เมื่อวาน เวลา 06:12 • ปรัชญา
ปรัชญาชีวิตของการมีอยู่ของกลางวันและกลางคืน
เมื่อแสงและเงาต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง
บางครั้ง…ชีวิตเราก็เหมือนโลก
ที่หมุนเวียนผ่านกลางวันและกลางคืนอย่างไม่หยุดนิ่ง
ไม่ว่าเราจะชอบแสงแดดจ้า หรือโหยหาความสงบในความมืด
โลกก็ยังคงหมุนไปในจังหวะของมัน
เหมือนกับที่ชีวิตของเราก็ต้องมีทั้งจังหวะของการ “ลุกขึ้น” และการ “พักลง”
1
กลางวัน
คือช่วงเวลาที่ทุกอย่างเปิดเผย
เรามองเห็นทางข้างหน้า เห็นผู้คน เห็นเป้าหมาย
เป็นเวลาของการลงมือทำ การดิ้นรน และการไขว่คว้า
เรารู้สึกว่าเรามี “บทบาท” ในโลกใบนี้
1
แต่กลางคืน
คือเวลาที่ทุกอย่างเงียบลง
แสงสว่างค่อยๆ ละลายหายไป เหลือไว้แต่ตัวเรากับความคิด
เป็นเวลาของการทบทวน การฟังเสียงในใจ และการวางบางสิ่งลงจากมือ
แม้จะมีความมืด…แต่ก็เป็นความมืดที่ซื่อสัตย์
ไม่มีใครเร่งเรา ไม่มีใครจับตา
เราสามารถ “เป็นตัวเอง” ได้โดยไม่ต้องอธิบายให้ใครฟัง
1
หลายคนกลัวความมืด
แต่ในความมืดนั้นเอง…
เรามักจะได้พบกับความจริงบางอย่างที่กลางวันพร่าเลือนไว้ด้วยแสงจ้า
คำถามที่เราหลบเลี่ยงในเวลากลางวัน
กลับชัดเจนในความเงียบของกลางคืน
1
เราอาจไม่ต้องเป็นคนที่ “สดใส” ตลอดเวลา
เหมือนโลก…ที่ไม่จำเป็นต้องสว่างเสมอไป
เพราะแม้แต่ฟ้ายังต้องมีเวลาที่มืด เพื่อให้ดาวได้ฉายแสง
และให้เราพบว่า…เราไม่ได้ต้อง “เปล่งประกาย” ตลอดเวลา
บางที แค่มีอยู่…อย่างเงียบสงบ
ก็เพียงพอแล้ว
1
กลางวันทำให้เรารู้ว่าเรายังมีพลังจะก้าวต่อไป
กลางคืนทำให้เรารู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องแข็งแรงตลอดเวลา
การมีอยู่ของกลางวันและกลางคืน
จึงไม่ใช่แค่กลไกธรรมชาติ
แต่มันคือบทเรียนลึกซึ้ง…
ว่าชีวิตที่สมดุล คือชีวิตที่ไม่ฝืนเป็นอะไรตลอดไป
เราจะมีวันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
และคืนที่มีเพียงเสียงสะอื้น
เราจะมีวันที่พร้อมเดินหน้า
และคืนที่แค่อยากหยุดทุกอย่างไว้เฉยๆ
1
หากคุณกำลังอยู่ในช่วงกลางคืนของชีวิต
ไม่เป็นไรเลยครับ
เพราะฟ้ายามเช้า…กำลังเดินทางมา
และคุณจะได้เห็นแสงอีกครั้ง
ในแบบที่อ่อนโยนกว่าเดิม
1
โฆษณา