29 ส.ค. 2019 เวลา 12:30
แนวทางทำธุรกิจให้เจ๊งไม่เป็นท่า‼ - Kevin Plank
Kevin Plank CEO ใหญ่แห่ง Under Armour แบรนด์ชุดกีฬา TOP3 ของโลก ก่อนจะประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ รู้ไหมครับเค้าเคยเจ๊งมาก่อน
1
ด้วยความไร้ประสบการณ์ของเขา ทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมากตอนเริ่มต้นธุรกิจ🤒
เขาไม่อยากให้คนรุ่นใหม่มาเจ็บกับแผลเดิมของเขาอีก
และนี่คือแนวทางที่ทำให้เค้าเจ๊งไม่เป็นท่าตอนเริ่มที่อยากจะฝากให้นักธุรกิจรุ่นใหม่เก็บไปคิดกัน
ข้อที่ 1 : ไม่รู้ว่าลูกค้าเป็นใคร
ตอนเริ่มต้น Kevin มีไอเดียในการทำเสื้อผ้าเพียงเพราะเค้าชอบการออกแบบเสื้อผ้า และดีไซน์ด้วยความต้องการของตัวเอง
เมื่อนำไปวางขาย แทบจะไม่มีใครสนสินค้าของเขา
1
"คุณเริ่มด้วยความต้องการของตัวเอง แล้วลูกค้าคุณเป็นใครต้องการสิ่งที่คุณทำหรือเปล่า?" Kevin พูด
ข้อที่ 2 : ไม่มีจุดยืน
Kevin นำทุกสิ่งที่เค้าเห็นแล้วชอบมาลงขายที่ร้านของเค้าทั้งเสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้า ผ้าพันคอ
เมื่อลูกค้าเดินผ่านหน้าร้านจึง งง ว่าเค้ากำลังขายอะไร และสินค้าเด่นๆของร้านเค้าคืออะไรกันแน่
นั่นทำให้ตอนเริ่มต้นที่ลูกค้าไม่รู้จักแบรนด์ของเขาเกิดความไม่มั่นใจ และไม่ซื้อ
Cr. industryresearchworld
ข้อที่ 3 : โลเคชันกับราคาไม่สอดคล้องกัน
ช่วงแรก Kevin มั่นใจกับเสื้อผ้าของเขามาก เมื่อเค้าสัมผัสมันดูกี่ครั้งคุณภาพของมันสามารถเทียบเท่ากับเสื้อผ้าหรูๆบนห้างได้เลย
โดยสถานที่ที่เค้านำไปขายคือห้างเล็กๆในย่านวัยรุ่น(อารมณ์ประมาณ Platinum)
โดยตั้งราคาต่ำกว่าเสื้อผ้าในห้างใหญ่ๆเล็กน้อย โดยคิดว่าคุณภาพดีกว่า ราคาถูกกว่าในห้างต้องขายดีแน่ๆ
แต่ลูกค้ากี่คนเข้ามาก็ขอต่อราคาจนต่ำกว่าต้นทุนทุกคน
ทำให้เค้าไม่สามารถขายได้และต้องปิดกิจการไป
Under armour at BigC
ข้อที่ 4 : ไม่ศึกษาลูกค้าในพื้นที่
สมัยก่อนเน้นการขายออฟไลน์ ลูกค้าแต่ละพื้นที่ก็จะมีรสนิยมต่างกัน และกำลังซื้อต่างกัน ใช้ชีวิตต่างกัน
ตอนเปิดร้านแรกๆ Kevin ขายเสื้อผ้าในย่านที่คนพลุกพล่านแต่ของกลับขายไม่ดีอย่างที่คิด
เพราะสินค้าไม่ตรงกับลักษณะของลูกค้านั่นเอง
ข้อที่ 5 : ฟังคำแนะนำผิดคน
การฟังคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ตรงเป็นเรื่องที่ดี
4
แต่การที่คุณอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่คุณไปถามคนที่เคยแต่ทำงานประจำ คุณก็จะเจอแต่อุปสรรคเต็มไปหมด
"ถ้าเราอยากว่ายน้ำเป็นก็ต้องไปศึกษาจากปลา ไม่ใช่ศึกษาจากนก" Kevin กล่าว
ข้อที่ 6 : ไม่แยกเรื่องเงินกับเรื่องส่วนตัว
ถ้าใครเริ่มทำธุรกิจโดยการเป็นพาร์ทเนอร์กับแฟน หรือเพื่อนสนิทคุณต้องแบ่งหน้าที่ และผลตอบแทนกันอย่างชัดเจน
หลายๆครั้งในตอนเริ่ม Kevin มีปากเสียงกับเพื่อนสนิทของเขาเพียงเพราะเรื่องค่าใช้จ่ายในร้าน
คุณต้องแบ่งเรื่องทั้งสองออกให้ชัดๆ บางทีความเครียดจากธุรกิจอาจบั่นทอนความสัมพันธ์ของพวกคุณได้
ข้อที่ 7 : จัดการระบบ Stock ไม่ดีพอ
ช่วงแรกถึงแม้จะมีสินค้าไม่มากและหลากหลาย
แต่พอมีลูกค้าสั่งสินค้าก็หยิบจับไม่ถูกบ้าง หาไม่เจอบ้าง หน้าร้านบอกว่ามี แต่สต็อกไม่มีบ้าง
สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณเสียลูกค้า และกระทบกับภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณได้
ข้อที่ 8 : มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า(สมัยนี้อาจจะเป็นค่ายิง Ads) ค่าแพคเกจจิ้ง ค่าถุง ค่าเสื้อผ้า ค่าแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ทุกอย่างล้วนเป็นต้นทุนของสินค้าทั้งนั้น ถ้าเราไม่ควบคุมต้นทุน อาจจะเจอเหตุการณ์ที่ยิ่งขายมาก ต้นทุนยิ่งบวม "ขายดี จนเจ๊ง"😱
และยิ่งถ้าเราลดต้นทุนได้โดยไม่เบียดเบียนพนักงาน ยิ่งได้กำไรเพิ่ม และซื้อใจทีมงานได้ด้วย
ข้อที่ 9 : ไม่สม่ำเสมอ
วันที่ขายดีก็มี วันที่ขายไม่ดีก็มาก ในช่วงที่ยอดขายตก
เค้าก็รู้สึกท้อ และหมดกำลังใจ ทำให้หยุดอัพเดทสินค้าไปสักพักนึง ทำให้แทบไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย
เพราะร้านของเค้ามันดูเงียบเหงา และจำเจ ทำให้ลูกค้าเบือนหน้าหนีกันหมด
จากความผิดหวังและล้มเหลว เค้าก็ได้เรียนรู้ และนำมาเป็นประสบการณ์
ถึงจะท้อไปบ้าง แต่เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเค้าทำไปทำไม Why ของ Kevin ใหญ่มาก🏕
ทำให้เค้ารู้ตัวและพลิกจาก"เจ๊ง"เป็นคนประสบความสำเร็จมากในวงการเสื้อผ้าออกกำลังกายอย่างที่เห็น
ทุกเรื่องราวเป็นประสบการณ์ ที่สั่งสมให้เค้ามายืนจุดนี้ และได้มอบเสื้อผ้าคุณภาพให้กับคนทั้งโลก
ความสำเร็จไม่ใช่ปลายทางแต่เป็นการผจญภัย ยิ่งเราให้ยิ่งได้รับ - เชอแตม😁
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา