Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Reporters
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
25 เม.ย. เวลา 09:12 • ข่าว
TECH: ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยรายได้ทั่วโลกปี 2567 โต 8% แตะ 38,153 ล้านยูโร
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยรายได้ทั่วโลกปี 2567 โต 8% แตะ 38,153 ล้านยูโร รับกระแสลงทุนด้านความยั่งยืน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความยั่งยืนระดับโลก รายงานรายได้รวมทั่วโลกประจำปี 2567 อยู่ที่ 38,153 ล้านยูโร เติบโตขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า สะท้อนแนวโน้มองค์กรทั่วโลกที่ตื่นตัวและเดินหน้าลงทุนในด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้กว่า 74% ของบริษัทมาจากธุรกิจที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม (Impact Revenues) ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับมหภาค
นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เปิดเผยว่า “ด้วยผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการของบริษัทฯ สามารถช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้มากถึง 679 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ระหว่างปี 2561 ถึง 2567
เรานับว่าเป็นหนึ่งในผู้สร้างผลกระทบเชิงบวก (Impact Makers) ที่ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน พร้อมยกระดับความยั่งยืนภายในองค์กรของเราเอง และเดินหน้าส่งต่อความมุ่งมั่นนี้ไปยังพันธมิตร เพื่อร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง”
นายมงคลยังเน้นย้ำถึง แนวคิด 3 แกนหลัก ซึ่งเปรียบเสมือนสูตรสำเร็จในการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน ได้แก่:
Strategize: การวางกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระบบนิเวศทั้งหมด รวมถึงห่วงโซ่อุปทาน
Digitize: การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการวัดผลเพื่อสร้างความโปร่งใสและต่อเนื่อง
Decarbonize: การลงมือดำเนินการด้วยเทคโนโลยีและระบบวิเคราะห์ขั้นสูง เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายมงคล เผยว่า สำหรับปีนี้ภาคธุรกิจยังคงต้องให้ความสำคัญของ 3 เมกะเทรนด์ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเป็นตัวชี้ทิศทางอนาคตของธุรกิจใหม่ ได้แก่
1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวมในเอเชีย และเป็นความเสี่ยงที่มีนัยสําคัญสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และมีรายงานต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 41 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 12 เดือน และมีการรายงานถึงความเสียหายทางกายภาพและทรัพย์สินของบริษัทถึง 32เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
2.การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้พลังงานประมวลผลของดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นมหาศาล เกิน 10 เท่าตัว โดย 93 เปอร์เซ็นต์ ของบริษัทในเอเชียได้พยายามปรับใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนสู่ดิจิทัลที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืน
3.การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ธุรกิจมีการมองหาพลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น จากการวิจัยโดย World Economic Forum พบว่า หากมีการใช้มาตรการเพื่อเปลี่ยนแปลงความต้องการพลังงานภายในปี 2573 จะสามารถประหยัดได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ 29 เปอร์เซ็นต์ ของบริษัทที่สํารวจมองว่ายังมีข้อจำกัดด้านความพร้อมในการเปลี่ยนมาใช้ทางเลือกพลังงานสะอาด และมีแนวโน้มที่จะลงทุนในมาตรการด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
จาก 3 เมกะเทรนด์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนระบบนิเวศทางธุรกิจ ทั้งในกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรสู่การเป็น Impact Makers ไปด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญของแนวทางดังกล่าวคือกลยุทธ์พลังงานไฟฟ้า 4.0(Electricity 4.0) ซึ่งเน้นการบริหารจัดการพลังงานทั้งฝั่งอุปสงค์ (Demand) และฝั่งซัพพลาย (Supply) โดยเฉพาะการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการทำงานต่างๆ
ล่าสุดชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังคงคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าและพันธมิตรก้าวสู่ความยั่งยืนได้ง่าย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตอบโจทย์ความต้องการทั้งปัจจุบันและอนาคต โดยได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามายกระดับการบริหารจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติให้ครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก
"AI ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้อย่างชาญฉลาด ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ การคาดการณ์การใช้พลังงานล่วงหน้า และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบอัตโนมัติในอาคาร โรงงาน ดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับความผิดปกติล่วงหน้า การลดความสูญเสีย หรือการปรับสมดุลโหลดไฟฟ้าให้เหมาะสม AI ยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและควบคุมต้นทุน ช่วยให้องค์กรเดินหน้าเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม" นายมงคลกล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นองค์กรหนึ่งเดียวในโลก ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกอันดับ 1 ถึง 2 ครั้ง (ปี 2564 และ 2568) โดย Corporate Knights ผ่านการจัดทำรายชื่อ Global 100 Most Sustainable Corporations in the World และยังครองตำแหน่ง อันดับ 1 ด้านองค์กรที่ยั่งยืน จากนิตยสาร TIME ประจำปี 2567 ในการจัดอันดับ World’s Most Sustainable Companiesอีกด้วย
ด้วยการคว้าอันดับสูงสุดจาก 2 สถาบันชั้นนำระดับโลก รวม 3 ครั้ง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงนับเป็นแบรนด์เดียวที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในระดับโลกในด้านความยั่งยืน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนองค์กร ควบคู่ไปกับการดูแลโลกอย่างยั่งยืน และพร้อมที่จะเป็นองค์กรกรณีศึกษาสำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการจะมาเป็นพันธมิตรเพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืนด้วยกัน
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ชไนเดอร์อิเล็คทริค #มงคลตั้งศิริวิช
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย