19 ธ.ค. 2018 เวลา 18:24 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ภาษีเชื้อรา​: ตอนที่​ 1 ใครฆ่าไดโนเสาร์
1
คุณอาจร้องโอดโอยหากต้องจ่ายภาษีเกือบ​ 60% เมื่ออยู่ในประเทศสวีเดน​ แต่นั่นยังเทียบไม่ได้กับภาษีเชื้อรา​ 90% ที่มนุษย์ทุกคนต้องจ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญพันธุ์
สายรา เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เรืองแสง
อาจกล่าวได้ว่าเชื้อรา​หรือเห็ดรา (fungi)​ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก​ จากการที่เชื้อรามีความหลากหลายในระดับสปีชีส์​ (species) มากที่สุดในโลก​
เชื้อรามีตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วต้องมองด้วยกล้องจุลทรรศน์​ ขนาดพอหยิบจับได้อย่างพวกเห็ดต่าง​ ๆ​ ไปจนถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก​ โดยแผ่เป็นร่างแหอยู่ใต้ดินครอบคลุมทั้งผืนป่า​ อย่างเห็ดน้ำผึ้ง​ (honey fungus)
เชื้อราสามารถอาศัยอยู่ได้แทบทุกหนทุกแห่ง​ รวมไปถึงบนและในตัวของมนุษย์​ ตลอดเวลาเราสัมผัสเชื้อราและสปอร์ของมัน​ในอากาศ​ที่เราหายใจ​ ในน้ำที่เราดื่มหรืออาบ​ ในอาหารที่เราทาน​ เสื้อผ้าที่เราสวมใส่​ รวมไปถึง​ในดินหรือพื้นที่เราเหยียบย่ำ​ หากเราเอาขนมปังพรมน้ำ​ วางทิ้งไว้ไม่กี่คืนก็จะมีราสารพัดสีขึ้นมาให้เห็น
ถึงเราจะสัมผัสเชื้อราปริมาณมหาศาลทุก​ ๆ​ วัน​ แต่ถ้าลองนึก​ ๆ​ ดู​ ถ้าไม่นับเชื้อราบนผิวหนัง​ เช่น​ พวกกลากเกลื้อน​ ฮ่องกงฟู้ต เราแทบจะไม่เคยได้ยินหรือรู้จักโรคติดเชื้อราอื่น​ ๆ​ เลย​
2
เราคงเคยได้ยินความร้ายกาจของโรคติดเชื้อต่าง​ ๆ​ ที่ระบาดและพรากชีวิตผู้คนมากมายทั่วโลก​ ซึ่งมีทั้ง​ แบคทีเรีย​ (กาฬโรค​ อหิวาห์ วัณโรค​ ฯลฯ)​ ไวรัส​ (ไข้ทรพิษ​ ไข้หวัดใหญ่​ ไข้เลือดออก​ ฯลฯ)​ และปรสิต​ (มาลาเรีย​ หนอนพยาธิต่าง​ ๆ)​ แต่เหตุใดเราถึงไม่เคยได้ยินว่ามีเชื้อราโหด​ ๆ​ แบบเชื้อโรคกลุ่มอื่นบ้าง
1
หรือว่าเชื้อรามันอ่อนโยนกว่าเชื้อชนิดอื่น​ เหมือนลูกสุนัขเชื่อง​ ๆ​ หากคุณคิดแบบนั้น​ อาจโดนแว้งกัดตอนคุณเผลอหรืออ่อนแอลงได้
สายราในน้ำล้างปอดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อราในปอด​ เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์
การติดเชื้อราแบบลุกลาม​ (invasive) เข้าสู่กระแสเลือดหรืออวัยวะภายใน​ พบได้น้อยมาก มักพบในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ​ แต่ถ้าเป็นแล้ว​ รักษายาก​และมีอัตราตายสูง​ บางครั้งต้องตัดหรือควักอวัยวะที่ติดเชื้อราออกเพื่อรักษาชีวิต
จานเพาะเชื้อรา​ เพาะได้เชื้อราสารพัดชนิดจากเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อราในปอดซึ่งเสียชีวิตอย่างรวดเร็วแม้จะได้ยาฆ่าเชื้อราแล้วก็ตาม
สายรา​ (hyphae)​ และก้านชูสปอร์​ (conidiophores) ของเชื้อรา​ 2 ชนิดที่อยู่บริเวณไซนัส เชื้อราลุกลามจากไซนัสทะลุกะโหลกเข้าสู่เบ้าตาและเนื้อสมอง​ ผู้ป่วยเสียชีวิตแม้จะได้ยาฆ่าเชื้อราร่วมกับผ่าตัดคว้านเอาไซนัสและเนื้อสมองส่วนที่ติดเชื้อออกแล้ว
ภาพยนตร์หรือหนังสือต่าง​ ๆ​ ทั้งที่เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับซอมบี้ มักจะทำให้เราหลงเข้าใจผิดว่า​ เชื้อไวรัสกลายพันธุ์จะทำให้มนุษยชาติถึงจุดจบได้​ แต่จริง​ ๆ​ แล้ว​ ไวรัสหรือเชื้ออื่น​ ๆ​ ที่แพร่ระบาดในมนุษย์ได้ดี​ มักมีความจำเพาะต้องเจริญเติบโตในมนุษย์หรือสัตว์อื่นที่ใกล้เคียงเท่านั้น​ ถ้ามันฆ่าเราหมดก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเอง​ ต้องสูญพันธ์ุตายตกตามกันไปด้วย
โรคติดเชื้อที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อราเหล่านี้​ มักแพร่จากคนสู่คน​โดยตรง อาจถ่ายทอดผ่านสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนได้บ้าง​ในระยะเวลาสั้น​ ๆ​ เพราะเชื้อมักเพิ่มจำนวนนอกร่างกายเราไม่ได้หรือได้ไม่ดี​ มันจึงต้องการให้เรามีชีวิตอยู่อย่างน้อยก็นานพอที่จะแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อได้
แต่เชื้อราส่วนใหญ่เป็นผู้ย่อยสลาย​ (decomposer)​ สิ่งมีชีวิตอื่น​ ๆ​ ก็เป็นแค่กองอาหารให้มันย่อยสลาย​ จะมีชีวิตหรือเป็นศพก็ไม่ต่างกันมาก​นัก อันที่จริงศพที่ไม่มีภูมิคุ้มกันใด​ ๆ​ อาจจะอร่อยกว่าด้วยซ้ำ​ ในสิ่งแวดล้อมก็มีอินทรีย์สารอยู่เหลือเฟือ​ เชื้อราส่วนใหญ่จึงไม่ต้องง้อสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง​
เมื่อมันเติบโตในสิ่งแวดล้อมได้​ เราจึงมักติดเชื้อราจากสิ่งแวดล้อมมากกว่าจากมนุษย์ที่ป่วยโดยตรง​ การแยกโรค​ (isolation) เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกไป​รวมไปถึงการกักกันโรค​ (quarantine) เพื่อแยกผู้สัมผัสโรคหรือมีโอกาสติดเชื้อจนกว่าจะพ้นระยะฟักตัว​ของโรค (incubation period) ที่เราเห็นบ่อย​ ๆ​ ในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับโรคระบาดทั้งหลาย​ อาจไม่ได้ผลกับการติดเชื้อรา
สำหรับโรคระบาดจากเชื้อไวรัส​ แบคทีเรีย​ ปรสิต​เราแค่หนีไปอยู่ในที่​ ๆ​ ไม่มีมนุษย์​ หรือพาหะนำโรค​ เช่น​ ยุง​ ก็น่าจะปลอดภัย​ ต่อให้หนีไม่พ้น ถ้ามนุษย์ตายไปจนเหลือน้อยมาก​ แต่ละคนแต่ละกลุ่มอยู่กระจัดกระจายห่าง​ ๆ​ กัน​ การระบาดก็จะสิ้นสุดไปเอง​ เพราะเชื้อไม่มีโอกาสที่จะถ่ายทอดสู่คนที่อยู่ใกล้​ ๆ​ อีกต่อไป
แต่การจะหนีเชื้อราที่กระจายอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อมอาจจะยากซักหน่อย​ เพราะมันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งมีชีวิตชนิดใดเป็นหลัก​ เชื้อราจึงเป็นเชื้อกลุ่มเดียวที่มีศักยภาพที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์​ได้​ มันจะตามฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจต้านทานมันได้จนกระทั่งตัวสุดท้าย​ ลบสิ่งมีชีวิตสปีชีย์นั้น​ ๆ​ ออกไปจากโลกใบนี้อย่างถาวร
หลักฐานทางอ้อม​ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยเชื้อรา​ อยู่ในเหตุการณ์ที่เรารู้จักกันดี​ นั่นคือการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อ​ 65 ล้านปีก่อน​ หลังจากที่อุกกาบาตชิกซูลับ​ (Chicxulub)​ ตกใส่โลก​
แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าสาเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์คืออะไรกันแน่
หลังอุกกาบาตตกใส่​ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากภัยพิบัติยังต้องเผชิญความโหดร้ายของการขาดแคลนอาหาร​ ​บรรยากาศโลกถูกปกคลุมฝุ่นควัน​ ทำให้แสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึงพื้น​ พืชที่ต้องสังเคราะห์แสงก็ตายหรือเติบโตไม่ได้​ สัตว์กินพืชก็ล้มตายตาม​ สัตว์กินเนื้อก็อยู่ไม่ได้
เชื่อว่าไดโนเสาร์ที่มีขนาดร่างกายใหญ่โต​ ต้องการอาหารมาก​ จึงล้มตายกันไปหมด​ เปิดทางให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กขึ้นมาแทนที่
ฟังดูสมเหตุสมผล​ แต่มันเป็นสาเหตุเดียวที่ฆ่าไดโนเสาร์จริงหรือไม่?
การขาดแคลนอาหารน่าจะลดจำนวนประชากรลงไป​จนถึงจุดที่อาหารมีพอต่อประชากรไดโนเสาร์จำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่​ คงมีที่ปรับตัวไม่ได้​ สูญพันธุ์ไป แต่น่าจะมีเหลือรอดมาบ้าง​ โดยเฉพาะไดโนเสาร์ที่ขนาดไม่ใหญ่มาก​ แต่เหตุใดไดโนเสาร์สารพัดสายพันธุ์ยกเว้นไดโนเสาร์ที่พัฒนาไปเป็นนกในปัจจุบัน​ จึงพากันตายกันไปหมด​
คำบอกใบ้มาจากการสำรวจชั้นถ่านหิน​ บริเวณที่ตรงกับช่วง​ 65​ ล้านปีก่อน​ ถูกคั่นด้วยชั้นของเชื้อราหนาหลายมิลลิเมตร​ นั่นหมายความว่าในยุคนั้นโลกใบนี้ถูกปกคลุมด้วยเชื้อราหนาเตอะเป็นเวลานานเลยทีเดียว
1
ทฤษฎีหนึ่ง​ (เชื่อไม่เชื่อขึ้นกับวิจารณญาณ)​ นั่นคือเมื่อโลกถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันอันเป็นผลพวงของอุกกาบาตชิกซูลับ​ เมื่อแสงแดดส่องถึงพื้นโลกน้อย​ โลกก็อยู่ในสภาพเย็นชื้น​ เต็มไปด้วยซากศพของทั้งพืชและสัตว์​ เป็นสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบให้กับเชื้อราให้เพิ่มจำนวนปกคลุมผิวโลกเป็นชั้นหนาขนาดปรากฏให้เห็นในชั้นถ่านหินได้
2
ไดโนเสาร์ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน​ อาจจะพอทนเชื้อราปริมาณน้อย​ ๆ​ ได้​ แต่เมื่อเชื้อรามีจำนวนมากพอ​ ไดโนเสาร์ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของเชื้อราไปจนหมดสิ้น​ ซึ่งก็มีตัวอย่าง​ฟอสซิลเปลือกไข่ที่นักวิจัยพบว่ามีเชื้อราเข้ามาแทรกอยู่ด้วย
บรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจึง​ผงาดขึ้นมาครองโลกแทน​ ผ่านวิวัฒนาการจนส่วนหนึ่งกลายมาเป็นมนุษย์เราในที่สุด
จนปัจจุบันมนุษย์ที่แข็งแรงดีก็ยังแทบไม่มีปัญหารุนแรงจากการติดเชื้อรา​ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเรามีอะไรดีเชื้อราถึงปล่อยเรามาได้จนบัดนี้​ และเมื่อของฟรีไม่มีในโลก​ อะไรคือราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อให้รอดจากเงื้อมมือมัจจุราชของเชื้อรา
1
เงื่อนงำที่สำคัญอยู่ในยุคปัจจุบันนี้เอง​ นั่นคือปริศนาการตายหมู่ของกบและค้างคาวจำศีล
เรามาติดตามกันในตอนถัดไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา