27 พ.ย. 2018 เวลา 23:09 • ธุรกิจ
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ตอนที่ 5 : The GodParker
หลาย ๆ คนอาจจะรู้จัก ฌอน ปาร์กเกอร์ (Sean Parker) ผู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรี จากเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บริการแชร์ไฟล์เพลงชื่อดัง อย่าง napster ร่วมกับ ชอว์น แฟนนิ่ง โดยเป็นการก่อตั้งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แต่สร้าง effect มหาศาลให้กับอุตสาหกรรมดนตรีทั่วโลก  ซึ่ง napster นั้นประสบความสำเร็จใหญ่หลวงในการบรรลุเป้าหมาย ในการปลดปล่อยอิสระ แก่วงการเพลง และอีกทางหนึ่งก็เป็นการ disrupt ธุรกิจเพลงสมัยเก่าอย่างสิ้นซาก ดังที่จะเห็นในวันนี้ว่า แทบจะไม่มีร้านขาย CD เพลงอีกต่อไป จากเดิมที่เคยเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่
The GodParker
แม้สุดท้ายนั้น napster จะถูกฟ้องร้องจากค่ายเพลงจำนวนมาก จนถึงกับล้มละลาย เพราะเป็นบริการแชร์ไฟล์ ที่ผิดกฏหมาย แต่มันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการเพลงอย่างชัดเจน การซื้อขายเพลงรูปแบบเก่าที่เป็นแบบ physical CD แทบจะหายไปจากตลาด และได้กลายมาเป็นระบบดิจิตอลแทนทั้ง จนถึงวันนี้ก็ได้พัฒนามาเป็น บริการด้าน streaming อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
napster ที่เคยล้มละลายไม่เป็นท่าหลังจากถูกฟ้องร้อง
หลังจากจบไม่สวยกับ napster นั้น ฌอน ปาร์กเกอร์ ก็พยายามที่จะรังสรรค์ สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยปรับปรุงตัวใหม่จากหนุ่มเสเพลย์ ให้กลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว แล้วเริ่มสร้างบริการนามบัตรออนไลน์ ในชื่อ “แพล็กโซ” บริษัที่ ฌอน ปาร์กเกอร์  หวังว่าจะลบภาพลักษณ์เดิม ๆ ของเค้าจากความล้มเหลวที่ napster ให้กลับมายิ่งใหญ่ใน ซิลิกอน วัลเลย์ ได้อีกครั้ง
plexo ความล้มเหลวอีกครั้งของ ฌอน ปาร์คเกอร์
แต่ทุกอย่างที่เค้าฝัน ก็ต้องพังทลายอีกครั้ง เมื่อถูก บริษัทลงทุน อย่าง เซคัวเอีย แคปปิตอล ของ ไมเคิล มอริตซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เค้าชักนำเข้ามาเองให้มาลงทุนกับ แพล็กโซ นั้น ถีบเค้าออกจากบริษัท และยึดบริษัทไปครองเป็นของตัวเองแทน เนื่องจากปัญหาหลายอย่างในความไม่ลงรอยกันระหว่าง ฌอน ปาร์กเกอร์ กับ ไมเคิล มอริตซ์ ซึ่งเป็นที่มาของการที่จะต้องหาบริษัทใหม่ ที่กำลังเกิดอยู่ที่ไหนซักแห่ง อีกครั้งเพื่อมากู้หน้าตัวเอง และสั่งสอนพวกบริษัทลงทุนเหล่านี้ ที่เหมือนขโมยบริษัทของเขาไปต่อหน้าต่อตา ได้อย่างเจ็บแสบที่สุด
ชั้นจะตามหานายให้เจอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
แม้จะผ่านมาช่วงหนึ่งแล้วหลังจากที่เค้า โดนถีบออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้งอย่าง แพล็กโซ แต่ ฌอน ปาร์กเกอร์ ก็ยังคงวนเวียน อยู่แถบ แคลิฟอร์เนียร์ รวมถึง ซิลิกอน วัลเลย์ แม้โดยทฤษฏี แล้วนั้น เค้าก็ยังถังแตกอยู่ จากสองบริษัทแรก แต่ ก็มีชื่อเสียงพอควร ในแถบ ซิลิกอน วัลเลย์ มีเพื่อนเป็นเศรษฐีมากหน้าหลายตา ที่เค้าสนิทด้วย ซึ่งชีวิตช่วงนั้น ก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการปาร์ตี้ รวมถึง มองหา startup ที่น่าสนใจ ที่จะทำให้เค้าสามารถที่จะกลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง และมันต้องไม่ล้มเหลวแบบสองครั้งแรก
ซึ่งในช่วงปี 2003-2004 นั้น ความ hot มันอยู่ที่เครือข่ายสังคม online ที่เว๊บเกิดขึ้นมากมายแล้ว ตัวอย่างเช่น friendster หรือ myspace  ซึ่ง ฌอน ปาร์กเกอร์ มองว่าเป้าหมายถัดไปของตัวเองต้องเป็นเครือข่ายสังคมซักตัว ที่จะมาเปลี่ยนโลกได้ มันต้องเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ลำดับถัดไปอย่างแน่นอน หลังจาก ที่ google ทำสำเร็จมาแล้วกับ search engine
มีสัมพันธ์ที่ดีกับ peter thiel
และส่วนนึงเค้าก็ยังมีการสร้างความสัมพันธ์กับ friendster ไว้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแนะนำ บริษัทลงทุน หรือ VC ไปให้กับผู้ก่อตั้ง friendster  เพราะ connection มากมายหลายคนที่สนิทในวงการจากการทำ startup 2 ตัวแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับ ปีเตอร์ ธีล ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้ง paypal ทีกำลังก่อร่างสร้างตัวกับธุรกิจใหม่ในบริษัท VC เหมือนกัน
และในเดือน มีนาคม ปี 2004 หลังจากจบปาร์ตี้อย่างเมามันของคืนก่อน เค้าก็ตื่นขึ้นมาในห้องของสาวนักศึกษาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่น่าจะควงกันมาจากปาร์ตี้ โดยที่แทบจะจำอะไรไม่ได้ แต่รู้ว่าต้องเป็นห้องของผู้หญิงอย่างแน่นอน สมฉายา แบดบอย แห่ง ซิลิกอน วัลเลย์ ที่ควงผู้หญิงเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อยๆ
หลังจากหายจากอาการเมาจากเมื่อคืน เค้าก็ลุกมานั่ง และพบว่า บนโต๊ะ ข้างที่นอน มีโน๊ตบุ๊คที่ยังคงเปิดค้างอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่โน๊ตบุ๊คของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งถึงเวลาที่ ฌอน ปาร์กเกอร์ ต้องเช็คเมล์ ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่เค้าต้องทำในทุก ๆ เช้าอยู่แล้ว
เมื่อเขาคว้าโน๊ตบุ๊กมาวางบนตัก แล้วพบเว๊บไซต์หนึ่ง online อยู่ แล้วเค้าก็พยายามเลื่อนเว๊บลงมาเพื่อตรวจสอบ แต่ต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่เซอร์ไพรซ์ เขาเป็นอย่างมาก เค้าไม่เคยเห็นเว๊บไซต์แนวนี้มาก่อน มันดูเรียบง่าย มีรูปโปรไฟล์ของเจ้าของ account โชว์อยู่ ทุกอย่างดูดี ด้วยสีฟ้าของ แถบด้านบน มันดูไม่รกตา มี profile ของสาวดังกล่าว มีรายชื่อเพื่อน ๆ ของเธอ เพลงที่เธอชอบ รวมถึงหนังสือ ที่เธอชอบ วิชาที่กำลังลงทะเบียนเรียน
1
ชั้นจะตามหานายให้เจอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
ซึ่งทุก activity ในเว๊บนั้นมามาจากเพื่อนของเธอจริงๆ มันคือ เครือข่ายสังคมของจริง ที่ขับเคลื่อนชีวิตในมหาลัย  ฌอน ปาร์กเกอร์ ตาเบิกโพลง ในที่สุดเค้าก็เจอสิ่งที่เค้าต้องการแล้ว นี่แหละ คือสิ่งที่เค้าตามหา social network ที่เป็นเครือข่ายสังคมจริง ๆ มันชัดเจนมาก ชีวิตในมหาลัย มันเป็นกลุ่มคนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และยังเป็นช่องว่างของตลาดที่ตอนนั้น friendster หรือ myspace ยังไม่นึกถึง เมื่อเลื่อนมาตรงสุดท้ายที่ footer ของหน้าเว๊บ มันเขียนไว้ว่า “ผลงานของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก”
