14 เม.ย. 2020 เวลา 19:06 • ธุรกิจ
ลงทุน 0 บาท ก็รวยได้!! โดยการทำ Dropship ง่าย ๆ ทำอย่างไรบทความนี้มีคำตอบ
หลายคนอาจจะกำลังทำอาชีพนี้อยู่ บางคนอาจจะรู้จักแต่ยังไม่ได้ลงมือทำเพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง บางคนไม่กล้าเพราะมองไม่เห็นทางว่ามันทำได้จริงหรือ ?
(บทความนี้เขียนจากประสบการณ์ตรงของไดอารี่ความฝัน) นะคะ ^___^ หากมีผิดพลาดอย่างไรก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค้าาา
สอนทำ Dropship
หลายคนอาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าการทำ ดรอปชิป (Dropship) คืออะไร แต่สำหรับคนที่มือใหม่ในวงการนี้ ได ฯ ก็ต้องขออธิบายตรงส่วนนี้ก่อนนะคะ
การขายของแบบ Dropship เรียกแบบง่าย ๆ ก็ เป็นตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ต้องสต็อกสินค้านั่นเองค่ะ เราสามารถเอาสินค้าจากร้านต่าง ๆ ทั้งแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ไปขาย ไปโปมโมทขายให้ได้ แล้วเราจะได้กำไรจากการบวกราคาขายเพิ่ม หรือได้กำไรจากเปอร์เซ็นตามที่ตกลงกับแบรนด์หรือร้านค้าที่เราทำดรอปชิปด้วย
2
ความง่ายของดรอปชิปคือ เราทำหน้าที่แค่ "โปรโมทขายสินค้าให้ได้" เท่านั้นเองค่ะ ส่วนขั้นตอนของการ แพ็คของ ส่งของ เป็นของแบรนด์หรือร้านที่เราไปติดต่อไว้
การทำงานแบบดรอปชิป
หากดูภาพด้านบนแล้วยังไม่เข้าใจ ขออธิบายเสริมแบบละเอียดอีกครั้งนะคะ
1. พอเราเจอร้าน / แบรนด์ / ที่เขาเปิดรับตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ต้องสต็อกสินค้า (Dropship) แล้ว ให้ทำการคุยกับเขาและทำการตกลงถึงสิ่งที่เขาจะได้ สิ่งที่เราจะได้ให้เรียบร้อย เช่น เขาจะแบ่งกำไรให้เรากี่เปอร์เซ็นของราคาสินค้าแต่ละชิ้น หรือจะให้เขาขายแบบบวกราคาเพิ่มเอง หรืออื่น ๆ ก็ตามแต่ตกลง
3
2.พอตกลงกันเสร็จแล้ว เราก็จัดการเอามาโปรโมทหรือขาย หาลูกค้าให้ได้ ส่วนจะช่องทางไหนก็ตามสะดวก หากเป็นได ฯ ที่ได ฯ ทำนะคะก็โปรโมทผ่านทางออนไลน์เลยค่ะ เข้าหาคนในแทบทุกแพลตฟอร์มโซเชียลที่มี รวมถึง Blog Web ต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- FanPage Facebook
- Youtube
- Instagram
- Twitter
- Blogger (ฟรี) ทำอันดับได้ดีด้วยหากทำบทความคุณภาพ คีย์เวิร์ดดี ๆ หน้าแรกติดง่ายมากค่ะ
- Website (เสียเงิน) ถ้าใครที่มีทุนเยอะหน่อย หรือทำเก่งแล้วจะเปิดเว็บไซต์เลยก็ยังได้นะคะ
1
แต่ว่าในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นเราจะโปรโมทอย่างไรก็จะต้องไปคิด วางแผน วิเคราะห์กันให้ละเอียดอีกทีนะคะ เราจะโพสต์โปรโมทขายทุกทางเหมือนกันเลยมันก็ดูจะน่าเบื่อไปนะ แถมยังเป็นการทำคอนเทนต์ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย โดยเฉพาะโซเชียลดีเดีย ในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นสไตล์ของกลุ่มคนในนั้นก็ต่างกันด้วย
3.หลังจากที่โปรโมทขาย แล้วสามารถขายได้ ทำการปิดการขายและรับเงินกับลูกค้ามาให้เรียบร้อย เราก็ไปสั่งของกับทางแบรนด์ หรือถ้าสินค้าตัวไหนเราไม่แน่ใจว่ายังมีพร้อมส่งไหมก็ให้ทำการเช็ดให้เรียบร้อย โดยการบอกลูกค้าก่อนว่า ขอเช็คของก่อน จะทราบเวลาไหนก็แจ้งไป แต่ถ้ามั่นใจว่ามีของขายเลย
อีกอย่างคือ ยังไม่เช็ค ปิดการขายก่อน แล้วหากพบว่าของหมดก็มาขอโทษลูกค้าทีหลังแล้วโอนเงินคืน (แต่จะเสียเวลาและเสียความรู้สึกลูกค้านะคะ) แนะนำให้เช็คก่อนขายดีกว่า
2
หลังปิดการขายได้แล้ว ให้ทำการ สรุปยอดกับทางแบรนด์เลย ว่าลูกค้าซื้ออะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ เราก็โอนเงินค้าสินค้า + ค่าส่ง ให้กับทางแบรนด์ ส่วนกำไรที่ขายได้เราก็ตัดเข้ากระเป๋าเราเลย หรือเปอร์เซ็นที่เราจะได้ก็หักให้เรียบร้อยค่ะ แล้วก็ส่งที่อยู่ของลูกค้าให้กับทางแบรนด์
1
เช่น ขายของจากแบรน์เขาขายในราคา 100 บาท เราอาจจะเอามาบวกราคาเพิ่มเป็น 120 บาท (ตามสมควร) ค่าส่ง 50 (หรือตามสมควร) เราก็แจ้งลูกค้าว่า สินค้า 120 บาท + ค่าส่ง 50 บาท เวลาโอนให้แบรนด์หรือเจ้าของร้าน เราก็โอนไป 150 บาท ส่วนอีก 20 บาทนั้นก็เป็นกำไรที่เราต้องได้ ตัดเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อยเลยค่ะ
4. พอทำตาม 3 ข้อได้หมดแล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของทางแบรนด์หรือเจ้าของร้าน จะต้องแพ็คของส่งให้ลูกค้า แล้วเขาก็ต้องแจ้งหมายเลขพัสดุให้เรา แล้วเราก็พิมพ์เลขพัสดุส่งให้ลูกค้าอีกที เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน
ร้านไหนรับ Dropship
ร้านไหนรับ Dropship
ความจริงมันก็มีหลายแบบเหมือนกันนะคะ ซึ่งก็อาจจะเลือกทำ Dropship กันตามถนัด ตามรูปแบบของตนเอง แต่อยากให้เลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือในการทำนะคะ
มิจฉาชีพมีเยอะ วงการไหนก็มีเราควรจะตรวจสอบให้รอบคอบก่อน เเม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นคนขายสินค้านั้นโดยตรง แต่ถ้าเราโอนเงินของลูกค้าไปให้เขาแล้ว เขาไม่ส่งของ คนที่ต้องรับผิดชอบลูกค้าหลัก ๆ คือตัวเรา นะคะ เพราะลูกค้าไม่รู้เรื่องกับเราว่าเราไปเป็นตัวแทนจำหน่ายจากที่ไหน ฉะนั้นตรวจสอบร้านก่อนด้วยน้าาา
