เมื่อวาน เวลา 13:21 • ข่าวรอบโลก

"ทรัมป์ชี้ ‘ไครเมียจะอยู่กับรัสเซียต่อไป’ ขณะพยายามดันข้อตกลงยุติสงครามยูเครน"

Trump says ‘Crimea will stay with Russia’ as he seeks end to war in Ukraine
📌 สรุปเนื้อหาข่าวอย่างละเอียด:
🗣️ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวในบทสัมภาษณ์กับ Time Magazine ว่า “ไครเมียจะอยู่กับรัสเซีย” พร้อมวิจารณ์ว่า ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กำลังยืดเยื้อสงครามด้วยการปฏิเสธไม่เจรจากับรัสเซีย
🌍 ไครเมียเป็นดินแดนยุทธศาสตร์ริมทะเลดำซึ่งรัสเซียผนวกจากยูเครนในปี 2014 และเป็นประเด็นที่ยูเครนยืนยันว่าไม่สามารถยอมรับการยกให้รัสเซียได้
📉 ทรัมป์เตือนว่าหากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา รัฐบาลสหรัฐฯ อาจยุติการช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน ซึ่งอาจส่งผลต่อดุลอำนาจในสงครามครั้งนี้
💥 ล่าสุด รัสเซียได้โจมตีกรุงเคียฟอีกระลอก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บ 87 ราย ถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยทรัมป์ถึงกับโพสต์ข้อความบน Truth Social ว่า:
"ไม่จำเป็นเลย และเป็นเวลาที่แย่มาก Vladimir, STOP! ขอให้สันติภาพเกิดขึ้นเสียที"
🤝 ด้านทูตพิเศษของทรัมป์ Steve Witkoff ได้เข้าพบปูตินที่มอสโกเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ เพื่อผลักดันการเจรจาสันติภาพ ท่ามกลางความกังวลจากชาติตะวันตกว่ารัสเซียกำลังใช้การเจรจาเพื่อยื้อเวลาและยึดดินแดนเพิ่ม
🚨 สถานการณ์ล่าสุดในยูเครน:
🔻 โดรนรัสเซียถล่มเมือง Pavlohrad คร่าชีวิต 3 ราย รวมถึงเด็กและหญิงวัย 76 ปี
🔻 รัสเซียปล่อยโดรน Shahed จำนวนกว่า 100 ลูกในหลายภูมิภาค
🔻 เซเลนสกีเผยว่า ยูเครนตอบรับข้อเสนอหยุดยิงจากสหรัฐฯ แล้วตั้งแต่ 44 วันที่ผ่านมา แต่รัสเซียยังคงโจมตีต่อเนื่อง
🔻 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียถูกลอบสังหารใกล้กรุงมอสโกด้วยระเบิดรถยนต์ – คาดว่าเป็นปฏิบัติการตอบโต้จากยูเครน
📈 วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในไทย:
🇹🇭 ไทยในฐานะประเทศเล็กที่พึ่งพาการส่งออก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างพลังงานและอาหาร อาจได้รับผลกระทบหลายด้าน:
ราคาน้ำมันผันผวน – หากสงครามยืดเยื้อหรือการเจรจาล่ม ราคาน้ำมันโลกอาจพุ่งขึ้นอีกระลอก ส่งผลต่อต้นทุนขนส่งและภาคอุตสาหกรรมของไทย
ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ – ท่าทีของสหรัฐฯ ที่อาจถอนตัวจากการสนับสนุนยูเครนจะทำให้ตลาดโลกเกิดความผันผวนสูง กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในเอเชีย
การเคลื่อนย้ายเงินทุน – หากสหรัฐฯ หันมาเน้นการเจรจาและลดบทบาทในยุโรปตะวันออก อาจทำให้นักลงทุนหันมามองตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ซึ่งไทยอาจได้อานิสงส์บางส่วน
💹 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย:
🔸 กลุ่มพลังงาน – PTT, PTTEP, TOP, BCP
→ อ่อนไหวต่อราคาน้ำมันโลกที่อาจปรับตัวขึ้นจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ราคาหุ้นผันผวนในระยะสั้น แต่ถ้าราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน
🔸 กลุ่มขนส่ง – AOT, BEM, AAV, THAI
→ ต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นอาจกดดันผลประกอบการ โดยเฉพาะสายการบินและขนส่งทางถนน ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด
🔸 กลุ่มเกษตร-อาหาร – CPF, TFG, GFPT, TU
→ หากรัสเซียโจมตีลึกในเขตเกษตรของยูเครน หรือมีปัญหาขนส่งสินค้าเกษตรออกจากทะเลดำอีกระลอก ราคาสินค้าเกษตรอาจพุ่ง ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกไทย
🔸 กลุ่มเงินทุน-ธนาคาร – KBANK, BBL, SCB, KKP
→ ความผันผวนของตลาดทุนโลกและค่าเงินอาจกดดันราคาหุ้นกลุ่มการเงินในระยะสั้น โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ หยุดสนับสนุนยูเครนแล้วความเชื่อมั่นลดลง
🏷️ Hashtags ที่เกี่ยวข้อง: #TrumpUkraine #CrimeaCrisis #สงครามยูเครน #รัสเซียยูเครน #ทรัมป์และปูติน #WorldScope #ศึกโลกเศรษฐกิจ #SuperpowerStage #ข่าวต่างประเทศ #หุ้นไทย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา