3 ม.ค. 2019 เวลา 03:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
แบคทีเรียจรจัด: ตอนที่​ 1 วิธีตายสุดฮิตของคนรุ่นใหม่
1
ไม่ว่าตอนแรกคุณจะป่วยเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคอะไรก็ตาม​ จุดจบของคุณจะเหมือนกัน
1
มันคือความเสมอภาคที่ไม่มีใครอยากได้​
ถ้าไม่นับการตายผิดธรรมชาติอย่าง​ ฆาตกรรม​ ฆ่าตัวตาย​ อุบัติเหตุ​ หรือภัยธรรมชาติ​แล้ว​ สาเหตุการตายยอดนิยมในอดีตก็คงหนีไม่พ้น หัวใจวาย
ซึ่งอันที่จริงคือแพทย์ไม่รู้จะเขียนว่าตายเพราะอะไรกันแน่​ จึงเขียนไปว่าหัวใจวาย​ ซึ่งก็แทบไม่ต่างกับเขียนว่าตายเพราะหัวใจหยุดเต้น​ (ถ้าไม่หยุดเต้นก็คงไม่ตายหรอก!)
1
สาเหตุการตายในอดีตของไทยจึงเชื่อถือไม่ได้​ ใครมาเห็นสถิติคงนึกว่ามีการใช้เดธโน้ต​ (ใครไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็ขออภัยครับ)​ ถึงได้ตายเพราะหัวใจวายกันเกือบทุกคน
2
จนถึงยุคที่ผมพึ่งเรียนจบ​ ประมาณ​ 15​ ปีที่แล้ว​ ถึงเริ่มมีการเน้นให้ระบุสาเหตุการตายที่ถูกต้อง​ ต้องระบุภาวะต่าง​ ๆ​ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตต่อกันเป็นทอด​ ๆ​ เช่น
1
ผู้ป่วยเสียชีวิตเนื่องจากช็อคจากการเสียเลือดเนื่องจากหลอดเลือดที่หลอดอาหารแตกเนื่องจากโรคตับแข็งซึ่งเป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง
2
ในกรณีนี้สาเหตุการตาย​ (cause of death) คือโรคตั้งต้นซึ่งก็คือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง​
เมื่อสถิติการของการตายถูกต้อง​ ก็จะเป็นประโยชน์ในทางสาธารณสุข​ สามารถทราบได้ว่าโรคใดก่อให้เกิดความสูญเสียมาก​ จะได้ดูแลป้องกันเป็นพิเศษ
2
ส่วนการช็อคจากการเสียเลือดเป็นเพียงวิธีตายหรือรูปแบบการตาย​ (mode of death) ซึ่งเราให้ความสำคัญน้อยกว่า
1
หากเปรียบกับการฆาตกรรม​ สาเหตุการตายก็คงเทียบได้กับว่าฆาตกรคือใคร​ ส่วนรูปแบบการตายเปรียบได้กับวิธีฆ่า​ เช่น​ บีบคอ​ วางยา​ ใช้อาวุธ
2
สาเหตุการตายยอดนิยมปัจจุบันเป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อ​ พวกมะเร็ง​ หรือโรคหัวใจหลอดเลือด
ในอดีตทั่วโลกรวมไปถึงปัจจุบันบางประเทศที่สาธารณสุขยังไม่ดี โรคติดต่อ​หรือโรคติดเชื้อเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง​ สาเหตุการตายหลัก​ ๆ​ คือท้องร่วงกับปอดบวม
2
หันไปมองรอบ​ ๆ​ ตัว​ เพื่อนร่วมรุ่นในวัยเด็กของเรา​ มีใครเสียชีวิตแต่เด็กบ้าง​ แทบไม่มีเลย​ ถ้ามีก็มักเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ​ หรือพวกโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เราอาจได้ยินข่าวเรื่องการใช้ธรรมชาติบำบัด​ หรือไสยศาสตร์ โดยไม่พึ่งการสาธารณสุข​ ยา​ หรือวัคซีน​
จงขอบคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ใช้วิธีนั้นกับเรา​
ภูมิคุ้มกันของเราไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก ถ้าปล่อยตามมีตามเกิด​ เพื่อน​ ๆ​ ในวัยเด็กของเราครึ่งหนึ่งจะถูกเชื้อโรคพรากชีวิตไป​ ไม่ได้อยู่รอดจนถึงวัยผู้ใหญ่​ หากไม่ใช่เพราะว่าเรามีน้ำสะอาด​ มีส้วม​ มีวัคซีน​ มียาปฏิชีวนะ​ รวมถึงวิธีการรักษาอื่น​ ๆ
4
ถ้าเวลาผมป่วยพ่อแม่พาไปเป่าน้ำมนต์แทนที่จะพาไปหาหมอ​ ผมเองก็คงไม่ได้มาเขียนบทความนี้ เพราะตายจากไส้ติ่งอักเสบติดเชื้อตั้งแต่อายุ​ 17​ ปี​ หากไม่ได้รับการผ่าตัดร่วมกับยาปฏิชีวนะ
3
แพทย์เคยคิดว่าโรคติดเชื้อจะกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์​ เพราะเรามียาปฏิชีวนะ​ที่ดีมาก หารู้ไม่ว่านั่นเป็นกำเนิดของมหันตภัยรูปแบบใหม่
2
กลับมาที่วิธีหรือรูปแบบการตาย​ (mode of death) ซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญ
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์​ ทำให้เราโกงความตายได้​ เราสามารถยับยั้งรูปแบบการตายได้แทบทุกอย่าง​
ทานไม่ได้​ก็ใส่สายยางให้อาหาร​หรือให้อาหารทางหลอดเลือด ปัสสาวะไม่ออกก็ใส่สายสวน​ ไตวายก็ฟอกไต​ ช็อคก็ให้เลือด​ น้ำเกลือ​หรือยาเพิ่มความดันโลหิต​ ระบบหายใจล้มเหลวก็ใส่ท่อกับเครื่องช่วยหายใจ​ หัวใจหยุดเต้นก็ปั๊มป์หัวใจ​ ฯลฯ เรามีกระทั่งเครื่องปอดหัวใจเทียม
2
เรียกได้ว่าเรายื้อมัจจุราชได้แทบทุกทางและทำได้ดีขึ้นเรื่อย​ ๆ​
1
แต่มีอยู่หนึ่งอย่างที่กำลังสวนทางแย่ลงเรื่อย​ ๆ​ และพรากชีวิตคนไข้ไปก่อนเวลาอันควร
1
แพทย์อาจไม่สามารถเดาได้ว่าคุณเข้ามาโรงพยาบาลเพราะเป็นโรคอะไร​ จนกว่าจะได้​ ซักประวัติ​ ตรวจร่างกาย​ และส่งตรวจสารพัด​
คุณอาจจะเป็นมะเร็ง​ เป็นโรคหัวใจขาดเลือด​ เป็นอัมพาต​ บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ​ หรืออะไรก็ตามแต่​ ถ้าคุณโชคดีได้กลับบ้านแบบยังมีลมหายใจก็ดีไป
แต่ถ้าคุณตายในโรงพยาบาล​ ถึงสาเหตุการตาย​ (cause of death) จะหลากหลายหรือบางทีอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่าแรกสุดคุณเป็นโรคอะไรกันแน่​ แต่วิธีหรือรูปแบบการตาย​ (mode of death) ในบั้นปลายจะคล้ายกันแทบทุกคน​ ไม่ต้องเจอหน้ากันแพทย์ส่วนใหญ่ก็พอจะเดาจุดจบของคุณได้
2
เมื่อคุณเจ็บป่วยถึงขั้นวิกฤต​ คุณจะถูกใส่ท่อช่วยหายใจ​ มีเครื่องช่วยหายใจ​ ​ ได้ยาเพิ่มความดัน​ ใส่สายสวน​ สายน้ำเกลือระโยงระยาง​ มีเครื่องฟอกไตแบบต่อเนื่องอยู่ข้าง​ ๆ
แพทย์หวังว่าอุปกรณ์หรือยาพวกนี้จะพยุงคุณให้พ้นช่วงวิกฤตไปได้
ขณะที่อวัยวะต่าง​ ๆ​ กำลังฟื้นตัว​ อาการของคุณดูดีขึ้น​ ญาติของคุณรอคอยด้วยความหวัง
1
แพทย์ลดยาเพิ่มความดันได้​ หยุดใช้เครื่องฟอกไตได้​
อยู่​ ๆ​ คุณก็มีไข้ต่ำ​ ๆ​ จากอะไรก็ไม่รู้​ แพทย์ไม่รู้จะทำอะไรดี​ ก็ให้ยาปฏิชีวนะแทนยาลดไข้ไปตามระเบียบ
ดูเผิน​ ๆ​ ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น​ แต่สมดุลบางอย่างได้พังพินาศลง
1
เงามืดได้เข้าครอบคลุมตัวคุณแล้ว​ รอโอกาสที่จะเข้ายึดครองร่างของคุณแบบเบ็ดเสร็จ
คุณอาการดีขึ้นเรื่อย​ ๆ​ จนหย่าเครื่องช่วยหายใจได้​ แพทย์บอกคุณว่าพรุ่งนี้น่าจะถอดท่อช่วยหายใจออกได้​ พักฟื้นอีกสักพักคุณก็จะได้กลับบ้าน
1
คุณดีใจจนเนื้อเต้น​ ที่จะได้ถอดท่อขนาดเท่าหลอดดูดชานมไข่มุก​ที่มันค้ำคอหอยคุณออกสักที​ จะพูดก็ไม่ได้​ จะไอก็ไม่ถนัด​ คุณพยายามจะกระชากมันออก​ จนแพทย์ต้องตัดสินใจมัดแขนคุณ​ติดกับเตียง
สายตาคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง​ มีสิ่งที่คุณอยากทำอยู่อีกมากมาย​ ไม่ว่าจะเป็น​ อุ้มหลานคนแรก​ หรือไปร่วมงานแต่งของลูกสาวคนเล็ก
1
แต่แล้วสายป่านแห่งความหวังก็ขาดสะบั้นลงแพทย์แจ้งข่าวร้ายแก่ญาติคุณ​ ว่าอยู่​ ๆ​ อาการของคุ​ณทรุดลง​ เกิดภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง ส่วนตัวคุณตอนนี้โคม่าไม่รับรู้อะไรแล้ว​
3
กระบวนการรักษาที่กำลังจะสิ้นสุดต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่​ สายสวน​ สายน้ำเกลือระโยงระยาง​ เครื่องช่วยหายใจ​ เครื่องมือและยาพยุงชีพอื่น​ ๆ​ กลับมาครบแบบฟูลออบชั่น
1
มัจจุราชแห่งโรงพยาบาลที่แอบแฝงในตัวคุณกำลังเล่นชักเย่อกับเหล่าแพทย์และพยาบาล
ถ้ารอบนี้คุณยังไม่ตาย​ ดีขึ้นสักพัก​ มัจจุราชตนเดิมหรือตนใหม่​ ก็พร้อมจะมากระชากวิญญาณคุณไปอีก​ วงจรอุบาทว์นี้จะวนซ้ำ​จนร่างกายคุณหมดสภาพ​ เป็นแค่ก้อนเนื้อ ที่แพทย์พยายามปั้มป์ลม​ น้ำ​ อาหารเข้าไป
แพทย์เริ่มถอดใจ​ แต่ก็ยังให้การรักษาต่อไปแม้จะรู้ว่าไม่มีหวัง​ เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์​ และทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมานนานขึ้น
จนเมื่อญาติพี่น้องทำใจได้​ คุณจึงจะได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการที่เรียกว่าชีวิต​
3
อะไรคือสิ่งที่จะมาตอกฝาโลงคุณ​ ตัดหนทางรอดและโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างไม่ใยดี
มันไม่สนใจว่าคุณจะรวยหรือจน​ สวยหรืออัปลักษณ์​ เป็นนักบุญหรือฆาตกร​ มันจะมอบความตายที่เที่ยงแท้ให้กับทุกคนในยุคนี้อย่างเสมอภาค
1
ยิ่งการแพทย์ก้าวหน้า​ มันก็ยิ่งกำเริบเติบสาน
มันคือใคร?
ทุกคนคงมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว
โฉมหน้าฆาตกร
โปรดติดตามตอนถัดไป
แบคทีเรียจรจัด: ตอนที่​ 2 มัจจุราชแห่งโรงพยาบาล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา