โรงแรมดาราเทวี...ทำไมไฟไหม้ ???
โรงแรมดาราเทวี...ทำไมไฟไหม้ ??? : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย... เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
*** กรณีไฟไหม้อาคารในพื้นที่ของ “โรงแรมดาราเทวี” ถือว่าเป็นหนึ่งในบทสะท้อนปัญหาของกลุ่มผู้ถือหุ้น ซึ่งยืนอยู่กันคนละฝั่ง และความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ ก็เปรียบได้ดังคลื่นใต้น้ำที่ดูคล้ายกับเงียบสงบ แต่ก็พร้อมที่จะสะสมพลังและแปรเปลี่ยนให้กลายเป็น “สึนามิ” ที่สามารถกลืนกินได้ทุกอย่างในบริเวณใกล้เคียงได้ในทุกนาที!!!
ว่าแต่มันมีอะไรซ่อนอยู่ในเหตุไฟไหม้โรงแรม ที่ว่านี้กันแน่!!!
อย่างแรก... คงต้องทำความรู้จักกับ “โรงแรมดาราเทวี” กันก่อนว่าโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 153 ไร่แห่งนี้ใช้เงินลงทุนสูงถึง 3 พันล้านบาท โดยเจ้าของเดิมคือ “สุเชฏฐ์ สุวรรณมงคล” ใช้แรงบันดาลใจจากความหลงใหลในเสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมล้านนา ก่อสร้างขึ้น
ก่อนที่ในปี 2555 จะมีกลุ่มทุนจีนใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นโรงแรมดาราเทวี ในสัดส่วน 49% นัยว่า เพื่อแบ่งเบาภาระที่มีกับสถาบันการเงิน และเพื่อหาเงินลงทุนเพิ่มเติมในโครงการที่เคยวางแผนเอาไว้
จนมาถึงในปี 2558 บมจ. อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ซึ่งในตอนนั้นมี “นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์” ทำหน้าที่ประธานกรรมการ ได้เข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ 100% พร้อมหนี้ รวมมูลค่าการซื้อทั้งหมด 2,520 ล้านบาท
อย่างที่สอง... การเข้ามาของ IFEC ในมูลค่าการลงทุนที่สูงถึง 2,520 ล้านบาท ก็ได้ทำให้ “โรงแรมดาราเทวี” กลายเป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์ของความขัดแย้งระหว่าง “สิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์” อดีตประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารและกรรมการบริษัท กับ “นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์” จนส่งผลกระทบถึงปัญหาการดำเนินธุรกิจและสภาพคล่องทางการเงิน
ตามมาด้วยปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ในตั๋วแลกเงินระยะสั้น (ตั๋วบี/อี) จนต่อมาในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 60 ก็ปรากฏชื่อของ “ทวิช เตชะนาวากุล” โผล่เข้ามาเป็นผู้กุมเสียงข้างมากในกรรมการบริษัท แต่แม้ว่า “ทวิช” จะถือหุ้นใหญ่แต่ก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นทั้งหมด
และแม้ว่า IFEC จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นในงบการเงินต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน ไปตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. 67 แต่การเข้ามาของ “ทวิช เตชะนาวากุล” ในครั้งนั้น ก็ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นใน IFEC ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มในท้ายที่สุด
อย่างที่สาม... ภายหลังจากที่ IFEC ได้เข้ามาซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวี 2,520 ล้านบาท จนเกิดปัญหาทางธุรกิจอย่างหนัก ส่งผลให้ในเดือน ม.ค. 2564 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเชียงใหม่ ประกาศประมูลขายทอดตลาดทรัพย์สิน “โรงแรมดาราเทวี” ได้ที่ราคา 3,594.62 ล้านบาท
โดยมีผู้ชนะการประมูลคือ “บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด” ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า (JV) ระหว่าง “สยามเอสเตท” กับ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด (IThermal) บริษัทลูกของ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ซึ่งก็ถือได้ว่า IThermal เป็นฝั่งของ “ทวิช เตชะนาวากุล”
การประมูลขาย “โรงแรมดาราเทวี” แบ่งเป็นการประมูลทรัพย์สินของ “บริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด” และทรัพย์สินของ “บริษัท เอพีเค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” โดยทั้งสองบริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมดาราเทวีเช่นกัน…
แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระเงินให้กับกรมบังคับคดี บริษัท I THERMAL สามารถชำระเงินซื้อทรัพย์สินของบริษัทโรงแรมดาราเทวีจำกัด ในราคา 2,371.4 ล้านบาท แต่ไม่สามารถชำระเงินจ่ายค่าทรัพย์สินของ “เอพีเค ดีเวลลอปเมนท์” ที่มีราคา 1,223.22 ล้านบาท อีกส่วนหนึ่งได้
ส่งผลให้กรมบังคับคดี จึงนำทรัพย์สินของ “บริษัท เอพีเค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” ออกประมูลขายทอดตลาด เป็นเหตุให้ “โรงแรมดาราเทวี” ถูกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งแรกอยู่ในมือของ “สยามเอสเตท” ขณะที่อีกฝั่ง คือ เจ้าของรายใหม่ของ “บริษัท เอพีเค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” นั่นเอง...
กลับมาที่คำถามที่ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในเหตุไฟไหม้โรงแรมที่ว่านี้!!!
ประเด็นแรก...น่าสังเกตว่า การที่อาคารแห่งนี้ไม่ได้มีการทำประกันภัยเอาไว้ ก็น่าจะทำให้สามารถตัดข้อสงสัยในส่วนของการเผาเอาประกันลงไปได้ ขณะเดียวกัน การที่ภายในอาคารไม่มีการใช้ไฟฟ้า จะมีก็เป็นส่วนน้อยในระบบไฟ เพื่อให้แสงสว่างชั่วคราวบริเวณด้านหน้าและรอบอาคาร ซึ่งก็ทำให้โอกาสที่จะเกิดระบบไฟฟ้าลัดวงจรมีความเป็นไปได้ไม่มากนัก
ประเด็นที่สอง...น่าสนใจว่า จุดที่เกิดไฟไหม้ เป็นจุดที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์และมีผู้ดูแลพื้นที่ไม่กี่คน
ประเด็นที่สาม...น่าสนใจที่ว่า ความขัดแย้งซึ่งเกิดที่โรงแรมดาราเทวี อาจถือได้ว่าเป็นความต่อเนื่อง ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งภายใน IFEC นับตั้งแต่การเข้ามาของ “ทวิช” มาจนถึงการประมูลได้โรงแรมดาราเทวีในส่วนของ “บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด” ซึ่งมีเงาของ “ทวิช” ซ้อนทับ
ขณะเดียวกันก็มีเงาของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ IFEC ซึ่งถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามของ “นายทวิช” ซ้อนทับอยู่เช่นกัน
เอาเป็นว่าที่เจ๊เมาธ์เล่ายาวมาทั้งหมด... ก็แค่จะบอกว่า เจ๊เมาธ์ไม่มีปัญญาฟันธง หรือ บอกได้ว่าอะไร คือสาเหตุของไฟไหม้ เพียงแต่เจ๊แค่สงสัยว่า หลังจากไฟไหม้ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีความเห็นที่แตกต่างออกมาจากสองฟากฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของ “สยามเอสเตท” ขณะที่อีกฝั่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นอีกกลุ่มของ IFEC ซึ่งถือว่ามีความขัดแย้งกันมานาน และมองต่างมุมกันแบบสุดขั้วก็เท่านั้นเอง
ส่วนที่ว่าสาเหตุของไฟไหม้เกิดจากอะไร ก็คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสืบสวนก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ อิอิอิ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
