วันนี้ เวลา 03:00 • สุขภาพ

พลังของใบสั่งยา 90 วัน กับการกินยาต่อเนื่องเพื่อหัวใจที่แข็งแรง

พวกเราหลายคนคงคุ้นเคยกับยา "สแตติน" กันดีใช่ไหม มันคือยาที่เปรียบเสมือนฮีโร่ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก ยาตัวนี้มีประสิทธิภาพดีและคุ้มค่ามาก แต่ปัญหาที่น่ากังวลคือ หลายครั้งที่ผู้ป่วยได้รับยาไปแล้ว กลับไม่ได้กินยาอย่างต่อเนื่องตามที่คุณหมอสั่ง
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เรากินยาไม่ต่อเนื่อง ก็คือความไม่สะดวกในการต้องไปรับยาบ่อยๆ ถ้าเราต้องไปโรงพยาบาลหรือร้านยาทุกเดือนเพื่อรับยาเดิมๆ มันก็อาจจะมีบางครั้งที่เราลืมบ้าง ไม่ว่างบ้าง หรือรู้สึกว่ามันยุ่งยากใช่ไหมครับ
นี่จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่ว่า การสั่งยาให้ในระยะเวลาที่นานขึ้น เช่น ครั้งละ 90 วัน (ประมาณ 3 เดือน) น่าจะช่วยให้ผู้ป่วยมี "ยาติดบ้าน" ตลอดเวลา และลดความถี่ในการไปรับยาลง ซึ่งน่าจะส่งผลให้การกินยาต่อเนื่องดีขึ้น ที่สำคัญมีข้อมูลชี้ว่าการที่ผู้ป่วยมียาอยู่กับตัวมากขึ้น สัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุที่ลดลงด้วยนะครับ
แต่น่าแปลกที่ในความเป็นจริง ยังมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รับใบสั่งยาสแตตินแบบ 90 วัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แล้วเราจะมีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณหมอสั่งยา 90 วันมากขึ้น และส่งผลดีต่อผู้ป่วยในวงกว้างได้ไหม วันนี้ผมมีเรื่องราวจากการศึกษาที่น่าสนใจมากๆ มาเล่าให้ฟังครับ
"สะกิด" ระบบเบาๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เกิดคำถามว่า ถ้าเราลองปรับเปลี่ยน "ค่าเริ่มต้น" (default) ในระบบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ (EHR) ของโรงพยาบาล ให้การสั่งยาสแตตินเป็นแบบ 90 วันโดยอัตโนมัติ (แต่คุณหมอยังสามารถเลือกเปลี่ยนเป็น 30 วันได้หากต้องการ) จะเกิดอะไรขึ้น?
พวกเขาจึงทำการทดลองในระบบโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป เมื่อคุณหมอจะสั่งยาสแตติน ระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นไว้ที่ 90 วัน จากนั้น พวกเขาเปรียบเทียบสัดส่วนการสั่งยาสแตตินแบบ 90 วัน ในช่วงก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ และยังเปรียบเทียบกับยาอีกตัวคือ "เลโวไทรอกซีน" (ยาไทรอยด์) ซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนค่าเริ่มต้น เพื่อดูแนวโน้มตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ เขายังวิเคราะห์แยกตามข้อมูลประชากรด้วย เช่น เชื้อชาติ (ตามที่ผู้ป่วยแจ้งในระบบ) ประเภทประกันสุขภาพ และรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนในพื้นที่ที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่ เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อความเท่าเทียมในการได้รับยาหรือไม่ และยังตรวจสอบด้วยว่า การสั่งยา 90 วัน ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนชนิดหรือขนาดยาบ่อยขึ้นหรือเปล่า
ผลการศึกษาที่ออกมาน่าทึ่งมากครับ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนค่าเริ่มต้น มีการสั่งยาสแตตินแบบ 90 วันอยู่แล้วประมาณ 70.7% ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย แต่หลังจากเปลี่ยนค่าเริ่มต้นในระบบให้เป็น 90 วัน สัดส่วนนี้พุ่งสูงขึ้นไปถึง 91.7% เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของยาไทรอยด์แล้ว ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 20.3%
