ผีกระสือ ตอน 2
ในเวลากลางวันกระสือหรือ(พาหะ)ของวิญญาณก็จะมีลักษณะร่างกายเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีพฤติกรรมหรืออาการแบบแปลกๆ เช่น ไม่ชอบสบตาคน เงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว บ้างก็ไม่ชอบแสงสว่างก็มี และหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
กระสือ ชอบกินของเหม็นเน่า โบราณบอกว่าเวลามันจะกินก็ต้องเปลี่ยนร่างก่อน มีรูปร่างลักษณะ แบบคนผอมดำๆน่าเกลียด ไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วจึงกินของเน่าของสกปรกด้วยความหิวโซ พอกินเสร็จแล้วจะมาเช็ดปากกับผ้าของชาวบ้านซึ่งตากทิ้งไว้ค้างคืน มีความเชื่อกันว่าถ้าเอาผ้าที่กระสือเช็ดปากไปตีกับของแข็งต่างๆแรงๆ จะทำให้กระสือปากบวมเจ่อขึ้นมา หรือถ้าเอาผ้าไปต้มปากก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนแทบทนไม่ได้ และวิธีการนี้จึงเป็นวิธีจับตัวพาหะของผีกระสือได้นั่นเองแต่มันก็ไม่ง่ายแบบนั้นเสมอไป เพราะด้วยอาคมและมนต์ดำที่กระสือมีก็สามารถเสกบรรเทาอาการเจ็บแสบได้
นอกจากนี้บางตำนานยังเล่าว่า ผีกระสือจะสิงในร่างของผู้หญิง ตอนกลางวันก็เป็นผู้หญิงทั่วๆไป แต่กลับมีพฤติกรรมคล้ายคนป่วยเจ็บออดๆแอดๆ แต่พอตกกลางคืน วิญญาณร้ายของกระสือที่สิงอยู่ในร่างกายจะบีบให้ศีรษะและอวัยวะภายในหลุดแยกออกจากร่างกาย สามารถลอยได้ โดยลอยออกไปล่าเหยื่อกินควายรวมทั้งสัตว์เล็ก ๆ เช่น กบ , หนูนา แต่จะชอบไม่ให้คนเห็นและชอบทำตัวแอบๆซ่อนๆพยายามไม่ให้ใครเจอ และไม่ทำร้ายคนก่อนนอกจากจะจนตรอกจริงๆแล้วจึงสู้ ชอบกินเครื่องในมาก
ปกติแล้วกระสือจะไม่ทำร้ายคน ว่ากันว่าเมื่อกระสือออกหากินเวลากลางคืนแล้วเมื่อพบกับคนก็จะลอยหนีหายไป ถ้าหากคนทำให้กระสือเกิดความไม่พอใจ โกรธ กระสือจะมีความแค้น อาฆาตพยาบาท เมื่อกระสือได้ชำระแค้นกับคนๆ นั้นแล้ว ก็อยู่ที่ว่าจะแค่บาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งไส้สดๆ แดงๆ หวานๆของเหยื่อที่ต้องถูกฆ่าจากการก่อกวนกระสือ จากนั้นก็ลอยไปเช็ดปากตามเสื้อที่ตากไว้ตามบ้านคน
กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายเด็ดขาด และจะต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป....