เมื่อวาน เวลา 06:24 • ยานยนต์

เมื่อ Iron Man แห่งวงการรถยนต์ Comeback Elon Musk จะพลิกวิกฤต Tesla ได้จริงหรือ?

แสงไฟในสำนักงานใหญ่ Tesla ที่ Austin เริ่มสว่างจ้าในยามค่ำคืนอีกครั้ง เมื่อ Elon Musk ลูกพี่ใหญ่ประกาศกลับมาทุ่มเทให้กับบริษัทรถไฟฟ้าของเขามากขึ้น หลังจากแบ่งเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ มากมายก่อนหน้านี้
ไม่ว่าจะเป็น SpaceX, X (Twitter เดิม), Neuralink และล่าสุดคืองานกับรัฐบาล การประกาศครั้งนี้มาได้ถูกเวลามาก เพราะ Tesla เพิ่งรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ค่อนข้างแย่
ในการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการ Musk เผยว่าเขาจะลดบทบาทในงานด้านรัฐบาลลง โดยเฉพาะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญกับ Department of Government Efficiency
พี่ใหญ่อย่าง Musk วางแผนจะกลับมาโฟกัสที่ Tesla อย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป การปรับตารางเวลาครั้งนี้จะทำให้เขาใช้เวลากับงานรัฐบาลเพียงหนึ่งถึงสองวันต่อสัปดาห์เท่านั้น
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะกลับมาผลักดันการเติบโตของ Tesla อีกครั้ง ในช่วงที่บริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่โหดเหี้ยมและความท้าทายรอบด้าน
โดยเฉพาะจากคู่แข่งจากจีนและยุโรปที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของ Tesla ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจน
กำไรของบริษัทลดฮวบอย่างมากถึง 71% จาก 1.39 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือเพียง 409 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ก็ลดลง 9% จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น อัตรากำไรขั้นต้นยังลดลงจาก 17.4% เหลือ 16.3% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังต้องจัดการกับต้นทุนที่สูงขึ้น หรือราคาขายที่ต้องปรับลดลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกลับมีปฏิกิริยาในเชิงบวกต่อการประกาศของ Musk โดยหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 5% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ
แม้ว่าในภาพรวมของปี 2025 ราคาหุ้น Tesla จะลดลงมากกว่า 40% แล้วก็ตาม นักลงทุนดูเหมือนจะให้ความเชื่อมั่นว่าการกลับมาของ Musk จะช่วยพลิกวิกฤตได้
เพื่อกู้สถานการณ์ Musk และทีมผู้บริหารของ Tesla ได้วางแผนกลยุทธ์สำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัว Model Y รุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยากว่าเดิม
ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ถวิลหารถยนต์ไฟฟ้าที่จับต้องได้มากขึ้น นอกจากนี้ Tesla ยังวางแผนที่จะเปิดตัวบริการ robotaxi แบบเสียค่าใช้จ่ายในเมือง Austin ภายในช่วงกลางปี 2025 นี้
และจะเป็นก้าวสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติสุดล้ำของบริษัท Musk ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ
โดยเขาเชื่อว่ารถยนต์ Tesla หลายล้านคันจะสามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และบริการรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติอาจมีให้บริการในหลายเมืองของสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้
แม้ว่าวิสัยทัศน์ของ Musk จะฟังดูเจ๋งมาก ๆ และน่าตื่นเต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับความพร้อมของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ Tesla
นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยชั้นนำได้เตือนว่าระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานโดยปราศจากการควบคุมจากมนุษย์ เพราะยังมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
โดยเฉพาะในสภาวะทัศนวิสัยต่ำหรือในสถานการณ์การจราจรที่ซับซ้อน ระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA)
การได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นอีกด่านสำคัญที่ Tesla จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนที่จะสามารถเปิดตัวบริการ robotaxi ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในขณะเดียวกัน Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยเฉพาะ BYD ที่กำลังรังสรรค์แบตเตอรี่ที่ชาร์จได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปที่กำลังเร่งพัฒนารุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยและมีดีไซน์ที่ดึงดูดใจ ยิ่งไปกว่านั้น จุดยืนทางการเมืองของ Musk ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ลูกค้าชาวยุโรปบางส่วนรู้สึกห่างเหิน
และเลือกที่จะหันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์อื่นแทน การที่ Musk หันมาให้ความสำคัญกับ Tesla อีกครั้งอาจช่วยลดผลกระทบจากประเด็นนี้ได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นความท้าทายที่บริษัทจะต้องจัดการ
การกลับมาของ Musk ในครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อาจลดน้อยลง ทั้งจากการแสดงจุดยืนทางการเมืองและการที่เขาแบ่งเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ มากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ประวัติที่ผ่านมาของ Musk แสดงให้เห็นว่าเขามักจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างช่วยให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคไปได้เสมอ
Tesla ยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะจากการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการนำเข้ารถยนต์บางรุ่น
การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนี้ได้บังคับให้ Tesla ต้องระงับคำสั่งซื้อสำหรับรุ่นรถยนต์บางรุ่นในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับบริษัท
นอกจากนี้ การสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าก็มีต้นทุนที่สูงและใช้เวลาในการก่อสร้าง ซึ่งอาจทำให้แผนการขยายกำลังการผลิตของ Tesla ต้องชะงักในระยะสั้น
การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ผันผวนเช่นนี้ต้องอาศัยความยืดหยุ่นและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Musk เคยแสดงให้เห็นถึงความเทพในการนำ Tesla ผ่านพ้นวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง
แม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่ยังมีความหวังในผลประกอบการของ Tesla ที่ช่วยสร้างความหวังให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นั่นคือการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ในไตรมาสแรกของปี 2025 Tesla มีรายได้จากการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นถึง 595 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 442 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เครดิตเหล่านี้เป็นรายได้ที่มีอัตรากำไรสูง
และช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น Tesla สามารถสร้างกระแสเงินสดถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งพุ่งทะยานจากเพียง 242 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งนี้ช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้กับบริษัท และเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนในโครงการสำคัญต่างๆ
ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งแม้ในช่วงที่กำไรลดลงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงินของ Tesla และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ Tesla ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต โดยเฉพาะด้วยแผนการผลิตรถยนต์ที่มีราคาถูกลงและการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
การกลับมาทุ่มเทของ Musk น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดของ Tesla เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ
การมี Musk กลับมาอยู่ที่พวงมาลัยอย่างเต็มตัวอีกครั้งอาจเป็นสิ่งที่ Tesla ต้องการในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ราวกับฟ้าลิขิตให้เขากลับมาในจังหวะที่เหมาะสม
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกๆ ที่ Musk จะให้ความสำคัญเมื่อเขากลับมาบริหาร Tesla อย่างเต็มที่
การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตจะช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนและยุโรปได้ดียิ่งขึ้นในสงครามรถไฟฟ้าโลก
นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนต่ำลงก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ Tesla สามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้
บริษัทได้ลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และคาดว่าจะมีการประกาศความก้าวหน้าในด้านนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน
แม้ว่า Tesla จะเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบัน แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อ Musk ให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับบริษัทใด บริษัทนั้นมักจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด
ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและแผนการพัฒนาเทคโนโลยีสุดเจ๋ง Tesla ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว
Tesla ยังคงมีโอกาสที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งและรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดได้ในระยะยาว หากฟ้าลิขิตให้ Musk ได้แสดงความเทพของเขาอีกครั้งนั่นเองครับผม
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา