26 เม.ย. เวลา 09:25 • ประวัติศาสตร์

ลิลิตตำรานพรัตน์

ร่าย๏ ศรีสิทธิ์ มหิทธิมเหาฬารมหาอดุลดิเรก เอกภูธรธิเบนทร์สูร ภูลพระยศเยี่ยมฟ้า หล้าดำรงทรงพิภพ ลบอรินเสี้ยนสยอง พองเศียรสุรราบ ทาบทุกทิศทั่วท้าว น้าวนครนอบน้อม ย้อมพลทแกล้วกลาด ดาษนิกรอื้ออัด ขัษณท้าวเสร็จทรง หงษ์วรพาหนนา
รถ ยาตรเยื้องจรจรูญ หนูนสุรตระศัก จักจรจรัลลุ นุมนุษย์ถึงทั่ว ยั่วแย้มยศยวดยง ทรงทศธรรมวรา บารเมศเพื่อผล กุศลเสาะแสวงสร้าง อ้างอุทกปานิต พิพิธเพิ่มโภค โลกซร้องสรเสริญ เจริญพระเกียรติไกรชม สมนุสัตยาเมศ เดชมหิศวรราช พระบาทศุขนิราม กามสละปละสลวย ฉวยฉับชวลีล่วงโอฆ วิโยคดับโหยหาย ตายเกิดบให้มี
ตรีภพเพิ่มภูลเผยอ ​เธอทฤษดาลโดย โกยอนุเมศเพญญา พาอมรสู่สร้อยสัพพัญญุต สุทธิศุขนฤไกษย ไขเกษมให้กสานต์ ประหารทุกข์ให้เกษม เปรมนิกรพร่ำพร้อง ซ้องดุริยจำเรียง เผดียงเดียรบัณเฑาะว์ เคาะพาทยครื้นครึม ครหึมฆ้องก้องยั่วยาม ตามบทีปชวลาด ดาษสุรางคเรียงเรียบ ดาษมาตย์เทียบสุรศักดิ์ ดาษผลภักษ์อร่อยรศ ดาษโอสถสูญโรค ดาษทรัพย์โภคมูลมอง ดาษคชลบองบ่มมัน ดาษอัศวทันพลาหก ดาษพยุหยกจตุรงค์ ดาษพลยงยวดยำ ดาษพลกำซราบแสลง ดาษพลแผลงเสนาด
ชาติชาญช่างเฉลียว เพรียวพริบหยิบหัวหั่น ถั่นแถลบแลนค่าย ส่ายทลวงตาวตัด สันทัดเศิกสำเริง บรรเทิงรื่นบมิท้อ บรรเทิงฬอหาญหอก บรรเทิงกลอกภักตร์ผัน กระสันสาตรเข้มเขม็ง กระสันเล็งเศิกทลม กระสันคมเขี้ยวหนวด อวดมือแข่งขันสู้ ผู้ใดต่อโหงเหี้ยน เลี้ยนโล่งพื้นภูวมณฑล ​กษณนั้นบั้นบพิตร อดิศรธาดา มหาดิลกศิราม สามโลกย์ล่วงนาคิน อินทรวิศณุเสพ เทพสุริยศศิ ดำริห์ถวายพรราช พระบาทศุขสมบัติ รัตนมงคลบุรี ศรีอยุทธยิ่งฟ้า เรืองรุ่งพระสาสนจ้า แจ่มพื้นภูลเขษม ท่านแฮ ๚
๔๏ พรายๆ โสมมาศไล้ เลอแถลง
เรืองเรื่องรัตนไตรยแสง สร่องสร้อย
โกสุมสุมาลย์แฝง ฝักฝ่า พระนา
ปานประทีปเทียรช้อย ชื่นชี้ชมถวาย
๏ ไตรจักรรัตน์เรื่องเรื้อง เรืองเขษม
ทุกทั่วนิกรเปรม พร่ำพร้อง
แย้มยั่วกระมลเหม เหิมสวาดิ
ในพระปิ่นอมรซ้อง ส่ำเกล้าถวายกร
๏ ข้าบาทธิเบศร์ไท้ ทศรฐ
ขอเดชมหิศรยศ อย่างไว้
จักแถลงลักษณกำหนด ดำหรับ รัตน์พ่อ
เฉลิมแผ่นภุดาให้ แห่งรู้เรื่องสาร ๚
​๏ กล่าวฝูงเทเวศร์ไท้ เทวา
โกฏิหนึ่งปริวารปรา รภรู้
กับหมู่นักสิทธิ์ดา บศบวช
ยี่สิบแปดโกฏิสู้ สู่ท้าวอิศวรถาม ๚
๏ ในนามนพรัตน์นี้ ขอแถลง
เกิดเพื่อใดแสดง แห่งให้
เชิญองค์อิศรแจง จักบอก ตูนา
เปนมิ่งมงคลไว้ คู่หล้ายืนยง ๚
๒๏ บัดองค์อิศเรศเอื้อน เทวโองการเยื้อน
เพริศพริ้มไพรงาม ๚
๏ ควรความเชิญเทพไท้ กับพระดาบศให้
แห่งรู้โดยตรัส กูนา ๚
๏ อรรถนี้ควรสู่ด้าว อังคตมุนินทร์ท้าว
อาจรู้เสร็จสาร สิ้นแล ๚
๏ โองการเสร็จสั่งพร้อม ทวยเทพนิกรน้อม
นอบเกล้าถวายกร ๚
​๏ มุนีวรฤทธิ์แกล้ว ถวายพระพรลาแล้ว
ลาศเต้าเห็จทยาน ๚
๏ โดยคัคณานต์บช้า ฝูงเทพทุกถ้วนหน้า
สู่ห้องหิมวันต์ ๚
กำเนิดนพรัตน์
ร่าย๏ ชวนกันจรลีลาศ สู่อาวาศดาบศ พระอังคตฤๅษี เทพมีเทวบรรหาร บุจฉาการเนาวรัตน์ ตามตโนมัตสงไสย เชิญไทแถลงกำเนิด นพรัตน์เกิดดังฤๅ อาตมปองปือใคร่รู้ ช่วยโกยกู้แห่งเรา พ้นขละเขลาสนเท่ห์ ในเล่ห์ลักษณรัตนาด กำเนิดชาติดั่งใด
อังคตไขพจนปฐม แนะนิยมลำดับ สรรพสิ้นเสร็จดำริห์ ตั้งอาทิกัลปกิจ กฤษดิยุคเรายิน มีอินทรองค์หนึ่ง เปนที่พึ่งนรา นามมหาพลอสูร เธอนุกูลกำเนิด เกิดเนาวรัตน์แห่งองค์ ยุคสี่คงคือกัน อังคตบัญชาเสร็จ เทพเหาะเห็จไปบหึง ถับถึงอสุรพล ถามว่าตนท่านฤๅ คือก่อเกิดรัตนา อันโอภาไพโรจ เชิญพระโปรดปริอรรถ ไว้เปนสวัสดิ์แห่ง
โลกย์ ภูล​ผลโภคเนืองนันต์ เปนมหันตคุณข้า คุงหมดฟ้าม้วยดิน เทวสุรินทร์ว่าวอน อดิศรสุรพล รับยุบลฝูงเทพ สูมาเสพย์ด้วยตู ตัวกูกูจะให้ทาน ทั่วถึงกาลสิ้นสุด ทั้งมนุษย์เทพา อสุรามีพจนาตถ์ กับเทวราชนักสิทธิ์ แม้ชีพิตรเราดับสูญ จงภูลเพิ่มบูชา เจ็ดราตรีขวบควร แล้วเชิญชวนแบ่งไป ตำบลใดดูชอบ จงหมายมอบประดิษฐาน กำหนดการเก้าแห่ง ก็จะแต่งเติมบังเกิด เปนกำเนิดเนาวรัตน์ ดังเราตรัสสั่งใช้ ฝูงเทพมุนินทร์ได้ รับถ้อยทุกคำ ท่านแล ๚
๔๏ อสุรทำตระบะเบื้อง เดชา
อดโภชนภักษา รศลิ้น
หวังเพื่อจะกรุณา ในโลกย์
ครบสัตตวารเสร็จสิ้น ชีพเชื้อวายชนม์ ๚
๏ ทวยไทเทเวศร์ท้าว เทวา
กับหมู่มุนิศดา บศพร้อม
เชิญศพสุรสยมมา บูชิต ไว้แฮ
ถึงกำหนดถ้วนน้อม นอบเกล้าสัตตวาร ๚
​๏ ปรากฏทุกแห่งห้อง สรวงสวรรค์
ฦๅโลกย์มหิทธิอัน เอิบอ้าง
นาคาครุธคนธรรพ์ ถึงทั่ว
ตลอดล่วงสมุทรกว้าง กว่านั้นยังมี ๚
๏ ปรากฎทั่วโลกย์แล้ว ประดิษฐาน
แปดแห่งเห็นพิศดาร ดั่งนี้
คือดวงหทัยกาล สุรราช นั้นนา
เกิดวิเชียรชาติชี้ เช่นไว้คุงวัน ๚
ร่าย๏ กล่าวอันสยมภูวเรศ ฝูงเทเวศร์นำไป ประดิษฐานในศิขรา อันมเหาฬาร์ดิลกเลิศ เกิดในเมืองกลึงคราฐ แสงโอภาษไพบูลย์ หนึ่งภูลพิธเพิ่มเนา คือเขาแดนโกศล ทรงพิมลไพจิตร หนึ่งสถิตย์เขามิลินท์ หนึ่งศิขรินมาตุราฐ หนึ่งอวยสาทธิปรากฏ กำหนดศิขรเมือง บันทรเรืองรังษี อันรุจีแจ่มไพศาล หนึ่งประดิษฐานศิขรา แดนเมืองสามลเลิศ โสรมเสริฐสิทธิปรากฎ หนึ่งบรรพตสูงสุด ​แดนเมืองบุษบากร หนึ่งเศขรแคว้นบุเรศ ประเทศไพราราฐ เทพยนำชาติหฤทัย สุรไกรประดิษฐาน ถ้วนอัฐกาลกิจแล้ว จึงเกิดวิเชียรชาติ์แก้ว เลิศนี้หลากหลาย แลนา ๚
๔๏ บอกบทบุรพแบ่งเบื้อง สุรพล
เทพยประดิษฐดล แปดถ้วน
กำเนิดรัตนในตน ตามกล่าว
ในกัลปสูญยุคล้วน เล่ห์นี้นำแสดง ๚
๏ สิ้นกฤษดิยุคสิ้น เพ็ชรสูญ
กลึงคราฐตระกูล หนึ่งแท้
โกศลอีกประยูร หายห่อน มีนา
กฤษดิยุคสิ้นสองแล้ ลับแล้วเลยเห็น ๚
๏ ไตรดายุคเสร็จซ้ำ สูญหาย
มาตุราฐอันตราย อีกอ้าง
ในเมืองมิลินท์หาย ในที่ เกิดแฮ
ยุคละสองเพ็ชรร้าง ราฐแล้วเลยสูญ ๚
​๏ ทวาบรยุคล้วน แลลับ
หายแห่งบันทรสรรพ เสร็จไซ้
สามลล่วงเลยกัลป เกือบเพ็ช ราพ่อ
ถึงกลียุคได้ บ่อเบื้องยังสอง ๚
๏ กลียุคยังเพ็ชรเบื้อง บอกแสดง
หนึ่งบุษบากรแจง ชื่อชี้
ไพรากรราฐแถลง เปนที่ สองแฮ
คือเรียกอริยกภูมิ์นี้ แน่แท้ควรฟัง ๚
๒๏ ยังมีเพ็ชรเพิ่มเพื้อ คืออริยกภูมิ์เกื้อ
เกิดไว้ฤๅวาย เลยนา ๚
๏ บหายเลยบ่อแก้ว ขุดร่อนเท่าไรแล้ว
พร่องให้ฤๅมี ๚
๏ รัตนศรีใสส่องแท้ ฝูงพ่อพานิชแล้
ล่วงได้มาขาย ๚
๏ เปนสายสมที่อ้าง สองเกิดสองมาค้าง
อยู่ค้างเมืองเรา พ่อเอย ๚
​๏ เกลากล่าวเพ็ชรเกิดเกื้อ สูญยุคสูญเพ็ชรเมื้อ
หมดสิ้นฤๅคง เลยนา ๚
ร่าย๏ เมื่อนั้นอังคตมุนี ฤๅษีสิทธิ์ฤทธิวรา ไททรงปรารภราช ในรัตนชาติวิเชียร เธอเสถียรสถิตย์แถลง ปฐมแสดงคุณสี่ ในที่ทุติยคุณห้า ตติยกล้าโทษนัก เห็นปรตยักษ์นับได้ สิบสองไซ้กำหนด ปรากฎในตัวมี เสร็จกล่าวศรีปฐมชาติ อันโอภาษห้าสถาน แต่ในกาลก่อกัลป เปนลำดับบมิหลอ จวบจบพอพิศดาร ไว้หวังทานทั่วโลกย์ ภูลผลโภคสวัสดี เพิ่มศรีศุขสมบัติ กำจัดอุปัทวโทษ เพื่อประโยชน์ควรรู้ ถ้วนทุกผู้อย่าเบา ตามลำเนานี้แท้ อังคตมุนินทร์แก้ กล่าวไว้เสร็จสาร สิ้นนา ๚
เพ็ชรคุณ
๔๏ ในกาลรัตนาดเนื้อ นำปฐม
โดยกล่าวในลักษณนิยม อย่างอ้าง
ส่งศรีวิสุทธิสม ใสส่อ
ตามตระกูลเกิดสร้าง แห่งห้าเจริญคุณ ๚
​๏ เพ็ชรใดดูร่วงรุ้ง เรืองแสง
ดุจลูกตำลึงแดง หยาดย้อย
นามกษัตริย์ชาติแถลง ในชื่อ ชี้แฮ
เฉลิมแผ่นไพบูลย์ร้อย ราชเรื้องสมบุญ ๚
๏ เพ็ชรใดเหลืองแจ่มจ้า จรัสศรี
สมณชาตินามมิ ล่อไว้
แม้ถือศุขสวัสดิบรี ดายิ่ง อยู่แฮ
ควรคู่บรมบาทไท้ ธเรศท้าวทรงสงวน ๚
๏ เพ็ชรใดผิวผ่องแผ้ว ปัทไหม
พราหมณชาติขาวใส ล่อแจ้ง
เปนศรีสวัสดิไตร ตราโลกย์
นักสิทธิอังคตแกล้ง กล่าวไว้หวังเฉลิม ๚
๏ จักแถลงแห่งเพ็ชรน้ำ เขียวจัด
นามแพสย์พงษ์ชาติชัด เช่นชี้
ใครถือโทษบำบัด เบาทุกข์ ตนนา
ได้ดั่งกล่าวกลนี้ หนึ่งให้เจริญผล ๚
​๏ แสดงโดยสูทรชาติเชื้อ เพ็ชรดำ
น้ำหนึ่งนิลขาบขำ คู่ได้
อาจนฤไภยนำ ศุขยิ่ง มานา
จักเพิ่มภูลทรัพย์ให้ แห่งผู้ถือถนอม ๚
๏ เสร็จปฐมวิเชียรชาติเชื้อ เบาราณ
จักกล่าวทุติยสัณฐาน ที่แท้
มีนามเพ็ชรแผ่นขะดาน แปดแห่ง
ลางเหล่าภูหกแล้ เลิศนี้ควรสงวน ๚
๏ รัตนารัตนาดเนื้อ โสภณ เพศแฮ
นามหนึ่งเพ็ชรยอดยล อย่างไว้
ยอดเพ็ชรดุจดั่งกล เข็มเปรียบ ปลายนา
เปนมิ่งมงคลให้ แห่งผู้ครองเขษม ๚
๏ หนึ่งเหลืองหลากเล่ห์เพี้ยง อินท์ธนู ฟ้าแฮ
เบากว่าผลกะหรัดตรู เตรียบไว้
อาจนำสวัสดิไชยชู ชาญเกียรติ
คุณดั่งกล่าวนี้ให้ แห่งผู้เจริญศรี ๚
​เพ็ชรโทษ
๏ ทุติยชาติบอกสิ่งสิ้น สัณฐาน
ตติยจักนำการ กล่าวแก้
พรรณพวกสิบสองพาล พาโทษ
ถือจักพิบัติพ่ายแพ้ เผ่านี้อันตราย ๚
๏ เพ็ชรหนึ่งบางบิ่นเบื้อง ฤๅหนา
สายขีดขนวิฬาร์ จักแจ้ง
ภูเหลี่ยมบมีปรา กฎชั่ว ชี้แฮ
เบี้ยวบิดพิกลแสร้ง ส่อให้คนเห็น ๚
๏ เพ็ชรใดเห็นแห่งร้าย รูราย
ไฝฝากดำแดงสลาย โทษแท้
ตีนกาและขนทราย แดงดั่ง นี้นา
คุณไป่มีเลยแล้ เล่ห์นี้เสียไกล ๚
๏ หนึ่งดำดูประพร้อย โปรยพราย
รอยเจาะเจือศรีสลาย อีกเกลี้ยง
ดำแดงขีดรอยสาย ยาวส่อ ไว้นา
คืออุบัติพ่ายเพี้ยง นาศแพ้คนถือ ๚
​๏ โดยกล่าววิปลาศล้วน ทรพล
แตกผ่าบุบสลายกล กาบช้ำ
ใครถือทุกขผจญ จวบชีพ
ควรแต่โขลกตำห้ำ แทรกเนื้อเจียรใน ๚
๏ กล่าวโทษทรลักษณ์แล้ว สิบสอง ถ้วนแฮ
ยังนครทั้งผอง เพิ่มสร้าง
เกิดเกื้อรัตนครอง บุเรศ
เปนปฐมอันอ้าง อีกแก้วไกรแสง ๚
๏ มิลินทราฐรัตนเรือง นครา
มีคชเพ็ชรงามปรา กฎแท้
ทรงมหิทธิศักดา ดาลเดช
แสงเพยียพลุกคชแล้ เลิศนี้สารสยอง ๚
๏ อิกบันทรราฐเจ้า ชมพู ทวีปแฮ
เพ็ชรหนึ่งแสงหิงคลู ชาดก้อน
ศรีหงษ์วรงามตรู ตราโลกย์
บันทรเพ็ชรนี้ย้อน ชื่อชี้นามเมือง ๚
​๏ แสงหงษ์แสงชาดก้อน ไกรศักดิ์
สองยิ่งเสน่ห์รัก ร่วมผู้
ใครถือเลิศแลลักษณ์ เจริญเกียรติ
กลกล่าวชอบเชิญรู้ เร่งให้แสวงหา ๚
๏ ในสามลราฐเรื้อง ชัชวาลย์
เพ็ชรชื่อวรสังหาร ใช่น้อย
ไกรศักดิ์รัตนเรืองชาญ ไชเยศ
แสงส่อแสงแมลงห้อย ยาบย้อยแววกลาง ๚
๏ แววเทาพรรณผักกาดแสร้ง ปันสาม ส่วนแฮ
เอาแต่ส่วนหนึ่งงาม คู่ได้
ใสแสงวิสุทธิวาม ไวว่อง
เพ็ชรดั่งกล่าวนี้ให้ ชื่อเชื้อสังหาร ๚
๏ หนึ่งกลางแววว่องพร้อย พรายพรรณ
แววเท่าเศียรแมลงวัน ว่าไว้
โสรมแสงรัศมีอัน เทียมหิ่ง ห้อยแฮ
นามเพ็ชรสังหารให้ สวัสดิ์เพี้ยงพระอินท์ ๚
มี๏ บุษบากรราฐเรื้อง เรืองเห็น อยู่นา
ชื่อเพ็ชรหิมพานต์เปน ที่อ้าง
ศรีเหลืองดุจดอกเบ็ญ มาศเลื่อม เหลืองแฮ
เปนมิ่งมงคลสร้าง ส่อไว้ยังมี ๚
มี๏ ไพรากรราฐเรื้อง ฦๅไกร อีกแฮ
เกิดวิเชียรแสงใส ส่อซ้ำ
น้ำหนึ่งดุจคังไคย คลาคล่อง
เลื่อนอยู่ใบบัวก้ำ กึ่งน้ำแสงเสมอ ๚
๏ อวยนามตามชาติเชื้อ นคร
เพ็ชรชื่อไพรากร เพ็ชรแกล้ว
ทรงศรีสวัสดิถาพร ไพจิตร
ร้อยเจ็ดคุณเลิศแล้ว เล่ห์นี้ควรแสวง ๚
๏ เพ็ชรหกจำพวกไซ้ สารแถลง
ทวยเทพนิกรแจง จัดไว้
ในสถานที่ดั่งแสดง ดำรัส นี้นา
จึ่งเกิดตระกูลให้ รัตน์เรื้องไพบูลย์ ๚
​๏ สีหนึ่งเทียมเทียบแท้ ทองแดง
สีหนึ่งจันทรแสง ส่องหล้า
ชื่อเพ็ชรติลาแถลง นามชาติ
เกิดกับศิลากล้า กลั่นแกล้วกลางสมร ๚
๏ หนึ่งเกิดในปุ่มเปือก ชายสมุทร์
นามกุสุมาลีสุทธิ์ โสดแท้
แสงขาววรอันอุด ดมเลิศ ยิ่งนา
เปนแต่น้ำดำแล้ คล่องเคล้าคลอแสง ๚
๏ นามอินทรเพ็ชรนี้ โดยแสดง
มีหมอกขาวเขียวแสง สู่น้ำ
กำเนิดนิตย์ในแปลง เปือกสมุทร์
เรืองรุ่งไพบูลย์ล้ำ เลิศด้วยแสงโสม ๚
๏ เพ็ชรหนึ่งผิวผ่องเพี้ยง สุริย์ฉาย
เกิดกับบุษป์บัวพราย พร่างพร้อม
ชื่อบาระเพ็ชรหมาย มอบชื่อ ชี้นา
แสดงดุจสุริยหยาดย้อม ยั่วแย้มยวนแสง ๚
​๏ สัตอุไทยบัวเกิดแก้ว รัตนา
ชื่อนาคราชเพ็ชรปรา กฎแท้
แดงดั่งวรประภา นาคราช
ขาวแข่งเขียวเหลืองแล้ สลับล้วนหลายแสง ๚
๏ รัตนารัตนาดเนื้อ ใสสุทธิ์
นามชื่อเพ็ชราวุธ กลั่นแกล้ง
ขาวดั่งละลอกสมุทร์ ลอยเลื่อน แสงนา
เกิดแต่หัวกเรียนแร้ง เหยี่ยวนั้นในสมอง ๚
๏ นามสังขนิลเพ็ชรเพี้ยง นิลเพ็ชร
เกิดแห่งอินทรเสร็จ สู่หล้า
แสงดั่งสุริยเสด็จ โดยคาธ สูรย์แฮ
ดาลฤทธิ์วรเรืองกล้า ยิ่งล้ำหณุมาน ๚
๏ ดำหรับเรืองราทนรื้อ พรรณา แลนา
สูญยุคแล้วยังปรา กฎอ้าง
โอ้เห็นแต่ไพรา กรราฐ
กับบุษบากรสร้าง ส่อไว้เปนพยาน ๚
ร่าย๏ ขณะกาลพระดาบศ ไทอังคตมุนี บรรพชาชีชาญเฉลียว สันโดฐเดียวแสดงอรรถ ในนพรัตน์วิถาร เบิกบรรหารปฐมเสร็จ เพื่อว่าเพ็ชรคุณโทษ ปองประโยชน์เยียวนี้ แนะนำชี้เชื้อชาติ ปัทมราชสืบสร้าง อันเอกอ้างลออแสง ผลใดแดงงามเทียบ ควรคู่เปรียบเปรียบควร ชักตาชวนเชิญเห็น ไว้ว่าเปนฉบับบท บอกกำหนดแนะไว้ กับที่เกิดนั้นให้ แห่งรู้ในนาม นี้นา ๚
กำเนิดทับทิม
๔๏ กล่าวภูมิประเทศเบื้อง บังเกิด
ธำมราชกำเนิด นับไว้
ไตวะเบศสถานเลิศ ในที่ หนึ่งแฮ
อีกสุคนธภูมิ์ให้ แห่งรู้ โดยนาม ๚
๏ เบาลาระหัทพื้น ภูวมณ ฑลเอย
สาระภูมิ์ดั่งกล กล่าวแก้
หนึ่งคันทิธารผล ภูมิภาคย์ อีกนา
ในกรูปฐมราฐแล้ เล่ห์นี้นำสถาน ๚
๏ มัตตาหาระแห่งให้ เกิดธำ มราชแฮ
อีกปะการภูมิกำ เนิดแก้ว
ได้แต่แปดคงกำ หนดนับ
หายสี่เสาะหาแล้ว ท่านได้เชิญเติม ๚
๏ พรรณาธำมราชนี้ เสนอนาม
เปนปฐมในความ ว่าไว้
โดยนิตยบุราตาม ดำหรับ ท่านนา
ชื่อชาติรังคให้ ส่อสิ้นโดยแสดง ๚
ทับทิมคุณ
๏ ธำมราชชาติกล่าวไว้ สัณฐาน
สีดุจบัวแดงบาน เบิกแย้ม
อีกสีวิสุทธิปาน แมลงเต่า ทองนา
ควรคู่คำเติมแต้ม แต่งตั้งเรือนสนอง ๚
๏ หนึ่งแสงอรุโณทย์เนื้อ รัตนมณี
บางเทียบทับทิมสี ดอกแท้
อิกแสงประทีปมี เปลวสลับ นั้นนา
สามสิ่งนี้เลิศแล้ คู่ไท้ครองทรง ๚
​๏ หนึ่งแสงดุจหนึ่งเพี้ยง จงกล นีนา
หนึ่งเทียบทับทิมผล แก่ได้
ลางเล่ห์ถ่านไฟดล แดงกร่ำ สีแฮ
สามสิ่งนี้ถือให้ สวัสดิล้ำมงคล ๚
๏ ไกรแสงใสส่องแท้ สัณฐาน
ตานกจากพรากปาน เปรียบได้
แดงดูดุจบรรหาร หายาก
ควรคู่ทองทำให้ แปดน้ำเรือนรอง ๚
๏ ทับทิมปฐมชาติเชื้อ เสร็จแสดง
จักร่ำทุติยโดยแจง ชื่อชี้
นามอินทรแถลง ในลักษณ์ ไว้นา
เทียบสิ่งกลสีนี้ แนะไว้พึงเห็น ๚
๏ เรืองแสงธำมราชเรื้อง รังษี
สีดุจดั่งวัลลี โลดไล้
เสมอชาดหรคุณมี กำหนด ไว้นา
อิกดอกเซ่งลาใกล้ ร่วงคล้อยคลายโรย ๚
​๏ มณีมณิศเนื้อ นวลแสง
แสงดั่งดอกไม้แดง ดุจแท้
งามโดยทัศนแถลง มะกล่ำ หนึ่งนา
อีกเลือดกระต่ายแล้ คู่คล้ายสีสม ๚
๏ โสรมแสงรัตนาดเนื้อ สัณฐาน
ดั่งดอกทองหลางบาน บอกไว้
อีกสีสัตโลดปาน ปูนส่อ สีแล
ครบทุติยชาติเชิญให้ เร่งรู้เรื่องสาร ๚
๏ เสาวคนธ์บอกชื่ออ้าง อุปมาณ
ถึงตติยบทบรรหาร แห่งหั้น
ทับทิมเทียบสัณฐาน เทียมกล่าว นี้นา
สีสบ้าสุกซั้น ส่อไว้โดยขบวน ๚
๏ ทรงสีดั่งดอกงิ้ว สดแสง
ลางเหล่าดอกรักแดง ส่อซ้ำ
บางสีกระเทียมแผลง เพราะกลีบ งอกนา
ดุเหว่าตาแดงคล้ำ คู่น้ำพลอยเสมอ ๚
​๏ จตุตถชาติบอกชาติเชื้อ สมญา
เรียกกระวางคนามปรา กฎไว้
เปนพลอยพวกพลมา นับเนื่อง
แดงดั่งอิฐแดงได้ คู่น้ำดุจเดียว ๚
๏ บางสีเทียมเทียบด้วย กระดอม สุกแฮ
บางลูกทองกวาวงอม เงื่อนนั้น
บางน้ำดุจขมิ้นปลอม เหลืองเล่ห์ กันนา
น้ำผิดพิศเสร็จซั้น ส่อสิ้นสัณฐาน ๚
๏ เสร็จสีเทียมเทียบเบื้อง ปธำ มราชแฮ
ครบจตุตถชาติเชื้อนำ แนะไว้
ยังโทษสิบหกจำ พวกยิ่ง ร้ายพ่อ
จงประหยัดอย่าให้ อยู่เหย้าเรือนตน ๚
ทับทิมโทษ
๏ ทับทิมบอกโทษร้าย หลังหวำ
รอยบิ่นดินแดงดำ ติดเนื้อ
ใครถือทุกข์มานำ เนืองนิจ
เมียมิ่งแลตนเมื้อ มอดม้วยวายชนม์ ๚
​๏ สีขาวติดอยู่เนื้อ ในตน
แดงครึ่งหนึ่งขาวระคน โทษแท้
น้ำขาวแล่นไหลปน ไปป่า
ถือโทษพยาธิแล้ ถ่อยสิ้นยศถา ๚
๏ ลางเหล่าลมหมกแม้น มีใน
ถือเร่งร้อนรนใจ ค่ำเช้า
คำเปลวหนึ่งควันไฟ ติดอยู่ ตัวนา
ไฟประหารเสียเหย้า หมดไหม้เรือนตน ๚
๏ กลหนึ่งบอกชั่วชี้ เห็นโชน
ซ้ำเพศผมพึงโกน เก่งร้าย
เบี้ยวบิดพิกลโอน เปนแอ่ง หลังนา
ถือจักเสียพงษ์ผ้าย อีกแพ้เมียตน ๚
๏ น้ำดำเจือจับแต้ม ตาเห็น
โทษถูกหอกปืนเปน ที่ล้าง
แตกสลายยิ่งแรงเข็ญ คือราช ไภยนา
ถือจักจากเรือนร้าง ริบรื้อเปนหลวง ๚
​๏ เปนภูรูเจาะล้วน ทรพล
กำเนิดมีในตน ติดไว้
สิบหกนับถ่องกล ไภยโทษ
จงวินิจบัญญัติให้ แน่แล้วสละเสีย ๚
๏ ทับทิมโทษส่อสิ้น เสร็จแสดง
เจียรจัดประจงแจง จบถ้วน
ยังคุณคู่ควรแถลง เฉลิมกล่าว ไว้นา
สืบตระกูลเกิดล้วน เลิศนี้ใดเสมอ ๚
ทับทิมคุณ
๏ สรวมแสดงธำมราชเรื้อง รังษี
ในสิบจำพวกมี เดชล้ำ
คือคุณแห่งรัศมี นิลติด อยู่นา
ชอบแต่เผาไฟน้ำ ผ่องแล้วคุณหลาย ๚
๏ ใครถือรูปส่อไซ้ สัณฐาน
ไข่ผ่ามะนาวฝาน กึ่งขรึ้ง
แสงนิลผ่าพาดพาน เผาหมด ไปนา
สีดุจอรุณแรกผึ้ง เยี่ยมแย้มยอแสง ๚
๏ พ้นจากไภยโทษทั้ง สิบหก
จักเพิ่มทรัพย์ห่อนตก ต่ำร้าย
อายุจะยืนยก ตนยิ่ง ขึ้นนา
ฝูงอรินนฤผ้าย นาศแพ้ไภยันต์ ๚
๏ สิบน้ำธำมราชไซ้ สองสถาน
ไข่ผ่ามะนาวฝาน กึ่งได้
พ้นไภยโทษประหาร สิบหก พวกนา
ทรงสวัสดิถาพรให้ แห่งท้าวเจริญผล ๚
๏ ธำมราชเรืองราชนี้ เดชา ยิ่งแฮ
มีอยู่นครใดปรา กฎแท้
ฝนตกฤไปคลา กำหนด
เดือนละสามคาบแล้ โลกย์เลื้องฦๅเกษม ๚
๏ ธำมราชเนื้อสิบน้ำ กำหนด
หนักสิบสองกล่ำยศ ยิ่งแท้
ไขแสงสิทธิปรากฎ ดั่งกล่าว
ถึงสิบสองคุลีแล้ นับได้โดยแสดง ๚
​๏ ธำมราชเก้าน้ำคู่ ขัติยทรง ยิ่งแฮ
หนักสิบสองกล่ำคง ว่าไว้
รัศมีกำหนดอง คุลิศ นับนา
ขึ้นสี่สิบแปดได้ แข่งค้าควรเมือง ๚
๏ สิบน้ำนับเนื่องเนื้อ นามสรรพ
เขียวคู่สีผลึกปรับ เปรียบอ้าง
สองน้ำดุจผลทับ ทิมดิบ เทียบนา
กลกล่าวสามน้ำสร้าง สุกแท้ทับทิม ๚
๏ สีน้ำเทียบกลีบเบื้อง อุบล ริมบาน
โดยกล่าวห้าน้ำกล หนึ่งฟ้า
เมื่อแสงสุริยคลาดล โดยเหลี่ยม คล้อยแฮ
แม้ว่าหกน้ำจ้า จัดเพี้ยงเพลิงแดง ๚
๏ หกน้ำกำหนดเนื้อ โดยมี
แดงดั่งถ่านเพลิงสี ส่อไซ้
แสงสูงสี่องคุลี ออกจาก ดวงนา
เนื้อหนักสามสลึงได้ ดุจถ้อยถึงแถลง ๚
​๏ เจ็ดน้ำหนักชั่งได้ โดยตรา
กำหนดสี่สลึงปรา กฎแท้
สีดั่งถ่านเพลิงมา เปรียบคู่
สี่สิบองคุลีแล้ เลิศด้วยรัศมี ๚
๏ สิบน้ำเนื้อหนักห้า สลึงแถลง
เทียบถ่านเพลิงพรายแสง ส่องพร้อย
สี่สิบหกโดยแสดง องคุ ลีนา
เยียวหยั่งรัศมีย้อย พุ่งพ้นไกลดวง ๚
๏ โดยกล่าวพิกัดแก้ ราคา
ในสิบน้ำแถลงปรา กฎไว้
หนึ่งปฐมนับเนื่องมา ลำดับ
ถึงจตุตถชาติให้ แห่งรู้โดยหมาย ๚
พิกัดราคา
๏ ทองควรควรค่าเนื้อ รัตนา
น้ำหกเยียวสัญญา อย่างล้วน
คิดคำค่าราคา หกหนัก เงินแล
ตั้งพิกัดถึงถ้วน เที่ยงแท้เบาราณ ๚
๏ สิบน้ำเนื้อหนักถ้วน สิบสอง กล่ำพ่อ
ควรค่าเนื้อหกทอง เทียบไว้
สามร้อยหกสิบกอง โกฏิคู่ ควรแฮ
ตามกล่าวพิกัดให้ เรื่องรู้ราคา ๚
๏ กำหนดน้ำหนักเนื้อ ทุติยา ชาตินา
ร้อยยี่สิบกล่ำตรา ชั่งถ้วน
สามพันแปดร้อยรา คาโกฏิ ทองพ่อ
แม้อยู่นครใดล้วน ศุขล้ำเจริญผล ๚
๏ ตติยชาติเนื้อหนักห้า บาทหา ยากนา
กำหนดในราคา ค่าซื้อ
สองร้อยสี่สิบตรา โกฏิคู่ ทองแฮ
แม้อยู่นครใดอื้อ อาจอ้างอวยผล ๚
๏ จตุตถชาติน้ำสิบไซ้ เจริญศรี
หนักเจ็ดสลึงเฟื้องตี ค่าไว้
ร้อยแปดสิบโกฏิมี กำหนด ทองนา
ควรคู่อิศรไท้ ธเรศเจ้าจอมเมือง ๚
​กำเนิดพลอย
ร่าย๏ ปางนักสิทธิอังคต กล่าวกำหนดรัตนศรี อันมีห้าประการ เบิกบรรหารถี่แถลง รัตนแสงขาวเขียวเหลือง เจือน้ำเนืองแห่งห้า กลนี้อ้าออกความ เพ็ชรหนึ่งนามปัทมราช ไพฑูริย์ชาตมุกดา อีกคือกาละราชนิล ควรยลยินดุจเดียว กล่าวมาเยียวอย่างกี้ โดยกำหนดน้ำชี้ ชาติเชื้อสัณฐาน ไว้นา ๚
ลักษณพลอย
๔๏ พรรณาธำมราชนี้ มัธยม
แดงเรื่อบริสุทธิสม โสดแท้
อีกหงษบาทชม แสงชื่น ตานา
แดงอ่อนอีกแดงแล้ ก่ำเกื้อรัศมี ๚
๒๏ ปราศจากสีสี่ไซ้ ฤๅห่อนขาวดำให้
ติดเนื้อฤๅมี เลยนา ๚
๏ สีเขียวเหลืองไป่ต้อง ตามกล่าวกลนี้พร้อง
พร่ำให้เห็นพงษ์ เพศนา ๚
​๔๏ มีแต่สามสิ่งซั้น ขาวเขียว เหลืองแฮ
พาดผ่านแดงดุจเดียว ดั่งนี้
ลางสีละลอกเยียว ยลอย่าง กันนา
อีกแมลงวันชี้ เช่นไว้รวางดวง ๚
๏ หนึ่งมีระลอกแล้ แมลงเว็น
ถือจักถาพรเปน ที่อ้าง
ออกแดดบมิเห็น เงาแห่ง ตนนา
ทั้งสี่มัธยมสร้าง ส่อไว้ดุจเดียว ๚
พิกัดราคา
๏ มัธยมสมสิ่งอ้าง ราคา
ชั่งหนึ่งคำควรตรา เตรียบไว้
โดยดีหมื่นทองหา ยากที่ ซื้อแฮ
แม้ว่าเข็ญไร้ให้ ค่าร้อยทองควร ๚
๏ กลหนึ่งสี่สีไซ้ ใสแสง
เหลืองและเขียวขาวแดง แทรกเนื้อ
มีละสิ่งสอดแสลง ในสี่ สีนา
แม้ว่าต่ำศักดิ์เกื้อ ค่าไว้บาททอง ๚
​๏ ลำดับสีสี่เบื้อง บอกรา คาพ่อ
งามคู่ควรคำหา แห่งซื้อ
แม้ดีดุจพรรณา ทองชั่ง หนึ่งแฮ
โดยอย่างมัธยมคื้อ ค่าร้อยทองควร ๚
๏ ธำมราชมีเพศพื้น พิศดาร
ทั้งสิบแปดสัณฐาน ถ่องถ้อย
โดยร้าวระแหงราน เรืองสวัสดิ ราพ่อ
ถือห่อนอันตรายน้อย หนึ่งนั้นฤๅมี ๚
๏ เสร็จแสดงธำมราชเรื้อง รังสฤษดิ์
งามเงื่อนเทพยปลงปลิด เปล่งฟ้า
ไพฑูริย์ร่ำไพจิตร เจียรต่อ เติมแฮ
อังคตมุนีหน้า แนะถ้อยถึงแถลง ๚
กำเนิดไพฑูริย์
ร่าย๏ แสดงเดชวรนักสิทธิ์ อันมหิทธิวราทรง นามเอกองคตนี้ ปรีชาชี้เนาวรัตน์ เปนมหัศบรรยาย หลายเล่ห์ลักษณอันมี ไพฑูริย์ศรีสิทธิเลิศ ก่อเกื้อ​เกิดเพื่อเทพย์ นักสิทธิเสพย์ประชุมชวน มามั่วมวญมองมูล หวังนุกูลนรนรา ดาลศักดาเหิรระเห็จ บัดเดียวเด็จลุดล ถึงมหาพลสุรินทร์ ได้ดั่งจินตนาพร้อม เทพน้อมกรประนม เชิญเศียรสยม
เสด็จมา ยังมหาบูรบรรพต ฝั่งกำหนดเชิงคีรี แล้วจรลีสู่สถาน บัดไป่นานเกิดไพฑูริย์ รัศมีภูลเพริศพรรณ งามเฉิดฉันชื่นช้อย พิศพร่างพร้อยพรายแสง แม้นแมลงค่อมทอง ทั่วทั้งผองพอตา เพียงผกาสลับลาย เขียวขาวขจายดำแดง สิริแสงห้าสิบหก กลดั่งตกแต่งไว้ มีพรรณพิไลยลักษณเลิศ สังวาลเพริศไพบูลย์ เรืองจรูญจรัสสี ใดเสมอมีเอกอ้าง ไพฑุริยจินดาสร้าง เศกไว้เห็นหา ยากแล ๚
๒๏ บริกาสุรราชเรื้อง มานมหิทธิศักดาเหลื้อง
เลิศเลื้องฦๅไกร ศักดิแล ๚
​๏ เอาไพฑูริยราชนี้ ไปพนันขันสกาชี้
ท่านท้าวธนญไชย ท่านนา ๚
๏ กล่าวไพฑูริย์สี่ไซ้ คุณสิบโทษสิบให้
กึ่งก้ำดุจกัน ๚
ร่าย๏ เทวัญวรนักสิทธิ์ ไท้ทรงฤทธิเดชา เอาไนยนาอสุรศักดิ์ เบื้องปรตยักษ์หนสดำ เทพยนำประดิษฐาน โดยกิจการเจริญคุณ ในพิรุญนครา ไพฑูริย์ปรากฎชาติ หนึ่งโอภาษอินท์ธนู หนึ่งดูดุจเปลวไฟ หนึ่งใสส่อตาแมว พิศวาบแววไหวแสง บรรจงแจงจบล้วน จึ่งเกิดไพฑูริย์ถ้วน เทพท้าวเจริญผล เพศนา ๚
๔๏ ทุติยชาติ์สีส่อซ้ำ สามปรา กฎแฮ
ดูดั่งแววมยุรา เลื่อมไล้
ลางแสงมแลงคา เรืองเรื่อ
อีกดอกปริกเปรียบไว้ ว่าแท้เทียมเสมอ ๚
​๏ บางใบทองอ่อนอ้าง เขียวแสง หนึ่งแฮ
ในตติยนำแถลง เล่ห์นี้
เขียวเหลืองหลากหลายแสดง ดั่งกล่าว
ใบไผ่อันอ่อนชี้ เช่นเชื้อไพฑูริย์ ๚
๏ บางสีสีดอกกล้วย พึงบาน
กาบไผ่เดือนหนึ่งปาน อีกอ้าง
ตติยชาติสัณฐาน เทียมเทียบ แล้วพ่อ
ดังจตุตถชาติเชื้อสร้าง ส่อไว้พึงฟัง ๚
๏ หนึ่งแสงเสมอแม้นแม่น แมลงทับ
เหลือบเลื่อมกลสีปรับ เปรียบได้
บางสีสลาบนับ นามหนึ่ง นี้นา
ครบจตุตถชาติเชิญให้ รอบรู้โดยควร ๚
ไพฑูริย์คุณ
๏ ไพฑูริย์คุณสิบไซ้ พิศพาง
กลมดั่งกล่ำผ่ากลาง กล่อมเกลี้ยง
ทรงแสงพาดรวาง หลังเลื่อน ช้านา
ถือจักนำศุขเพี้ยง เทพให้พรผล ๚
​๏ หนึ่งกลมกลมไป่แท้ สัณฐาน
แสงพาดไปมาพาน คล่องแคล้ว
มีสายสิทธิสังวาล เดินแห่ง รีนา
แดงอยู่ริมพรายแพร้ว เพริศพร้อมไพบูลย์ ๚
๏ ไพฑูริย์เทียรนี้หนึ่ง ควรแสวง
โดยร่ำริมรอบแดง ดั่งนี้
สังวาลว่องไวแสง รีผ่าน ตัวนา
เปนมิ่งมงคลชี้ ชาติเชื้อชาญสมร ๚
ไพฑูริย์เทียรรูปนั้น สัณฐาน
รีดั่งเข้าเปลือกปาน เปรียบแม้น
แสงเขียวและเหลืองพาน พาดผ่าน ขึ้นนา
เจือสลับแกมแค้น หนึ่งนี้เจริญผล ๚
๏ ลางแสงแสงคู่เคลี้ย เขียวเหลือง
เจริญศักดิ์สมบูรณ์เรือง รัตน์ล้ำ
พ้นไภยพิศม์ปละเปลือง งูขบ ตอดเอย
โดยกล่าวไพฑูริย์ก้ำ กึ่งด้วยแพทยา ๚
​๏ หนึ่งแสงขาวหม่นแม้ ควรถือ
ชอบแต่พานิชคือ พ่อค้า
สิ่งสินทรัพย์ระบือ มามาก
ผลเพื่อไพฑูริย์อ้า แห่งรู้ควรแสวง ๚
๏ หนึ่งแสงเสม็ดอ่อนอ้าง อันกระ ทำแฮ
ผีภูตชมบจะกละ ห่อนใกล้
คุณคนปิศาจสละ ไกลจาก เจียรนา
หมายหมู่ไพฑูริย์ไซ้ สิบแท้สัณฐาน ๚
ไพฑูริย์โทษ
๏ จักแถลงแห่งโทษแท้ ทรพล
อันอุปัทวแปมปน หนึ่งนี้
แสงตายกึ่งกลางตน ตามกล่าว ไว้นา
ถือจักพินาศชี้ ชาติให้เห็นพงษ์ ๚
๏ บางรูรอยติดเนื้อ นำแสดง
น้ำขุ่นเคืองเข็ญแหนง พี่น้อง
ใครถือโทษร้ายแรง ฤๅห่อน ศุขนา
สองประการนี้ต้อง ติไว้โดยหวัง ๚
​๏ ปานหนึ่งเปนรุ้งร่วง ใครถือ
ดาลเดือดร้อนใจฤๅ ห่อนเว้น
อีกแสงปีกกาคือ โทษชั่ว ชี้แฮ
มักลักของท่านเร้น ซ่อนไว้เปนโจร ๚
๏ เสร็จโทษประทุษฐแท้ ทรพล
อันอุปัทววิจล จบแจ้ง
ยังคุณลักษณหลายกล ดั่งกล่าว
คุณยิ่งคุณเหลือแสร้ง ส่อไว้หวังเฉลิม ๚
๏ ไพฑูริย์ชาติสี่ไซ้ อุปมาณ
ไข่ผ่ามะนาวฝาน เช่นเชื้อ
สามสิบละหุ่งปาน ผลเปรียบ ไว้นา
สี่ตระกูลนี้เกื้อ ก่อให้เจริญผล ๚
๏ พ้นไภยเทียรโทษทั้ง สิบจำ พวกแฮ
บริสุทธิโดยกำ หนดไว้
แม้นอยู่นครใดรำ พรรณเลิศ คุณนา
ฝนตกสามหนให้ ห่อนเว้นมาสา ๚
๏ ไพฑูริย์เนื้อสิบน้ำ หนักตรง เตรียบแฮ
ร้อยยี่สิบกล่ำคง ชั่งได้
รัศมีหกสิบอง คุลิศ นับนา
ควรคู่คำค่าไว้ หนึ่งนี้พึงฟัง ๚
พิกัดราคา
๏ ราคาควรรัตนเรื้อง ไพโรจ
ชอบค่างามสรมโสรด เสร็จแจ้ง
สามร้อยสิบสามโกฏิ ทองคู่ ควรพ่อ
ปานปัทมราชแสร้ง ส่อไว้ดุจกัน ๚
ร่าย๏ กล่าวพรรณไพฑูริย์ชาติ แสงโอภาษรังษี ทรงรัศมีหลากหลาย เลิศแลลายเล่ห์จักร พิศตระศักสามแถว สังวาลแวววาบแสง ขาวเขียวแดงดำเหลือง สมบูรณ์เรืองรัตนราช หงษบาทเบิกสลับ เหลืองเลื่อมจับกลางดุม ประชุมเกลียวกล่อมกลม อุดมเดียรทั้งผอง สามสิบสองสายเทียว ​รายรอบเกลียวเวียนวง อินท์ธนูกงผ่านดำ ผิวผ่อง
ชำชื่นช้อย กลหิ่งห้อยยยับแย้ม ติดแต้มเติมเจริญตา เหลือบเลื่อมปรากฎขึ้น พื้นส่องแดดดูพราย สายดวงแล่นพรายพริบ ได้สามสิบสองคง ดุจเบญจรงค์เรืองรุ่ง พ่างรพีพุ่งอัมพรา เลื่อนรถาถึงเที่ยง ยังไป่เบี่ยงบ่ายทราม งามคู่เคี้ยดุจเดียว ได้มาเยียวเทียบค่า ร้อยพันว่าโกฏิทอง เลยอย่าปองเปรียบอ้าง คุณชั่งช้างเผือกเบา รัตน์นี้เนาสถานใคร สมบัติไกลเกิดเกื้อ ผลเพิ่มเพื้อเดชา อันสถาพรพ้น พ่างวัชรินทรล้น เลิศด้วยไพฑูริย์ ยิ่งแล ๚
๏ ยังตระกูลรัตนชาติ ไพฑูริย์ราชเรืองฉาย มีพรรลายเล่ห์ตา สกุณาแขกเต้า น้ำคล่องเคล้าคลอแสง บางดวงแดงดุจเทียบ ควรคู่เปรียบเนตรนก พิราบยกเทียรแทน บางตั๊กแตนตาใส ​ผ่องเพียงไพฑูริย์สม สามนิยมเยียวท่าน อินท์ธนูผ่านกลางเศียร สังวาลเวียนเวียดเต้า ถ้วนสิบเก้าสายแถว หว่างไหวแววหิ่งห้อย น้ำหยาดย้อยเลือนขึ้น ส่องแดดพื้นเพิ่มกล้า ดังสุริยจ้าจรัสแสง อังคตแถลงพิกัดไว้ ตามแต่เนื้อหนักให้ ค่าขึ้นโดยควร นั้นนา ๚
๒๏ ประมวลเนื้อหนักแท้ ไพหนึ่งช่างทองแล้
เล่ห์นี้ราคา ๚
๏ สัญญาเยียวหนึ่งนี้ ชั่งถ้วนสองไพชี้
ค่าไว้ทองถึง หมื่นนา๚
๏ พึงฟังควรค่าได้ เนื้อหนักสามไพไซ้
ชอบแท้ทองแสน ๚
๏ อย่าแคลนเลยว่าไคล้ หนักยิ่งหนักค่าให้
รีบขึ้นควรสม ซื้อนา ๚
๔๏ เนื้อหนักควรค่าได้ โดยแสดง
ตั้งแต่สี่ไพแจง จัดขึ้น
​ถึงถ้วนสิบไพแถลง ทองชอบ โกฏินา
นับหนักนับชาติพื้น พวกเพื้อเดียวกัน ๚
๏ ลางบางลายเล่ห์เบื้อง เบญจรงค์
เปนระลอกน้ำคง คู่น้ำ
จากอินท์ธนูทรง หาห่อน เลยนา
มีแต่เมาฬีก้ำ กึ่งไว้สถานกลาง ๚
๒๏ ในระหว่างไพหนึ่งน้อย ควรค่าคำหนักร้อย
เร่งให้ราคา ๚
๏ สัญญาเยียวหนักนี้ ถึงถ้วนสองไพชี้
ว่าร้อยทองสอง หนักแล ๚
๔๏ เนื้อหนักกำหนดแท้ ถึงสาม ไพนา
นับเนื่องลำดับตาม ค่าขึ้น
จวบจบสิบไพงาม ทองชั่ง หนึ่งนา
ดั่งกล่าวพิกัดพื้น เพศนี้เดียวแสดง ๚
​๏ บางขาวขาวเปล่าเปลื้อง ราคี
อินท์ธนูหนึ่งสี ขาดแท้
ในดวงละลอกมี ดูดุจ น้ำนา
หายแห่งเมาฬีแล้ เสร็จซ้ำสองสูญ ๚
๏ มีแต่ละลอกน้ำ ในสี
ดำและเหลืองแดงมี เลื่อมไล้
อิกเขียวดีขจี เจือจับ ดวงนา
มีละสิ่งสอดไว้ วาบวุ้งไหวแสง ๚
๏ ราคาคู่ค่าเนื้อ ไพฑูริย์ แลฤๅ
ไพหนึ่งบาททองภูล เพิ่มขึ้น
ยิ่งหนักยิ่งประมูล ไพบาท ทองนา
โดยกล่าวพิกัดพื้น พืชนี้เสร็จสาร ๚
๏ หนึ่งเกิดละลอกน้ำ ในแสง
มีแต่เมาฬีแผลง เพศไว้
หาอินท์ธนูแสดง ตายเปล่า
ไพละตำลึงให้ ค่าแท้ทองถึง ๚
๏ กล่าวเพศภาคยพื้น ไพฑูริย์
เหลืองและเขียวขาวภูล เพิ่มเพื้อ
มีละสิ่งสีหนูน แดงครบ สี่นา
ละลอกเมาฬีเคื้อ ขาดสิ้นอินท์ธนู ๚
๏ ราคานี้ไป่แจ้ง บรรยาย
ตามแต่ต่อซื้อขาย พ่อค้า
กำหนดบมีหมาย เลยแห่ง ค่านา
เหตุตระกูลชาติช้า เปล่าเปลื้องดีสูญ ๚
๏ ไพฑูริย์เทียรเสร็จสิ้น เอาวสาน
คุณโทษเห็นพิศดาร ดั่งนี้
ราคาพิกัดการ กำหนด ถ้วนนา
จักร่ำมุกดาชี้ ลักษณไว้โดยหวัง ๚
ร่าย๏ เชิญฟังนักสิทธิทรง ศีลวรงค์ฤทธิเพ็ญฌาน มีพจนสารสุนทรา ในมุกดาเดียรไพจิตร แต่ในกฤษดิยุคมี ทันตศรีสุรสยม ตกรายรมฤๅน้อย จวบ​เจ็ดร้อยสิบสาม โปรยปรายตามปัถพิน พิศเฉกฉินอาภา เปนมุกดาเดียรดาษ แต่สัตวชาติหลายหล่าง เยียวยิ่งอย่างตระกูล เกิดเพิ่มภูลผลอัน อยู่คุงวันไป่วาย มาสืบสายฤๅเศร้า ทั่วทุกด้าวแดนเสมอ อังคตเธอแถลงไว้ ดำแหน่งเกิดนั้นให้ แห่งรู้ทุกสถาน ที่แล ๚
โฆษณา