Nobody

3 ปัจจัยที่ทำให้คุณเทรดแล้วยังขาดทุนอยู่ ???

3 ปัจจัยที่ทำให้คุณเทรดแล้วยังขาดทุนอยู่ 1.Method หรือ Skill set คือเทคนิคการเทรด แบ่งเป็น 2 หัวข้อ คือ 1. เทคนิค 2. ข่าว Skill set อย่างที่หนึ่งเกิดจากการใช้เทคนิคการเทรดสกิลได้ อย่างที่ 2 คือ บางคนไม่เรียนรู้เรื่องเทคนิคเลย แต่จะใช้การเทรดด้วยข่าวเป็นหลัก นึกถึงว่าอยู่ๆบอกว่าการเทรดง่ายๆที่เดียวเลือก buy เลือก sell มันก็มีช้อยแค่ 50% เป็นเรื่องตลกเสมอคนเข้ามาในการเทรดตอนเริ่มต้นเลือกฝั่งใดฝั่งหนึ่งและถูกไปเรื่อยๆก็เลยเกิดความรู้สึกมันง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาก แต่พอมีเหตุการณ์พลิกกลับกลายเป็นว่าเงินที่ได้มาดึงดูดเงินของเพื่อนในกระเป๋าออกไปมากกว่าอีกคนก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกว่ามันเป็นการพนันหรือเปล่าและสงสัยว่าเทคนิคต่างๆใช้ได้จริงไหม เราต้องเลือกกว่าเทคนิคต่างๆใช้ได้จริง มีการลงเรียนหลายเทคนิค มีลงค่าคอร์สเรียนเป็นหลักหลายแสนและมีการนั่งดู YouTube หลายอาจารย์มาก มีความรู้สึกว่าตรงนี้ก็สอนดีตรงนี้ก็น่าเก็บเทคนิคนี้ พอไปฟังอีกท่านนึงเหมือนกับเริ่มต้นจากการเรียนรู้นับหนึ่งใหม่ ก็คิดว่าไม่ใช่อย่างที่คิดก็เลยควานหาหลายๆเทคนิค ซึ่งปัจจุบันนี้เรื่องเกี่ยวกับเทคนิคการเรียนรู้ฟรีมีมากมาย Bruce Lee เป็นคนที่นักสู้ที่เก่งมากมีคำพูดกล่าวไว้ว่าการที่เขาจะไปสู้กับคู่ต่อสู้ เก่งมาหลายกระบวนท่าเขาไม่เคยกลัว เขาจะกลัวไอ้คนที่มันฝึกท่านั้นท่าเดียว ต่อยจนเก่งมันต่อยจนเก่งมันไม่เอาเข่าแล้วมันต่อยๆมาจนมันแข็งแกร่งนั่นแหละคือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว พอเราทำซ้ำๆบ่อยๆการผิดพลาดคือประสบการณ์ที่เป็นครู เรารู้ข้อผิดพลาดเราจะเริ่มทำงานง่ายขึ้น เทรดง่ายขึ้น Skill set มันเกิดจากที่เริ่มต้นฝึกซ้ำฝึกบ่อยๆ อย่าเพิ่งไปมีความรู้สึกว่าเทคนิคนี้ไม่ชนะ เทคนิคนี้ฉันไม่ชอบเลยเปลี่ยน ถ้าท่านเปลี่ยนเมื่อไหร่สิ่งที่เริ่มต้นเรียนรู้มาจะไม่มีค่าเลย วันนี้เทรดมือใหม่ที่เริ่มต้นเข้ามาช่วงแรกต้องฝึกฝน เทคนิค demand supply นักเรียนหลายคนก็ไปเรียนมาหลายเทคนิคเลยเทคนิคต่างๆมามากมายเหตุทำกำไรจากหลักพันเป็นหลักหมื่น พอเราเริ่มรู้สึกว่าเทคนิคดีที่เป็นเทคนิคที่อยู่ฝั่งเดียวกับรายใหญ่กองทุนและมีร่องรอยทิ้งไว้ มีความรู้สึกว่าทำไมเทคนิคมันเรียนเกิดเปลี่ยนแปลงจริงหรือเปล่า เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นเรื่องที่ตกใจครับว่าเทคนิคก็จะเป็นไปตามที่เรารอไม่ว่าจะเป็น buy หรือ sell ดังนั้นเทคนิคที่เราเรียนรู้ถ้าเรามีการลงลึกลงรายละเอียดและคิดว่าฝึกฝนเรียนรู้ไป เริ่มต้นจากการให้สถิติสอนเราไม่ใช่เริ่มต้นจากการอยากได้อยากมีอยากเก่งหรืออยากจะออกจากงานแล้วเพื่อเทรด ใครก็ตามที่เข้ามาด้วยความร้อนไม่รอด แต่ใครที่เข้ามาด้วยความเข้าใจฝึกฝนนี่คือสิ่งที่มีโอกาสจะสำเร็จ 2.Money Management การติดตามข่าว วันนี้มีการแถลงอะไร ค่าเงินแถลงเมื่อไหร่ต้องคอยติดตามทั้งเทคนิคต้องคอยติดตามทั้งข่าว แรกๆอาจจะคิดว่าใช่แต่พอหลังๆข่าวสารแทบไม่เคยดูกล่องข่าว รู้แต่ว่าเดือนนึงจะมี Non-Farm ในทุกๆศุกร์ต้นเดือนแค่นี้เองที่เรารู้ว่ามีนอนฟังการแถลงใหญ่ แต่ที่ผ่านมาหลังจากนั้นไม่เคยเปิดดูกล่องข่าวอีกเลยแต่สามารถทำกำไรได้จำนวนมากด้วย เราสามารถเรียนรู้และมุ่งมั่นได้ แต่ต้องใช้ความรู้สึกในการที่จะเรียนรู้ตรงนั้นอย่างจริงจัง การเรียนรู้ Skill set เต็มที่แล้วแต่พอมีความรู้มากเกิดความมั่นใจเทคนิคนี้ชัวร์ เลยเข้ามาที่ demand supply เคยออก lot น้อยๆอาจคิดว่าเสียเวลาทำไมออกได้กำไร 1% 2% 5% หลังๆ 10% 20% กำไรกันไปเลย มันจึงตามมาเรื่องเกี่ยวกับ MM หรือ Money management การบริหารในเรื่องของการออก lot ในเรื่องของเงินทุน ธรรมชาติคนเราถ้าเป็นหุ่นยนต์ หุ่นยนต์บอกว่ามีพอร์ตอยู่ 100 ทุกออเดอร์ต้องถูกบังคับเขียนโปรแกรมว่าออกแต่ละครั้งไม่เกิน 5% ถ้าเราเลวร้ายสุดเราแพ้ติดต่อกัน 20 ครั้งเราถึงจะเหลือศูนย์นี่คือ 20 ครั้งและที่ผ่านมาเรายังไม่เคยได้ยินใครโชคร้ายขนาดนั้นและยังไม่เคยเจอใครโชคดีว่าออก 20 lot แล้วถูกหมด เวลาเป็นมนุษย์มีอารมณ์มาเกี่ยวข้องจะเกิดอะไรขึ้น ออเดอร์แรกชนะจะออก lot 3% ทำไมในเมื่อเทคนิคมันชัวร์ ทำให้ท่านเกิดความมั่นใจและจะเกิดคำว่า Over trade อีกอารมณ์ของมนุษย์คือหัวเริ่มร้อน มือเริ่มสั่นอาการเริ่มหยาบเริ่มจ้องกราฟ เริ่มอยากเอาคืน เมื่อเรามี Money management และ Skill set ที่ดี ฝึกทำซ้ำๆบ่อยๆโดยอย่าเพิ่งมีความโลภ บางคนมีเพื่อนก็ทำกำไรกันมาแล้ววันที่แต่เรายังไม่ได้กำไร พวกนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความหายนะได้ตลอดเวลาเนื่องจากความเป็นมนุษย์ของเรายังไม่มีสติ Money management ทำให้เราควบคุมเกมได้ดีขึ้น ทำให้เรามีการฝึกฝนด้วยความสม่ำเสมอโดยที่ยังไม่หวังว่าจะบวกจะลบเท่าไหร่ของออเดอร์ 3.Mindset ตัวอย่าง Mindset ง่ายๆคนที่เข้ามาเรียนแรกๆมีจะพูดเสมอว่าการเทรดได้กำไรจริงหรือเปล่า แล้วพอเริ่มเข้ามามีความหวังว่าจะต้องเทรดให้ได้กำไรและเท่ากับรายได้ที่มีอยู่แล้วฉันจะออกจากงาน ปัจจุบันในสังคมเราทุกอย่างใครที่บอกว่าจะมีรายได้เท่าไหร่เราสามารถเช็คตัวเองได้ว่า Mindset หรือในเรื่องความคิดการพัฒนาของเราเหมาะสมคู่ควรหรือยัง mindset ที่เกิดจากการเทรดมีความเฉพาะเจาะจง ถ้าท่านไม่มี Mindset เพียงพอ สิ่งที่ท่านทำมาทั้ง 2 ข้ออาจจะสูญหายและอำลาจากการเรียนไปก็ได้ ดังนั้นใครที่เริ่มเข้ามาเราขอแบ่งการพัฒนาตนเองให้ 80% อยู่ใน skill set 10% อยู่ใน money management 10% อยู่ใน mindset สิ่งที่จะเห็นว่าเราเริ่มพัฒนาจากฝึกเรื่อยๆต่อไปคือความมั่นใจ ความรู้สึกว่ากล้าที่จะเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจนสุดท้ายท่านได้ช่วง Big Shot ซึ่ง mindset ของท่านต้องใหญ่เพียงพอถึงจะรองรับในรายได้ที่มากขึ้นเป็นเทรดเดอร์ full time ที่มีเวลาเยอะ เทรดน้อย

Nobody

•

1 ตอน

Nobody

ระดับความสามารถนักลงทุน ต้องมีอะไรบ้างมาดูกัน?? ระดับของนักลงทุน

3 มิ.ย. 2023 เวลา 03:00
ธุรกิจ

Forex คืออะไร?

Forex คืออะไร? Forex ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market นั่นคือ ตลาดการ ซื้อ-ขาย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ( คู่สกุลเงิน ) โดยเทรดเดอร์จะเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาและส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย(Swap) ของคู่สกุลเงินนั้นๆ โดยการเคลื่อนไหวของราคาคู่สกุลเงินต่างๆ จะขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อ (Demand) และความต้องการขาย(Supply) ของสกุลเงิน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ เช่น นโนบายทางเศรษฐกิจ การปรับอัตราดอกเบี้ย สภาวะเศรษฐกิจ ณ ตอนนั้นๆ หรือการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของแต่ละประเทศ ซื้อขายสกุลเงินอะไรได้บ้าง ในตลาด Forex เราสามารถซื้อขายสกุลเงินที่มีในโลกได้เกือบทั้งหมด แต่เทรดเดอร์ควรเลือกสกุลเงินที่ได้รับความนิยม มีปริมาณการซื้อขายมาก นั่นคือมีสภาพคล่องดีนั่นเอง เพราะสกุลเงินที่มีสภาพคล่องมาก มีการขึ้นลงของราคามาก ทำให้มีโอกาสในการทำกำไรมากกว่า และค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย(Spread) มักถูกกว่าด้วย สกุลเงินที่นิยมเทรด Forex เช่น ดอลล่าร์สหรัฐฯ(USD), ปอนด์ของอังกฤษ(GBP), ยูโรของสหภาพยุโรป(EUR), เยนของญี่ปุ่น(JPY) เป็นต้น โดยในการเทรด Forex จะมีการแบ่งเป็นคู่เงินหลัก และคู่เงินรอง ดังนี้คู่เงินหลัก (Major Currency Pair) ได้แก่ AUDUSD (Australian Dollar to American Dollar) EURCHF (Euro to Swiss Frank) EURGPB (Euro to British Pound) EURJPY (Euro to Japanese Yen) EURUSD (Euro to American Dollar) GBPCHF (British Pound to Swiss Frank) GBPJPY (British Pound to Japanese Yen) GBPUSD (British Pound to American Dollar) NZDUSD (New Zealand Dollar to American Dollar) USDCAD (American Dollar to Canadian Dollar) USDCHF (American Dollar to Swiss Frank) USDJPY (American Dollar to Japanese Yen) คู่เงินรอง (Minor Currency Pair) เช่น AUDCAD, CADJPY, EURAUD และ CADCHF เป็นต้น โดยคู่เงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด Forex คือ EURUSD, USDJPY, GBPUSD, USDCHF ซึ่งเทรดเดอร์จะเลือกเทรดคู่สกุลเงินไหนก็ได้ขึ้นกับเทคนิคและความชอบส่วนบุคคล ทำกำไรในตลาด Forex อย่างไร 1.เป็นตลาดที่มี Leverage คือ สามารถใช้เงินลงทุนจำนวนน้อย เพื่อทำกำไรได้มาก 2.เปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ในวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่แต่ละคู่สกุลเงินจะวิ่งแรงในเวลาต่างๆกันตามเวลาเปิดปิดของตลาดในประเทศนั้นๆ เช่น ตลาดออสเตรเลีย/เอเชีย (AUD, JPY) วิ่งแรงช่วงเช้า ตลาดยุโรป(EUR) วิ่งแรงช่วงบ่าย ตลาดอเมริกา(USD) วิ่งแรงช่วงค่ำ เป็นต้น 3.ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง 4.มูลค่าการซื้อขายต่อวันมากที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูงมาก 5.ทำกำไรที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีบัญชีเทรด คอมพิวเตอร์หรือมือถือ พร้อมสัญญาณอินเตอร์เน็ต และเป็นอาชีพที่ไม่มีเพดานรายได้ รายได้จะขึ้นอยู่กับความรู้ ทักษะของตัวเราเอง ต้องการเริ่มต้นเทรด Forex ทำอย่างไร จากที่กล่าวมาว่าตลาด Forex เป็นตลาดที่มีข้อดีมากมายทั้งสามารถทำกำไรได้ 24 ชั่วโมง มี Leverage ใช้เงินน้อยเพื่อหาเงินมากได้ แต่การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ยิ่งถ้าการลงทุนนั้นสามารถทำเงินได้เร็ว หมายความว่ามีโอกาสที่จะสูญเสียเงินไปได้เร็วเช่นเดียวกันตามหลักการ High Risk High Return เพราะฉะนั้นหากต้องการเข้ามาเก็งกำไรในตลาด Forex จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในตลาด ถึงจะสามารถอยู่รอดและทำกำไรจากตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน โดยพื้นฐานควรมีความรู้ดังนี้ 1.มีเทคนิคหรือระบบเทรดที่ดี โดยจะต้องมีการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค และควรเป็นเทคนิคที่มี Win rate สูง คือมีอัตราการชนะมากกว่าแพ้ หรือควรมี Reward to Risk Ratio (R:R) สูงด้วย คือมีระยะการทำกำไรมากกว่าระยะตัดขาดทุน 2.มีการบริหารเงินทุนที่ดี (Money Management) เพราะหากไม่มีการบริหารเงินทุน มีการ Overlot คือการเทรดเกินความเสี่ยงที่รับได้ อาจทำให้เทรดเดอร์สูญเสียเงินทุนจำนวนมาก ในเวลาอันสั้นได้ 3.มี Mindset ที่ดีในการเทรด และเข้าใจจิตวิทยาการเทรด 4.เลือกเปิดพอร์ตการลงทุนกับโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะหากเราเทรดทำกำไรได้ แต่ไม่สามารถถอนเงินจากพอร์ตการลงทุนได้ก็เท่ากับศูนย์ ซึ่งปัจจุบันมีโบรกเกอร์จำนวนมากที่เข้ามาทำการตลาด เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์จึงต้องเลือกโบรกเกอร์ที่เป็น A-book มีใบรับรอง Lisense ที่ถูกต้อง และมีประวัติหรือมีการรีวิวจากลูกค้าที่ดี

Nobody

•

1 ตอน

Nobody

ระดับความสามารถนักลงทุน ต้องมีอะไรบ้างมาดูกัน?? ระดับของนักลงทุน

3 มิ.ย. 2023 เวลา 03:00
ธุรกิจ

61 รับชม

Nobody

หน้าหลัก

โพสต์ที่ได้ดาว

วิดีโอ

พอดแคสต์

ซีรีส์

3 ปัจจัยที่ทำให้คุณเทรดแล้วยังขาดทุนอยู่ ???

Forex คืออะไร?

ระดับของนักลงทุน จะแบ่ง Level ของนักลงทุนออกเป็น 5 ระดับดังนี้

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน