เมื่อวาน เวลา 13:46 • ข่าวรอบโลก

โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามผู้สื่อข่าว

"เราจะเปิดประเทศให้กว้างยิ่งขึ้น จะแบ่งปันผลประโยชน์จากการพัฒนาของจีนกับประเทศเพื่อนบ้าน และยินดีต้อนรับสินค้าที่มีคุณภาพดีของไทยให้เข้าสู่ตลาดที่มีขนาดยิ่งใหญ่ของจีนเพิ่มมากขึ้น"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนสอบถามสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเกี่ยวกับการเยือนเวียดนาม, มาเลเซีย, และกัมพูชาอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สถานทูตจีนจึงขอตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
คำถามที่ 1: ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้รับเชิญให้เยือนเวียดนาม, มาเลเซีย, และกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในปีนี้ โดยเลือก 3 ประเทศในอาเซียน เป็นที่จับตามองอย่างมากของสังคมโลก คุณจะแนะนำรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเยือนครั้งนี้ได้ไหมครับ
ตอบ: การเยือนครั้งนี้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถือเป็นการเปิดฉากทางการทูตของผู้นำของจีนในปีนี้ โดยมีการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเป็นแกนหลัก ปฏิบัติตามแนวทางของการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร จริงใจ เกื้อกูลกัน และไม่แบ่งแยก มุ่งเน้นมิตรภาพระหว่างเพื่อนบ้าน ส่งเสริมความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่สำหรับจีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
1
ซึ่งนำไปสู่ผลสำเร็จในความร่วมมือมากกว่าร้อยโครงการ ผู้นำของทั้งสามประเทศต่างชื่นชมอย่างมากต่อข้อเสนอสำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และจัดพิธีต้อนรับการมาเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อส่งสัญญาณชัดเจนถึงการให้ความสำคัญสูงสุดกับความสัมพันธ์กับประเทศจีนและการกระชับความร่วมมือกับประเทศจีนอย่างรอบด้าน การเยือนครั้งนี้ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์ และได้สร้างหมุดหมายใหม่ให้กับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คำถามที่ 2: จุดเด่นสำคัญของการเยือนในครั้งนี้มีอะไรบ้าง
คำตอบ: จีนและเวียดนามตกลงเร่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ และเริ่มต้นกลไกความร่วมมือด้านทางรถไฟจีน-เวียดนาม ซึ่งจะเพิ่มพลังให้กับระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน และจะเป็นโครงการเชิงสัญลักษณ์ของกรอบความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่มีคุณภาพสูงระหว่างจีนกับเวียดนาม
ส่วนความสัมพันธ์จีน-มาเลเซียและจีน-กัมพูชาได้ยกระดับสู่ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในระดับยุทธศาสตร์ที่มีคุณภาพสูงระหว่างจีน-มาเลเซีย” และ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในทุกสถานการณ์แห่งยุคใหม่ระหว่างจีน-กัมพูชา” ตามลำดับ ความร่วมมือจีน-มาเลเซียได้เข้าสู่ช่วงของการพัฒนาที่รวดเร็ว โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันสร้างแบบอย่างสำคัญแห่งกำลังผลิตที่มีคุณภาพใหม่ในภูมิภาค
จีนและกัมพูชาได้ลงนามเอกสารความร่วมมือ 37 ฉบับซึ่งจะสนับสนุนแผนพัฒนาของประเทศกัมพูชาและความเป็นอยู่ของประชาชนกัมพูชาในระยะยาว
จีนและเวียดนามได้ยกระดับกลไกการหารือเชิงยุทธศาสตร์ “3+3” ในด้านการทูต การป้องกันประเทศและความมั่นคงภายในประเทศขึ้นสู่ระดับรัฐมนตรี ขณะที่จีน-มาเลเซียและจีน-กัมพูชาได้จัดตั้งกลไกการหารือ “2+2” ด้านการทูตและการป้องกันประเทศ
คำถามที่ 3: ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่สหรัฐฯ ได้ก่อสงครามการค้าและสร้างความปั่นป่วนต่อระเบียบการค้าระหว่างประเทศ การเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในครั้งนี้จะมีความหมายพิเศษอย่างไร
คำตอบ: ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ ไม่สนใจกฎระเบียบสากล เรียกเก็บภาษีศุลกากรโดยไม่ถูกต้อง ทำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรก การกระทำเช่นนี้ละเมิดสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมของแต่ละประเทศอย่างร้ายแรง ขัดต่อกฎระเบียบของการค้าระหว่างประเทศของ WTO อย่างร้ายแรง ทำลายระบบการค้าพหุภาคีที่มีกฎระเบียบเป็นพื้นฐานอย่างร้ายแรง และกระทบความมั่นคงของระเบียบเศรษฐกิจโลกอย่างร้ายแรง
ในการเยือนครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เน้นย้ำว่า จีนและประเทศเพื่อนบ้านควรเสริมสร้างการประสานงานร่วมกัน ต่อต้านลัทธิเอกภาคี ปกป้องอนาคตแห่งการพัฒนาความงดงามของภูมิภาคเอเชียด้วยค่านิยมเอเชียที่ยึดมั่นในสันติภาพ ความร่วมมือ การเปิดกว้าง และการไม่แบ่งแยก
จีนจะผลักดันการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ขยายการเปิดประเทศสู่ภายนอกในระดับสูง และแบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ตลาดที่มีขนาดยิ่งใหญ่ของจีนจะยังคงเปิดกว้างสำหรับประเทศในภูมิภาค และยินดีต้อนรับสินค้าที่มีคุณภาพดีจากประเทศอาเซียนเข้าสู่ตลาดจีนมากยิ่งขึ้น
ถ้อยแถลงที่สำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสริมสร้างความมั่นใจแก่ทุกฝ่าย
นายโต เลิม เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการส่วนกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้แสดงความประสงค์ที่จะเสริมสร้างการประสานงานกับจีน ร่วมกันปกป้องกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ และปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายลงนาม
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวว่า จีนเป็นหุ้นส่วนที่มีเหตุผล แข็งแกร่ง และเชื่อถือได้ อาเซียนไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บภาษีแบบฝ่ายเดียวในทุกรูปแบบ และจะร่วมมือกันเพื่อพึ่งพาตนเองและรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ระบุเช่นกันว่าพร้อมที่จะประสานงานกับจีนเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
คำถามที่ 4: จีนจะร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศเหล่านี้อย่างไร เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน
คำตอบ: จากการเยือนครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้บรรลุฉันทามติอย่างกว้างขวางกับผู้นำของเวียดนาม, มาเลเซีย, และกัมพูชาในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีและภูมิภาคมากขึ้น
จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของทั้งสามประเทศมาโดยตลอด จีนยินดีต้อนรับสินค้าเกษตรและสินค้าอื่น ๆ ที่มีคุณภาพดีจากทั้งสามประเทศเข้าสู่ตลาดจีน และสนับสนุนให้บริษัทจีนที่ีมีคุณภาพดีเข้าไปลงทุนในประเทศทั้งสาม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้งสามประเทศ
ความร่วมมือระหว่างจีน-เวียดนามจะใช้กลไกทางรถไฟเป็นพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันอย่างไร้รอยต่อ และจะขยายความร่วมมือด้านใหม่ๆ เช่น 5G ปัญญาประดิษฐ์ และการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จีน-มาเลเซียจะเพิ่มการบูรณาการการพัฒนาระหว่างกัน โดยเน้นความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจสีน้ำเงิน และการท่องเที่ยว
ส่วนจีน-กัมพูชาได้จัดทำแผนความร่วมมือ “ระเบียงพัฒนาอุตสาหกรรม” และ “ระเบียงปลาและข้าว” เพื่อช่วยกัมพูชาสร้างฐานการผลิตด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และยกระดับการพัฒนาเกษตรกรรมของกัมภูชาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
คำถาม 5: ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การเยือนสามประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีแรงบันดาลใจและนัยสำคัญอย่างไรต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย
คำตอบ: การเยือนสามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีที่มีความร่วมมือที่มีมายาวนานระหว่างจีนกับประเทศที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกที่สำคัญสำหรับการรวบรวมฉันทามติทางยุทธศาสตร์ และการสร้างความไว้วางใจทางการเมืองที่มีการลงเรือลำเดียวกันอย่างเหนียวแน่นและการร่วมกันเอาชนะช่วงเวลาที่ยากลำปาก ภายใต้โลกที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษและใช้อำนาจข่มเหงฝ่ายเดียวที่ทวีความรุนแรงขึ้น
จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมโยงกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นญาติที่ดีที่ผูกพันกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญที่สุด เป็นแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศที่สำคัญที่สุดและแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สำคัญที่สุดของไทย
ตั้งแต่วิกฤตการเงินเอเชียเมื่อปี ค.ศ. 1997 ถึงเหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย จากแผ่นดินไหวที่เวิ่นชวน ถึงการระบาดของโควิด-19 จีนและไทยรวมถึงประชาชนของทั้งสองประเทศได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาโดยตลอด
ท่ามกลางภัยคุกคามและความท้าทายร่วมกันจากการเรียกเก็บภาษีโดยไม่ถูกต้องและการใช้อำนาจข่มเหงฝ่ายเดียว จีนและไทยควรมองไปยังผลประโยชน์โดยรวมและในระยะยาว เพิ่มการสื่อสารและการประสานงาน ร่วมกันรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
จีนเข้าใจจุดยืนของไทยที่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของตนเองและใช้การเจรจาเพื่อรักษาสิทธิอันชอบธรรมของตน เราจะร่วมมือกับไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อปกป้องระบบการค้าเสรีระหว่างประเทศ ปกป้องความยุติธรรมและความเป็นธรรมระหว่างประเทศ ตลอดจนรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ทำประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ เกื้อกูลกันและได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีน-ไทย
เราจะเปิดประเทศให้กว้างยิ่งขึ้น จะแบ่งปันผลประโยชน์จากการพัฒนาของจีนกับประเทศเพื่อนบ้าน และยินดีต้อนรับสินค้าที่มีคุณภาพดีของไทยให้เข้าสู่ตลาดที่มีขนาดยิ่งใหญ่ของจีนเพิ่มมากขึ้น
โฆษณา