ไม่ว่าจะเป็น SpaceX, X (Twitter เดิม), Neuralink และล่าสุดคืองานกับรัฐบาล การประกาศครั้งนี้มาได้ถูกเวลามาก เพราะ Tesla เพิ่งรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ค่อนข้างแย่
ในการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการ Musk เผยว่าเขาจะลดบทบาทในงานด้านรัฐบาลลง โดยเฉพาะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญกับ Department of Government Efficiency
พี่ใหญ่อย่าง Musk วางแผนจะกลับมาโฟกัสที่ Tesla อย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป การปรับตารางเวลาครั้งนี้จะทำให้เขาใช้เวลากับงานรัฐบาลเพียงหนึ่งถึงสองวันต่อสัปดาห์เท่านั้น
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะกลับมาผลักดันการเติบโตของ Tesla อีกครั้ง ในช่วงที่บริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่โหดเหี้ยมและความท้าทายรอบด้าน
โดยเฉพาะจากคู่แข่งจากจีนและยุโรปที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของ Tesla ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจน
โดยเขาเชื่อว่ารถยนต์ Tesla หลายล้านคันจะสามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และบริการรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติอาจมีให้บริการในหลายเมืองของสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้
แม้ว่าวิสัยทัศน์ของ Musk จะฟังดูเจ๋งมาก ๆ และน่าตื่นเต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับความพร้อมของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ Tesla
นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยชั้นนำได้เตือนว่าระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานโดยปราศจากการควบคุมจากมนุษย์ เพราะยังมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
โดยเฉพาะในสภาวะทัศนวิสัยต่ำหรือในสถานการณ์การจราจรที่ซับซ้อน ระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA)
การได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นอีกด่านสำคัญที่ Tesla จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนที่จะสามารถเปิดตัวบริการ robotaxi ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ในขณะเดียวกัน Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยเฉพาะ BYD ที่กำลังรังสรรค์แบตเตอรี่ที่ชาร์จได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
Tesla ยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะจากการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการนำเข้ารถยนต์บางรุ่น
การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนี้ได้บังคับให้ Tesla ต้องระงับคำสั่งซื้อสำหรับรุ่นรถยนต์บางรุ่นในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับบริษัท
นอกจากนี้ การสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าก็มีต้นทุนที่สูงและใช้เวลาในการก่อสร้าง ซึ่งอาจทำให้แผนการขยายกำลังการผลิตของ Tesla ต้องชะงักในระยะสั้น
การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ผันผวนเช่นนี้ต้องอาศัยความยืดหยุ่นและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Musk เคยแสดงให้เห็นถึงความเทพในการนำ Tesla ผ่านพ้นวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง
แม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่ยังมีความหวังในผลประกอบการของ Tesla ที่ช่วยสร้างความหวังให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นั่นคือการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ในไตรมาสแรกของปี 2025 Tesla มีรายได้จากการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นถึง 595 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 442 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เครดิตเหล่านี้เป็นรายได้ที่มีอัตรากำไรสูง
และช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น Tesla สามารถสร้างกระแสเงินสดถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งพุ่งทะยานจากเพียง 242 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งแม้ในช่วงที่กำไรลดลงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงินของ Tesla และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ Tesla ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต โดยเฉพาะด้วยแผนการผลิตรถยนต์ที่มีราคาถูกลงและการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
การกลับมาทุ่มเทของ Musk น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดของ Tesla เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ
การมี Musk กลับมาอยู่ที่พวงมาลัยอย่างเต็มตัวอีกครั้งอาจเป็นสิ่งที่ Tesla ต้องการในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ราวกับฟ้าลิขิตให้เขากลับมาในจังหวะที่เหมาะสม
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกๆ ที่ Musk จะให้ความสำคัญเมื่อเขากลับมาบริหาร Tesla อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนต่ำลงก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ Tesla สามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้