อีกประเด็นที่สำคัญมากๆ คือเรื่องความเท่าเทียมครับ ก่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ มีข้อมูลชี้ว่าผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยเชื้อสายฮิสแปนิก ผู้ป่วยผิวดำที่ไม่ใช่ฮิสแปนิก ผู้ป่วยที่ใช้ประกันสุขภาพ Medicaid (ประกันสำหรับผู้มีรายได้น้อย) และผู้ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีแนวโน้มที่จะได้รับใบสั่งยา 90 วันน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ
แต่ข่าวดีคือ หลังจากการเปลี่ยนค่าเริ่มต้นในระบบ ความเหลื่อมล้ำนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กลุ่มต่างๆ ได้รับใบสั่งยา 90 วันในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันมาก ประมาณ 90% ในทุกกลุ่ม แม้แต่ในกลุ่มผู้ป่วยเชื้อสายฮิสแปนิก ซึ่งเดิมมีช่องว่างห่างจากกลุ่มผู้ป่วยผิวขาวที่ไม่ใช่ฮิสแปนิกถึง 19.9% ช่องว่างนี้ก็ลดลงเหลือเพียง 6.9% เท่านั้น
ผลลัพธ์นี้น่าสนใจมากครับ มันแสดงให้เห็นว่าอุปสรรคเดิมๆ ที่อาจเกิดจากข้อจำกัดของประกันในอดีต ค่าใช้จ่ายร่วมจ่ายที่เคยสูงกว่า หรือแม้กระทั่งอคติโดยไม่รู้ตัวของคุณหมอเกี่ยวกับความสามารถในการจ่ายค่ายาของผู้ป่วย สามารถถูกทลายลงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนการออกแบบระบบง่ายๆ เช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียมทางสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม
แล้วมีข้อกังวลอะไรไหม?
บางคนอาจสงสัยว่า การตั้งค่าเริ่มต้นเป็น 90 วัน จะเป็นการบังคับให้คุณหมอหรือผู้ป่วยต้องรับยาในระยะเวลาที่นานขึ้นโดยไม่จำเป็นหรือเปล่า? หรืออาจจะทำให้ต้องปรับเปลี่ยนยาบ่อยขึ้นไหมหากอาการไม่คงที่
จากการศึกษานี้ พบว่าไม่มีความแตกต่างในสัดส่วนของผู้ป่วยที่ต้องมีการเปลี่ยนชนิดหรือขนาดยาสแตตินภายใน 90 วันหลังได้รับใบสั่งยา ระหว่างก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลง (2.8% เทียบกับ 2.6%) นอกจากนี้ ระบบยังคงเปิดโอกาสให้คุณหมอสามารถเลือกสั่งยาแบบ 30 วันได้ตามความเหมาะสมทางคลินิกหรือตามความต้องการของผู้ป่วย ซึ่งพบว่ายังมีคุณหมอประมาณ 8% ที่เลือกสั่งแบบ 30 วันอยู่ แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้จำกัดทางเลือกของคุณหมอหรือผู้ป่วยแต่อย่างใด
เรื่องราวนี้สอนให้เรารู้ว่า การปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ในระบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน สามารถส่งผลกระทบในวงกว้างต่อพฤติกรรม และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้จริง การเปลี่ยนค่าเริ่มต้นการสั่งยาเป็น 90 วัน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้แนวคิด "การสะกิด" (Nudge) เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดี
แม้ว่าการศึกษานี้จะไม่ได้วัดผลโดยตรงว่าผู้ป่วยกินยาต่อเนื่องดีขึ้นแค่ไหน แต่การศึกษาอื่นๆ ก็ยืนยันแล้วว่าการได้รับยาครั้งละ 90 วัน สัมพันธ์กับการกินยาต่อเนื่องที่ดีขึ้น และสัมพันธ์กับการเสียชีวิตที่ลดลงด้วย ที่สำคัญ วิธีการนี้แทบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ต้องใช้เวลาหรือทรัพยากรมากมายเหมือนมาตรการส่งเสริมการกินยาอื่นๆ
หากคุณกำลังรับประทานยาสำหรับโรคเรื้อรัง ลองปรึกษาคุณหมอดูนะครับ เกี่ยวกับระยะเวลาในการสั่งยาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด การพูดคุยกันอาจนำไปสู่ทางออกที่ช่วยให้คุณดูแลสุขภาพตัวเองได้ง่ายและต่อเนื่องยิ่งขึ้น
จำไว้เสมอว่า การกินยาตามที่คุณหมอสั่งอย่างสม่ำเสมอเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาโรคเรื้อรัง และการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้ครับ
แหล่งอ้างอิง:
Mehta M, Fanaroff AC, Rhodes CM, et al. Change in Default Prescription Length and Statin Prescribing Behavior. JAMA Intern Med. Published online April 7, 2025. doi:10.1001/jamainternmed.2025.0185
โฆษณา