“นี่มันคือสิ่งเดียวกันชัด ๆ ที่ผมอยากจะทำ นี่มันต้องเป็นสิ่งที่พลิกโลก ได้อย่างแน่นอน มันต้องกลายเป็นบริษัท มูลค่าหลายพันล้านเหรียญ แล้วชั้นจะตามหานายให้เจอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก”  ฌอน ปาร์กเกอร์ กล่าว
The GodParker
หลังจาก thefacebook เปิดให้ใช้งานมา กว่า 3 เดือนครึ่ง กระจายไปยังหลาย ๆ มหาลัย ทั่วสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้งานสูงถึงกว่า 75,000 คนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปรกติที่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต้องเพิ่มมากขึ้นตาม ค่า server ต่าง ๆ ที่ต้องรองรับการใช้งานเพิ่มขึ้นในส่วนนี้นั้น ก็ต้องใช้ของ เอดูอาร์โด ซาเวริน ที่เป็นนายทุนหลักของ thefacebook กว่าหลายพันเหรียญ
เพราะฉะนั้นในฐานะ CFO การปล่อยให้เงินไหลออกไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีรายรับเข้ามาคงไม่ดีแน่ เอดูอาร์โด ซาเวริน จึงได้เริ่มทำการออกตระเวนหาสปอนเซอร์ ที่จะเข้ามาสนับสนุน เว๊บไซต์ ผ่านการโฆษณา จึงได้จัด Business Trip เพื่อไปที่นิวยอร์ค ร่วมกับ มาร์ค และ แฟนสาวของเอดูอาร์โด ซาเวริน (เคลลี่) ที่จะมาเยี่ยมครอบครัวที่นิวยอร์กพอดี
แม้ เอดูอาร์โด ซาเวริน จะพยายามนัดหาพาร์ทเนอร์ เพื่อมาลงโฆษณากับ thefacebook กับธุรกิจหลายราย แต่มันไม่เคยเป็นไปด้วยความราบรื่นเลย เพราะมาร์ค นั้น ไม่ได้อยากจะให้ เว๊บมีโฆษณา ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าทิศทางของเว๊บ จะเป็นยังไงต่อไป โดยเอาแต่หลับ หรือ เงียบกริบ เมื่อพูดคุยเรื่อง ธุรกิจกับ เหล่า สปอนเซอร์ที่คาดว่าจะเป็นลูกค้า thefacebook
thefacebook ต้องมีโฆษณามาหล่อเลี้ยง
แม้สถิติ การใช้งานทุกอย่างจะดูดี ผู้ใช้งาน thefacebook นั้น มีแนวโน้มที่จะเข้ามาใช้อีกกว่า 67% แต่ในช่วงนั้นก็ต้องยอมรับว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ แบบที่ thefacebook ทำนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ ที่เหล่านักธุรกิจต่าง ๆ ยังไม่เข้าใจ ว่าจะใช้ประโยชน์จากมันยังไง
แต่มีการนัดกับคน ๆ หนึ่ง ที่มาร์คให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยจัดขึ้นที่ร้านอาหารจีนสุดหรู แห่งหนึ่ง กลางเมืองนิวยอร์ก ซึ่งเค้าคนนั้นก็คือ ฌอน ปาร์กเกอร์  ผู้ที่ในที่สุดก็ตามหามาร์ค จนเจอนั่นเอง แต่ดูเหมือน  เอดูอาร์โด ซาเวริน จะกังวลกับ นัดครั้งนี้อยู่มาก เพราะชื่อเสียงที่ย่ำแย่ของ ฌอน ปาร์กเกอร์  ที่เคยทำ 2 ในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอินเตอร์นั้น พังพาบมาแล้วกับมือ ซึ่ง เอดูอาร์โด ซาเวริน เองก็ไม่รู้ว่าทำไม ฌอน ถึงอยากพบเจอกับพวกเขา
เมื่อ ฌอน มาถึง แม้จะสายกว่าเวลานัดไปมาก แต่ดูเหมือน มาร์ค จะตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้พบกับ ฌอน ซึ่งถ้ามองในเรื่อง computer แล้วนั้น ฌอน ถือเป็นเทพแห่งวงการ เป็น hacker มือฉมัง จึงไม่แปลกใจที่ มาร์ค จะดูเหมือน เทิดทูน ฌอน เป็นอย่างมาก ผิดกับ เอดูอาร์โด ซาเวริน ที่มองแต่ด้านธุรกิจ รวมถึง ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ เรื่อง เหล้ายา เป็นหนุ่ม ปาร์ตี้ และเป็น แบดบอย แห่ง ซิลิกอน วัลเลย์
ในสายตาของ มาร์คแล้วนั้น ฌอน คือเทพเจ้าดี ๆ นี่เอง การพูดคุยกันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง facebook เลย เป็น ฌอน ที่ร่ายยาว ประวัติส่วนตัว การผจญภัย ในซิลิกอน วัลเลย์ของเขา ตั้งแต่การก่อตั้ง napster ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ การถูกฟ้องล้มละลาย มาสร้างบริษัทใหม่อย่าง แพล็กโซ ซึ่งหวังจะกู้ชื่อกลับมา แต่สุดท้าย ถูกถีบส่งทิ้งอย่างไม่ใยดี อย่าเรียกว่า business meeting เลย เป็น ฌอน ปาร์กเกอร์โชว์ เสียมากกว่า เพราะมีการคุยกันเรื่อง facebook เพียงนิดหน่อย เป็นการถามข่าวคราวอัพเดทล่าสุดเพียงเท่านั้น แล้วเค้าก็จากไป โดยสัญญากับมาร์คว่าจะหาทางพูดคุยกันต่ออีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
มาร์ค มอง ฌอน เหมือนเป็นเทพเจ้าในขณะนั้น
จบการคุยกัน มาร์ค ถึง กับยังตาค้างอยู่กับ ความเทพ ที่พ่นออกมาจากปากของ ฌอน แม้ว่า ฌอน จะกลับไปนานแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนสีหน้าปลาบปลื้มของมาร์ค นั้น ยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้าของเขาเลย ซึ่งไม่ใช่คำเกินเลย หากจะเรียก ฌอน ว่า The GodParker ของมาร์ค ตอนนี้ ฌอน เข้าไปอยู่ในใจมาร์ค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอแค่ว่าจะมีโอกาสได้คุยกันอีกครั้งเมื่อไหร่ก็เท่านั้น
ส่วน เอดูอาร์โด เองก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำอย่างไรกับ เว๊บไซต์นี้ดี จะทำเงินกับมันได้อย่างไร เพราะตอนนี้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่เว๊บ ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำเงินได้เลย และที่สำคัญคือ มาร์ค ยังมอง thefacebook เป็นเพียงเรื่องสนุก ความ cool  ความเจ๋งเท่านั้น ไม่ได้คิดถึงเรื่อง business ใด  ๆ
และอีกอย่างนึงก็คือ ขณะนี้ก็ใกล้ช่วงปิดเทอมแล้ว ซึ่งมาร์ค กับทีมนั้นมีแผนการที่จะพาทีมไปยัง ซิลิกอน วัลเลย์ เพื่อไปซึมซับบรรยากาศการทำงาน และเข้าใกล้แหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ส่วน เอดูอาร์โด นั้นเนื่องจากยังไม่เห็นทีท่าว่าเว๊บจะทำเงินได้อย่างไร จึงเลือกไปฝึกงานตามคำแนะนำของพ่อที่นิวยอร์ค แทน และใช้เวลาว่าง คอยหาสปอนเซอร์ ที่ส่วนใหญ่มีฐานบริษัทอยู่แถบนิวยอร์คแทบทั้งสิ้น
เค้าจึงคิดว่าการปล่อยมาร์ค กับทีมไปครั้งนี้คงไม่ได้เกิดปัญหาอะไร และเค้ายังลงเงินไปอีกกว่า 10,000 เหรียญ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของทีม ซึ่งใครจะไปคิดว่านี่ถือเป็นความคิดที่ผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ เอดูอาร์โด ทำ เพราะการไปบุก ซิลิกอน วัลเลย์ของมาร์คกับทีม โดยที่ตัวเองแยกมาที่นิวยอร์กคนเดียวในครั้งนี้นั้น ทำให้มาร์ค และ  thefacebook เปลี่ยนไปตลอดกาล แล้วเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนในช่วงปิดเทอมนั้น จะเปลี่ยนอะไรได้มากมายที่ ซิลิกอน วัลเลย์ โปรดติดตามตอนต่อไป
อ่านตอนที่ 6 : Silicon Valley Effect
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา