27 พ.ย. 2018 เวลา 05:46 • ธุรกิจ
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ตอนที่ 4 : Let’s expand
จากตอนที่แล้ว หลังจาก thefacebook online ไปได้ไม่นาน นักศึกษาทั่วทั้ง มหาลัย ก็แห่กันมาใช้ thefacebook กว่า 5,000 คน คำว่า “คุยกันต่อใน facebook”  กลายเป็นเรื่องปรกติของนักศึกษาในมหาลัย ฮาร์วาร์ด
Let's expand
สิ่งที่ thefacebook ทำและต่างจาก social network อื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วอย่าง friendster หรือ myspace นั่นคือ เวลาที่ใช้งานของ user ซึ่งใครที่ใช้ facebook ในช่วงแรก ๆ นั้น เรียกได้ว่าติดหนึบ เลยทีเดียว ต้องมาคอย refresh รอดู activity ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแทบทุกนาที นี่คือ พลังของ social network ที่เป็น เครือข่ายสังคมที่แท้จริง
หยุดการเผยแพร่ thefacebook เดี๋ยวนี้ !!!
อย่างที่เกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว ด้วยความดังของ thefacebook ทำให้หนังสือพิมพ์ เดอะ คริมสัน นั้นประโคมข่าว ความสำเร็จนี้ไปทั่ว มีการสัมภาษณ์ ผู้ก่อตั้งอย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เพื่อเทิดทูนความสามารถของเขา ที่ทำให้ thefacebook กลายเป็นชุมชม online ของเหล่านักศึกษาอย่างแท้จริง
ชื่อมาร์ค ดังไปทั่วทั้งมหาลัยฮาร์วาร์ด มีแต่คนอยากรู้จัก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เป็นคนที่แทบจะอยู่ในหลืบมุมมืดของ ฮาร์วาร์ด ไม่มีใครเคยสนใจ สาว ๆ เริ่มถามหามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก อยากทำความรู้จัก จนไปถึงขั้น อยากออกเดทกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กเลยด้วยซ้ำ
แต่อีกมุมหนึ่งนั้น คนที่โมโห หัวฟัดหัวเหวี่ยง ที่สุด น่าจะเป็นสองพี่น้อง Winklevoss และ divya narendra พาร์ทเนอร์ธุรกิจ ที่หวังจะทำให้ harvard connection กลายเป็นธุรกิจเริ่มต้นของตัวเอง เพื่อสร้างตัว แต่กลับถูก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ขโมย ไอเดียไปสร้าง thefacebook เสียอย่างงั้น
แจ้งให้หยุด thefacebook เดี๋ยวนี้
ทั้งสามจึงต้องรีบทำอะไรซักอย่าง เพื่อหยุดยั้ง thefacebook โดยเริ่มจากปรึกษา พ่อ ของพี่น้อง winklevoss เป็นลำดับแรก และได้รับคำแนะนำจากทีมกฏหมายของพ่อ ให้ส่งหนังสือ notice ไปยัง มาร์ค เพื่อให้หยุดเผยแพร่ thefacebook เป็นอย่างแรก
หลังจากมาร์ค ได้รับหนังสือทางกฏหมายเพื่อให้หยุดเผยแพร่ แต่ดูเหมือนมาร์ค จะไม่สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะคิดว่า thefacebook นั้นต่างกับ havard connection ของ winklevoss อยู่มาก และไม่มี code ส่วนใด ที่นำมาจากโครงสร้างเดิมของ harvard connection เดิมเลย
แต่คนที่สนใจเรื่องนี้กลับเป็น เอดูอาร์โด ซาเวริน  ผู้ร่วมก่อตั้ง thefacebook และควบตำแหน่ง CFO ที่ดูจะร้อนรน กับหนังสือแจ้งให้หยุดเผยแพร่ดังกล่าว เพราะอ่านดูแล้ว มันค่อนข้างซีเรียส และ ถูกเขียนมาด้วยทนายมืออาชีพ ที่เตรียมจะฟ้องร้อง มาร์ค หากไม่ทำการหยุดเผยแพร่
แต่แม้ เอดูอาร์โด ซาเวริน จะกระวนกระวายใจอย่างไรก็ตาม เค้าก็ยังเชื่อใจมาร์ค ว่าการสร้าง thefacebook นั้น แทบจะไม่เหมือน idea ของ harvard connection แต่ thefacebook นั้นเป็นการรังสรรค์ ใหม่ขึ้นมาของมาร์คแทบจะทั้งสิ้น
เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง ทางฝั่ง พี่น้อง winklevoss ก็พยายามตามตัวมาร์ค เพื่อมาคุย แต่มาร์คก็หลบหนีตลอด เลี่ยงการพูดคุยโดยตรงกับ winklevoss จน ต้องใช้วิธีสุดท้ายคือ เข้าพบอธิการบดีฮาร์วาร์ด ซึ่งคือ แลร์รี่ ซัมเมอร์ อดีต รัฐมนตรีคลังของสหรัฐอเมริกา ที่มารับตำแหน่งเป็นอธิการบดีของฮาร์วาร์ด
ฟ้องถึงอธิการบดี ก็ยังไม่เป็นผล
ซึ่งการได้พบกับ แลร์รี่ ซัมเมอร์ นั้นสองพี่น้องก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกระลอก เนื่องจาก แลร์รี่ ซัมเมอร์ นั้นมองว่า มันเป็นเรื่องของนักศึกษาทีมีปัญหากันเอง มหาลัย ไม่สามารถเข้าไปช่วยเรื่องนี้ได้ และได้พูดประโยคเด็ดคือ “นี่ไม่ใช่วิถีทางของฮาร์วาร์ด จิตวิญญาณของฮาร์วาร์ด คือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ  พวกคุณควรไปสร้างสิ่งใหม่แทน อย่าไปยึดติดกับสิ่งเดิม”  ทำให้สองพี่น้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปไม่น้อย ที่ไม่สามารถทำอะไรมาร์คได้เลย หลังจากใช้หลายวิธีแล้ว
Let’s expand
มันเป็นความคิดตั้งแต่แรกของมาร์ค อยู่แล้ว ที่ไม่ได้สร้าง thefacebook ขึ้นมาเพื่อใช้เพียงแค่นักศึกษา ฮาร์วาร์ด แต่เค้าต้องการที่ให้นักศึกษา ทั่วสหรัฐ อเมริกาได้ใช้ platform นี้ ซึ่งมันพิสูจน์แล้วว่า work!! ที่ ฮาร์วาร์ด
การที่นักศึกษาทั่วฮาร์วาร์ด ติด thefacebook กันงอมแงม ขนาดนี้ นั้นเป็นการ design มาอย่างดีของ thefacebook ที่จะนำเอาชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยยัดมาลง online และ platform ที่เป็นเว๊บไซต์ขณะนั้น เป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะขยายไปยังมหาลัยอื่น  ๆ
แผนแรกคือ การกระจายไปที่มหาลัยท็อป ๆ ของอเมริกาก่อน เช่น เยล โคลัมเบีย สแตนฟอร์ด เป็นต้น ซึ่งการที่จะทำให้บรรลุแผนการดังกล่าว ดูเหมือนว่าการที่จะทำการสองคนกับ เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นน่าจะเกินกำลังของทั้งคู่แล้ว จึงเป็นที่มาของการเพิ่มทีมงาน
ขยายกิจการเน้นไปที่มหาวิทยาลัยระดับท็อปก่อน
โดยทีมงานชุดแรก ก็เอาคนใกล้ตัวก่อนเลยคือ ดัสติน มอสโกวิทซ์  และ คริส ฮิวจ์ เพื่อนร่วมห้อง หรือ roomate ของ มาร์ค นี่แหละโดย ดัสติน มอสโกวิทซ์ นั้นแม้จะเรียน แต่เศรษฐศาสตร์ แต่เป็นอัจฉริยะ ด้านคอมพิวเตอร์ จึงให้มาเป็น หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี และมาเขียนโค้ด ช่วยเหลือ มาร์ค
สี่ทีมงานชุดแรกของ thefacebook
ส่วน คริส ฮิวจ์ นั้นดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ หรือ PR เพื่อให้ facebook ดังกระฉูดกว่าเก่า โดยจะแบ่งหุ้นให้ โดยจะตัดจากส่วนแบ่งของมาร์ค ไปให้ ส่วน  เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นจะดูและเรื่องการเงิน และเป็น CFO ของบริษัท และคงหุ้นไว้ที่ 30% ตามเดิม
เมื่อได้ทีมที่สมบูรณ์พร้อมขยายกิจการแล้วนั้น thefacebook ก็พร้อมแล้วที่จะกลายเป็น social network อันดับหนึ่งของอเมริกา แทน social network ปลอม ๆ อย่าง friendster หรือ myspace  และก้าวสำคัญที่สุดก้าวหนึ่ง คือการไปเปิดตลาดที่มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นการบุกเข้าใกล้ซิลิกอน วัลเลย์ครั้งแรก ที่ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพดัง ๆ อย่าง yahoo , google  จนกลายเป็นบริษัทหมื่นล้านเหรียญมาแล้ว
และยังเป็นที่มาของการไปเจอตัวละครที่สำคัญโครต ๆ อย่าง ฌอน ปาร์คเกอร์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง napster และเป็น แบดบอย แห่ง ซิลิกอน วัลเลย์ ผู้ซึ่งจะมาปลุก thefacebook จาก startup เล็ก ๆ ให้กลายเป็น บริษัทมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ แล้วอะไรที่เป็นพรหมลิขิต ให้ทั้งคู่มาพบเจอระหว่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เด็กเนิร์ดจาก ฮาร์วาร์ด และ ฌอน ปาร์คเกอร์ แบดบอย แห่งซิลิกอน วัลเลย์ โปรดติดตามในตอนต่อไป
อ่านตอนที่ 5 : The GodParker
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา