุนภาคพื้น, หรือการสกัดกั้นอากาศยานศัตรู
  • ​หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานอาวุธเหล่านี้ในสงครามจริงหรือลักษณะการใช้ในภารกิจต่างๆ ก็สามารถแจ้งได้ครับ!
ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครับ และภาพเครื่องบินสวยๆ จาก พี่ไพบูลย์ ครับ
โฆษณา