วิธีหาร้านแบบง่าย ๆ เลยคือ อินเตอร์เน็ตค่ะ Google ค่ะ ค้นหาโลด เอาให้พลิกแผ่นดินออนไลน์ไปเลย มันจะต้องเจอสักร้านที่มีสินค้าที่เราต้องการขาย เอาล่ะมาลองค้นเพื่อหาตัวอย่างกันค่ะ (ได ฯ ไม่ขอยกตัวอย่างสินค้าที่ตัวเองขายทุกกรณีนะคะ)
รับตัวแทนจำหน่าย
ทุกเว็บไซต์ที่โผล่มาให้เราเห็นนี้ส่วนมากก็มาจากการทำอันดับ SEO นะคะ ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าสินค้าของเว็บเหล่านั้นจะขายดี เพราะการจะขายให้ได้นั้นมันอยู่ที่ทักษะการขาย กลยุทธ์การตลาด การโปรโมท ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนก็มีทักษะความสามารถมากน้อยต่างกันออกไป
1
รับตัวแทน dropship
ซึ่งเว็บไหนขายอะไร มีสินค้าอะไร ก็คงเข้าไปส่อง เข้าไปดูกันได้อยู่แล้ว แต่ก็อยากจะย้ำสักนิดนะคะ ว่าก่อนจะตัดสินใจทำ Dropship กับเจ้าไหน ร้านไหน แบรนด์ไหนอย่าลืมดูความน่าเชื่อถือด้วย
ดูว่าเขาขายจริง ๆ ไหม มีของในสล็อกพร้อมไหม ไม่ใช่ว่าเขาก็เป็นตัวแทนจำหน่ายจากที่ไหนมาอีกทีแบบนั้นไม่เอาค่ะ มันหลายทอดเกินไป ยุ่งยากและเสียเวลาด้วย
สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าถึงหลาย ๆ ร้านที่รับตัวแทนแบบ Dropship คียฺ์เวิร์ดในการค้นหาค่ะ
เพื่อเปิดโอกาสให้หลายคนเข้ามาสร้างรายได้ด้วยและเป็นการขยายฐานลูกค้าและขายสินค้าได้อีก ส่วนมากร้านต่าง ๆ ก็จะรับ Dropship กันนะคะ ยกเว้นแต่ว่าร้านนั้นยอดขายมากพอแล้ว ธุรกิจใหญ่โตพอที่ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งตัวแทนแล้ว เขาก็อาจจะไม่รับ
หากไม่รู้ว่าจะค้นหาคำว่าอะไรดี ก็ค้นคำง่าย ๆ ก่อนก็ได้นะคะ เช่น "
รับตัวแทน dropship" จากนั้นลองเลื่อนลงมาด้านล่างสุดของ Google จะเจอคำที่เกี่ยวข้อง นั่นแหละคือคีย์เวิร์ดที่คนค้นหากันอยู่ ลองคลิกดูอาจจะเจอร้านหลากหลายขึ้นนะคะ
คีย์เวิร์ด
ไหน ๆ ก็มาถึงคีย์เวิร์ดกันแล้ว ได ฯ ก็เอามาฝากนะคะ เผื่อบางคนที่ยังคิดไม่ออกจะค้นหาโดยใช้คำว่าอะไรดี ลองใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) เหล่านี้ดูนะคะ
- ดรอปชิปไทย
- ดรอปชิป 2020
- รับตัวแทน dropship
- dropship ที่ไหนดี
- dropship ร้านไหนดี
- รับตัวแทนจําหน่าย ไม่ต้องสต๊อกสินค้า
- รับตัวแทนจําหน่าย ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ig
- ตัวแทนจําหน่ายสินค้าออนไลน์ฟรี
- รับ dropship
- รับ ตัวแทน dropship 2020
เอาล่ะ สำหรับการหาร้านที่รับตัวแทนแบบ dropship ออนไลน์ก็ไม่ยากเท่าไหร่ อีกวิธีแบบง่ายกว่าการนั่งหาใน Google ก็คือ การหาร้านตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ
เริ่มจากมาหาร้านบน Instagram กันเถอะ!!
ต้นหาบน IG
ซึ่งคำที่จะใช้ค้นหาก็ อาจจะใช้คีย์เวิร์ดคล้าย ๆ กับการหาบน Google ก็ได้ แแต่ว่าบน IG นี้จะมาในรูปแบบของแฮชแทค (#) โดยแต่ละแฮชแทคเราก็จะเจอร้านค้า ภาพสินค้าของร้านต่าง ๆ บน IG จากร้านที่เขารับตัวแทนจำหน่ายนั่นเอง
ต้นหาบน IG
ขอยกตัวอย่างคีย์เวิร์ดที่เอาไว้ใช้ค้นหาบน IG มาให้นิดหน่อยนะคะ เผื่อจะได้สะดวกรวดเร็วในการค้นหามากขึ้น
- รับตัวแทนไม่สต็อค
- รับตัวแทนไม่สต็อคฟรี
- รับตัวแทนไม่สต๊อก
- รับตัวแทนไม่สต็อก
- รับตัวแทนไม่สต๊อกของ
- รับตัวแทนจำหน่ายฟรี
- รับตัวแทนไม่สต็อกสินค้า
- รับตัวแทนฟรี
- รับตัวแทน
ก็ลองไปค้าหาร้าน หาสินค้าที่ต้องการจะขายให้เจอนะคะ
หากเจอร้านที่ต้องการจะขายสินค้าแล้ว ก็ให้ติดต่อ Direct message ( DM) ไปสอบถามเจ้าของร้านได้เลยว่า เขายังรับตัวแทนจำหน่ายแบบไม่สต็อกสินค้าอยู่ไหม หากเขายังรับก็ให้คุยรายละเอียดข้อตกลงกันให้ดีค่ะ
ลองคุยดูหลาย ๆ ร้านได้เลยค่ะ โดยเราไม่ได้จำกัดว่าจะต้องทำดรอปชิปให้เพียงร้านเดียว เราจะเป็นตัวแทนให้สักกี่ร้านก็ได้ แต่ว่าจัดการบริหารให้ดีนะคะ ระวังจะสับสนเอา
หาร้านรับตัวแทนบน Facebook
บนเฟซบุ๊ก (Facebook) ก็ไม่ต่างจากบน IG นะคะ เราก็ค้นหาโดยใช้คีย์เวิร์ดได้เลยเหมือนกัน
วิธีต่อไปนะคะ
นั่งคิดเลยค่ะ นอนคิดก็ได้ ว่าเราอยากจะขาย ขายอะไรดีนะ
พอคิดออกแล้วก็ค่อยไปตามหาร้านที่ขายสินค้านั้น ๆ ที่รับสมัครตัวแทนแบบ dropship หรือแม้เขาไม่ได้ประกาศรับ ก็สอบถามไปตรง ๆ เลยว่ารับไหม หรือแจ้งเขาไปเลยว่าเราต้องการจะเเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบดรอปชิปให้เขา ถ้าร้านไหนตกลงก็ลุยต่อได้เลย
ได ฯ เองก็มักจะใช้วิธีนี้เป็นส่วนใหญ่ค่ะ พอคิดออกแล้วว่าอยากจะขายอะไร ก็ค่อยไปคุยกับร้านที่เราสนใจ หากร้านไหนรับก็ค่อยเจรจาตกลงกันว่าจะแบ่งเปอร์เซ็นหรือผลกำไรแบบไหน ซึ่งก็ไม่มีใครได้ใครเสียมากนัก หากร้านมองเห็นข้อดีของการทำ dropship ส่วนมากก็ตอบตกลงมาหมดนะคะ น้อยนักที่ได ฯ จะโดนปฏิเสธ
dropship จากเจ้าใหญ่เลย
เจ้าใหญ่คือใครกันล่ะ ?
2
ซึ่งเจ้าใหญ่ในที่นี้ก็จะหมายถึง แพลตฟอร์มขายของออนไลน์เจ้าใหญ่ที่ใครก็รู้จัก ซึ่งก็จะมีหลัก ๆ ดังนี้
1. ลาซาดา (ขายปลีก) แนะนำนะคะ
2. Shopee (ขายปลีก)
3. Alibaba (ขายส่ง สินค้ามาจากจีนทั้งหมด) รอสินค้า 15 - 35 วัน
4. Aliexpress (ขายปลีก สินค้ามาจากจีนส่วนใหญ่) รอสินค้า 15 - 35 วัน แนะนำนะคะ
5. eBay แนะนำ
6. Amazon แนะนำ
ฯลฯ
จากทั้ง 4 แพลตฟอร์มร้านขายของออนไลน์ที่ยกตัวอย่างมานั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทั้ง 4 ที่นั้นเป็นเพียงตัวกลางในการซื้อขายสินค้าเท่านั้นนะคะ
ซึ่งภายในเว็บก็จะมีร้านค้ามากมายมาเปิดร้านขายสินค้าสารพัดสิ่งเลย ซึ่งมันก็มีทั้งร้าน ส่งจริง ส่งปลอม อีกนั่นแหละ แม้จะเป็นเจ้าใหญ่แต่บางทีเขาก็อาจจะไม่ได้คัดกรองผู้ขายอย่างจริงจังมากนัก
ฉะนั้นแล้วก่อนจะหยิบสินค้าจากร้านไหนมาทำการ dropship ก็อย่าลืมดูรีวิว ดูความน่าเชื่อถือของร้านด้วยนะคะ
2
สำหรับการทำ dropship จากเจ้าใหญ่นี้ก็มีสอนเป็นคอร์สเลยด้วย ซึ่งบางครั้งมันก็ค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวายหลายขั้นตอนเลย ก็คงแล้วแต่คนสอนด้วยกระมัง แต่ถ้าจะหาเรียนฟรีก็ตาม Youtube ก็มีเยอะอยู่นะคะ ได ฯ เองอาจจะไม่ขอลงรายละเอียดมากนักในส่วนนี้
เอาคีย์เวิร์ดมาฝากอีกเช่นเคยนะคะ เพื่อให้ทุกท่านไปหาข้อมูลต่อยอดกันได้ต่อ
- dropship lazada
- สมัคร Dropship Lazada
- วิธี ทำ Dropship Lazada
- Dropship lazada Pantip
- Dropship จาก Lazada
- dropship shopee
- ทํา Dropship shopee
- วิธีทํา dropship shopee
- dropship aliexpress
- dropship ebay
- dropship amazon
- dropship alibaba
นอกจากขั้นตอนการ dropship แบบปกติแล้ว ขั้นลึกลับซับซ้อนลงไปกว่านั้นก็ยังมีนะคะ ซึ่งก็เอาไว้เมื่อไหร่ทุกท่านสามารถขายแบบดรอปชิปปกติได้ดีแล้ว จะเริ่มมองเห็นช่องทางเพิ่มเอง
ยกตัวอย่างเช่น คุณเปิดร้านขายของบนทุกแพล็ตฟอร์มขายของออนไลน์ที่กล่าวมา 6 ข้อข้างต้นนั้น แล้วดรอปของจากแต่ละที่มาลงขายกันได้ มันจะมีความยากขึ้นมาอีกระดับเลยนะคะ แบบนี้นะ
เอาสินค้าจาก Aliexpress ดรอปมาขายบน LAZADA หรือ Shopee โดยระบุที่อยู่ของสินค้าเอาไว้ว่า "จัดส่งจากต่างประเทศ" พอมีลูกค้าสั่งเราก็ค่อยไปสั่งมาจากเว็บต้นทางอีกที แล้วรอของมาก็ค่อยจัดส่งให้กับลูกค้านั่นเอง
หรือเอาของจาก Aliexpress ไปขายบน eBay หรือ Amazon ก็ได้ค่ะ ขั้นตอนก็ไม่ต่างอะไรกับการดรอปไปยังลาซาดา
ขั้นตอนการดรอปชิป การหาสินค้านั้น มันอาจจะยังไม่ได้ยากเท่ากับ "การขายให้ได้" แต่รายละเอียดมันอาจจะมีดีเทลยิบย่อยมาก ๆ นะคะ การดรอปหลายชั้นแบบนี้ เช่น คุณอาจจะต้องมีเว็บไซต์ มีการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด หาสินค้า ศึกษาวิธีใช้และเงื่อนไขของแต่ละเว็บด้วย โอววววว ยาวววว
อีกวิธีที่ได ฯ ใช้ก็คือ การดรอปจากร้านจริง ๆ มีหน้าร้านค่ะ
การดรอปจากร้านจริง ๆ
ซึ่งวิธีนี้ง่ายม๊ากกกกกกกก
เวลาได ฯ ไปเดินเซนทรัล ฯ ไปเดินตลาด ไปด้านห้างต่าง ๆ นะคะ ก็มักจะแวะดูโน่น มองนี่ ช็อปเล็ก ช็อปใหญ่ดูหมดค่ะ
1
เดินไปเดินมาเจอสินค้าที่ชอบ ก็ตรงดิ่งเข้าไปคุยกับคนขายและขอคุยกับเจ้าของร้านเลยว่าเราต้องการจะสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบดรอปชิป บางร้านเขาอาจจะไม่รู้จักนะคะว่าดรอปชิปคืออะไร ก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจก่อนนะคะ
บางร้านก็หยิบสินค้านั้น ๆ มาดู ส่วนมากจะเป็นร้านที่เอาสินค้ามาฝากวาง เช่น ตามร้านหนังสือต่าง ๆ ร้านกิ๊ฟช็อป ร้านของฝาก จะมีสินค้าเยอะหน่อย ก็หยิบสินค้าที่เราสนมาดู แล้วดูชื่อร้านจริง ๆ ชื่อผู้ผลิต ดูว่าเขามีช่องทางการติดต่อทางไหนบ้าง ก็จำเอาหรือถ่ายรูปเก็บไว้ก็ได้ค่ะ
พอกลับมาถึงบ้านก็ถามพี่ Google เลยว่า ร้านนี้อยู่บนแพลตฟอร์มไหนบ้าง ช่องทางไหนสะดวกติดต่อก็ทักหรือโทรไปสอบถามและคุยกับเขาเลยยยย ร้านไหนตกลงก็ทำการดรอปตามถนัดเลยค่ะ
ข้อดี / ข้อเสีย
ข้อดีก็จะมี
1. อยากจะขายอะไรก็ได้บนโลกใบนี้ ถ้าเขาเปิดรับ dropship ก็ลุยเลย
2. ไม่ต้องลงทุนสักบาทก็ทำได้ มีคนรวยแล้วแม้จะเริ่มมาจาก 0 ก็ตาม
3. ไม่ต้องหาข้ออ้างให้ตัวเองทำไม่ได้ เพราะส่วนมากใช้แค่สมองกับเวลา เท่านั้นเอง ส่วนช่องทางในการขายก็มีให้เลือกแบบฟรี ๆ เพียบเลย
4. ไม่จำเป็นจะต้องลงทุนมากมาย ไม่ต้องผลิต นำเข้า สินค้าใด ๆ เลย
5.คิดไม่ออก
ข้อเสียก็จะมี
1. ยิ่งขายดีคนที่รวยเร็วสุดก็คือเจ้าของแบรนด์ เจ้าของร้านนั้น ๆ นั่นเอง
2. เสี่ยงมากที่จะเจอ dropship หักหลัง เพราะเเบบนี้เลย ย้ำว่าควรจะตรวจสอบร้านที่เราจะไปดรอปของมาให้ดีเสียก่อน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น คนที่จะต้องรับผิดชอบความเสียหายต่อลูกค้าก็คือเรา และหากมันเป็นของราคาสูง ชิ้นโต แล้วโดนเก่ง นั่นหมายความว่า เราก็จะสูญเงินก้อนโต เจ็บทั้งใจ เสียทั้งเวลา เสียทั้งลูกค้าอีกด้วย
3. ระวังการดรอปสินค้าที่มีการแข่งขันสูง มันจะทำให้ขายยากม๊ากกกกกกก
4. คิดไม่ออกแย้ววว
1
จบดีกว่า เขียนไปเขียนมาจะตี 2.00 น. ซะแล้ว
ขอตัวไปดูการ์ตูนก่อนนะคะ ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่านนะคะ
หากเห็นว่ามีประโยชน์ก็ช่วยกดแชร์ กดไลก์ เป็นกำลังใจให้ไดอารี่ความฝันด้วยนะคะ
โฆษณา