"สมองไหล"ครั้งใหญ่ นักวิจัยสหรัฐฯ หนีเข้ายุโรปหลังทรัมป์หั่นงบ
การตัดงบวิจัยของรัฐบาลทรัมป์ส่งแรงสะเทือนครั้งใหญ่ นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยสหรัฐฯ หลายพันคนแห่ย้ายออกจากประเทศ ท่ามกลางกระแสการดึงตัวจากยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย
การแข่งขันระดับโลกเพื่อดึงตัวนักวิจัยและแพทย์ชาวอเมริกันกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่การตัดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และหน่วยงานรัฐบาลกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับภูมิทัศน์การวิจัยของประเทศ
แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี เดนมาร์ก นอร์เวย์ และออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่กำลังเสนอแรงจูงใจ รวมถึงเงินทุน ช่องทางการย้ายถิ่นฐานที่ง่ายขึ้น และแพ็กเกจการย้ายถิ่นฐานที่แข่งขันได้ เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในประเทศของตน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากรัฐบาลทรัมป์ทำให้นักวิจัยชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มทบทวนเส้นทางอาชีพของตนเอง จากผลสำรวจของวารสาร Nature ที่จัดทำขึ้นในเดือนมีนาคม พบว่า นักวิทยาศาสตร์มากกว่า 1,200 คน คิดเป็น 75% ของผู้ตอบแบบสอบถาม กล่าวว่า พวกเขากำลังพิจารณาที่จะย้ายออกจากสหรัฐฯ โดยยุโรปและแคนาดาเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในการย้ายถิ่นฐาน
ซีกรูน อาสลันด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวิจัยและการศึกษาระดับสูงของนอร์เวย์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า
เสรีภาพทางวิชาการกำลังถูกกดดันในสหรัฐ และเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้สำหรับนักวิจัยจำนวนมากในประเทศที่เคยเป็นผู้นำด้านการวิจัยของโลกมานานหลายทศวรรษ
รัฐบาลของทรัมป์ได้ระงับโครงการวิจัยที่ได้รับทุนจากรัฐบาลกลางจำนวนมาก และเริ่มต้นกระบวนการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมหาศาล ภายใต้โครงการลดค่าใช้จ่ายทั่วทั้งรัฐบาลที่นำโดยมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์
มีการเลิกจ้างพนักงานของรัฐบาลกลาง รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ หลายหมื่นคน และมีการจ้างงานใหม่ตามคำสั่งศาล พร้อมกับคาดว่าจะมีการเลิกจ้างเพิ่มเติมอีก การปราบปรามการเข้าเมืองและการต่อสู้ทางการเมืองเกี่ยวกับเสรีภาพทางวิชาการยิ่งทำให้ชุมชนการวิจัยสั่นคลอนมากขึ้น
เมื่อเร็วๆนี้ นอร์เวย์ได้เปิดตัวกองทุนมูลค่า 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำให้การดึงตัวนักวิจัยนานาชาติระดับแนวหน้าง่ายขึ้น โดยโปรแกรมดังกล่าวได้ถูกขยายและเร่งดำเนินการหลังจากการตัดงบประมาณระลอกล่าสุดของรัฐบาลทรัมป์
สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรเลียก็ได้จัดตั้งโครงการดึงดูดความสามารถระดับโลกเช่นกัน เพื่อสรรหานักวิจัยชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบและชาวออสเตรเลียที่ต้องการกลับประเทศอย่างรวดเร็ว
ในแคนาดา เครือข่ายสุขภาพมหาวิทยาลัยแห่งโตรอนโต (University Health Network UHN) ได้เปิดตัว "ภารกิจแคนาดานำ 100" (Canada Leads 100 Challenge) เพื่อสรรหานักวิทยาศาสตร์ระดับต้น 100 คน
นักวิชาการชาวแคนาดาระบุว่า เริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นของการสอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งงานจากอีกฝั่งของพรมแดน มีการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้สมัครที่ทำสถิติใหม่สำหรับตำแหน่งอาจารย์ประจำ (tenure-track) ที่จะเปิดรับในเร็ว ๆ
ยุโรปก็เคลื่อนไหวเช่นกัน สถาบันวิจัยชีวการแพทย์อิสระ BioMed X ที่ตั้งอยู่ในไฮเดลเบิร์ก เยอรมนี ได้เริ่มต้นโครงการจับคู่นักวิจัยที่เคยได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) ที่สูญเสียแหล่งเงินทุน กับผู้สนับสนุนจากอุตสาหกรรมเภสัชกรรมจุดประสงค์ของโครงการ XBridge คือการเปิดประตูบานใหม่ให้กับนักวิจัยที่เผชิญกับการสูญเสียการสนับสนุนจาก NIH อย่างกะทันหัน
ขณะเดียวกัน เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมได้จัดตั้งกองทุนใหม่และตำแหน่งหลังปริญญาเอก (Postdoc) ที่มุ่งเป้าไปยังนักวิจัยชาวอเมริกันโดยเฉพาะ
ประเทศในยุโรป 12 ประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ได้ร่วมกันเรียกร้องให้มีความพยายามดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ที่อาจได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงงานวิจัยและการตัดงบประมาณอย่างโหดร้ายและไร้เหตุผล ตามรายงานของ Politico
ฝรั่งเศสได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม "Choose France for Science" อย่างเป็นทางการ โดยวางตำแหน่งเป็นแหล่งพักพิงสำหรับนักวิจัยในสาขาสำคัญ เช่น สุขภาพ ภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ เทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์
เดนมาร์กก็เปิดเกมเช่นกัน ไบรอัน มิกเคลเซน ซีอีโอของหอการค้าเดนมาร์ก ออกคำเชิญถึงนักวิจัยอเมริกันว่า ในเดนมาร์ก ให้คุณค่ากับวิทยาศาสตร์ โดยเขาโพสต์บน LinkedIn เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีโครงการทางด่วนเพื่อต้อนรับนักวิจัยอเมริกันสูงสุด 200 คนในช่วงสามปีข้างหน้า
สถานการณ์ในสหรัฐฯ ยังคงเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทรัมป์เริ่มตัดลดจำนวนพนักงานของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS) ลง 20,000 ตำแหน่ง โดยเฉพาะหน่วยงานสำคัญอย่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA)
โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง HHS อธิบายว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของวาระ "Make America Healthy Again" แต่ฝ่ายวิจารณ์เตือนว่าการตัดลดเหล่านี้จะบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติและความพร้อมด้านชีววิทยาของสหรัฐฯ
ชุมชนวิจัยของสหรัฐฯ เกิดความวิตกกังวล ประธานมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมากกว่า 500 แห่งในสหรัฐฯ ลงนามในแถลงการณ์ประณามการแทรกแซงของรัฐบาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการแทรกแซงทางการเมืองของรัฐบาลทรัมป์ในแวดวงอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ยื่นฟ้องคดีเกี่ยวกับการขู่ตัดงบประมาณ ซึ่งทำให้การต่อสู้ครั้งนี้กลายเป็นประเด็นระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
