นิทานปรัมปราๆที่มีการเล่าต่อๆกันนับ 2,500 ปี
ในเวลากลางวันกระสือหรือ(พาหะ)ของวิญญาณก็จะมีลักษณะร่างกายเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีพฤติกรรมหรืออาการแบบแปลกๆ เช่น ไม่ชอบสบตาคน เงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว บ้างก็ไม่ชอบแสงสว่างก็มี และหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา กระสือ ชอบกินของเหม็นเน่า โบราณบอกว่าเวลามันจะกินก็ต้องเปลี่ยนร่างก่อน มีรูปร่างลักษณะ แบบคนผอมดำๆน่าเกลียด ไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วจึงกินของเน่าของสกปรกด้วยความหิวโซ พอกินเสร็จแล้วจะมาเช็ดปากกับผ้าของชาวบ้านซึ่งตากทิ้งไว้ค้างคืน มีความเชื่อกันว่าถ้าเอาผ้าที่กระสือเช็ดปากไปตีกับของแข็งต่างๆแรงๆ จะทำให้กระสือปากบวมเจ่อขึ้นมา หรือถ้าเอาผ้าไปต้มปากก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนแทบทนไม่ได้ และวิธีการนี้จึงเป็นวิธีจับตัวพาหะของผีกระสือได้นั่นเองแต่มันก็ไม่ง่ายแบบนั้นเสมอไป เพราะด้วยอาคมและมนต์ดำที่กระสือมีก็สามารถเสกบรรเทาอาการเจ็บแสบได้ นอกจากนี้บางตำนานยังเล่าว่า ผีกระสือจะสิงในร่างของผู้หญิง ตอนกลางวันก็เป็นผู้หญิงทั่วๆไป แต่กลับมีพฤติกรรมคล้ายคนป่วยเจ็บออดๆแอดๆ แต่พอตกกลางคืน วิญญาณร้ายของกระสือที่สิงอยู่ในร่างกายจะบีบให้ศีรษะและอวัยวะภายในหลุดแยกออกจากร่างกาย สามารถลอยได้ โดยลอยออกไปล่าเหยื่อกินควายรวมทั้งสัตว์เล็ก ๆ เช่น กบ , หนูนา แต่จะชอบไม่ให้คนเห็นและชอบทำตัวแอบๆซ่อนๆพยายามไม่ให้ใครเจอ และไม่ทำร้ายคนก่อนนอกจากจะจนตรอกจริงๆแล้วจึงสู้ ชอบกินเครื่องในมาก ปกติแล้วกระสือจะไม่ทำร้ายคน ว่ากันว่าเมื่อกระสือออกหากินเวลากลางคืนแล้วเมื่อพบกับคนก็จะลอยหนีหายไป ถ้าหากคนทำให้กระสือเกิดความไม่พอใจ โกรธ กระสือจะมีความแค้น อาฆาตพยาบาท เมื่อกระสือได้ชำระแค้นกับคนๆ นั้นแล้ว ก็อยู่ที่ว่าจะแค่บาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งไส้สดๆ แดงๆ หวานๆของเหยื่อที่ต้องถูกฆ่าจากการก่อกวนกระสือ จากนั้นก็ลอยไปเช็ดปากตามเสื้อที่ตากไว้ตามบ้านคน กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายเด็ดขาด และจะต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป....
บทความนี้จะเล่าถึงคำจำกัดความคำว่าผีตายโหง ผีตายโหง คือ คนที่เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน แบบไม่ธรรมดาตามธรรมชาติ เช่น ถูกยิง จมน้ำ รถชน ฆ่าตัวตาย เป็นต้น สำหรับการตายทั้งกลมก็ถือว่าเป็นการตายแบบตายโหงเช่นกัน ผีตายโหงจะเป็นผีที่จิตตก เนื่องจากจิตสุดท้ายก่อนตายอารมณ์ยังติดอยู่กับความหวาดกลัว ความตกใจ ความอาฆาตแค้น ความอาลัยอาวรณ์ ตายทั้งที่ยังทำใจไม่ได้ วิญญาณจึงติดอยู่ในบ่วงแห่งอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้น ไม่สงบสุข เป็นวิญญาณทรมาน ไม่ยอมรับสภาพปัจจุบันของตัวเอง เลยยังคงเที่ยวปรากฏกายให้คนได้พบได้เห็น ยิ่งถ้าเป็นผีตายโหงที่ตายขณะยังมีความอาฆาตพยาบาทจะมีความดุร้ายเป็นพิเศษ ผีตายโหงมักสิงสถิตอยู่กับที่ที่ตัวเองตาย (เช่น ผีเฝ้าถนน ตามโค้งร้อยศพ เป็นต้น) เมื่อมีคนมาตายแทนจึงจะไปผุดไปเกิดได้ และหากจะพูดถึงผีตายโหงให้เข้าใจเห็นภาพชัดๆเราต้องนึกถึง “โค้งร้อยศพ” อาจจะสามารถสันนิษฐานถึงปรากฏการณ์ความคำนึงอันแรงกล้าที่หลงเหลืออยู่ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเก้าอี้ตัวหนึ่งเคยมีใครสักคนนั่งประจำอยู่ แต่เมื่อเขารู้สึกกระหายน้ำมากๆ เขาก็จำเป็นต้องลุกจากเก้าอี้เพื่อไปดื่มน้ำ แต่หากบังเอิญมีใครสักคนมาเรียกเขาให้ไปทำธุระก่อนที่จะได้ดื่มน้ำ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะดื่มน้ำก็จะยังคงหลงเหลืออยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น หากมีใครสักคนเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น ก็จะเกิดความรู้สึกกระหายและอยากดื่มน้ำเป็นอันมากเช่นเดียวกัน การอธิบายปรากฏการณ์โค้งร้อยศพกับการเสียเก้าอี้นั่งก็ถือเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะในขณะที่ผู้ประสบอุบัติเหตุกำลังอยู่ในอารมณ์ตกใจ ความรู้สึกอันแรงกล้าเฮือกสุดท้ายก็จะยังคงหลงเหลืออยู่ ณ บริเวณนั้น ดังนั้น หากมีใครผ่านมา ณ ที่แห่งเดิมนี้อีก ก็มักจะรับเอาความรู้สึกอันแรงกล้าของผู้ตายติดมาด้วย และเป็นผลให้พวกเขาเกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกันกับวิญญาณที่เคยเสียชีวิต ณ บริเวณนี้นั่นเอง ตอนต่อไป....