4 ม.ค. 2019 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
กำเนิดไมโครซอฟต์ บริษัทที่ไม่มีเงินทุนประกอบกิจการ ไม่ได้ใช้เงินกู้จากธนาคาร หรือสินเชื่อสำหรับธุรกิจใดๆ : Bill Gates (Ep4)
จากตอนที่แล้ว...คุณว่าอะไรที่ทำให้เกตส์และอันเลนกล้าติดต่อไปที่ MITS ว่าเขาทั้งสองสร้างระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว... ทั้งที่ความจริงยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ...
ความกล้า? ความบ้า? ความมั่นใจในตัวเอง? ไม่ใช่เลย....มันคือ "วิสัยทัศน์" ต่างหาก
ทั้งสองมองเห็นแล้วว่าสิ่งนี้กำลังจะเกิด... คอมพิวเตอร์กำลังถูกพัฒนาจากคอมพิวเตอร์ในระดับเมนเฟรมไปสู่ระบบที่เป็น Personal Computer
และเขากำลังรอให้ใครสักคนผลิตมันขึ้นมา พวกเขาไม่เพียงรอให้เวลานี้มาถึง แต่เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว...ถ้าช้าพวกเขาอาจโดนคนอื่นมาแย่งโอกาสนี้ไป
ทันทีที่ โรเบิร์ต แห่ง MITS ได้รับข้อความ จึงให้ทั้งสองรีบนำภาษานั้นไปให้เขาดูโดยเร็ว ที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับ MITS เขาจะขายเครื่องออกไปได้อย่างไรถ้ามันไม่มีภาษาปฏิบัติการ
หลังจากที่นั่งปั่นงานกันแบบข้ามวันข้ามคืน ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ อัลเลนก็นำโปรแกรมขึ้นเครื่องไปทดสอบให้ MITS ดูด้วยความตื่นเต้น โดยมีเกตส์คอยฟังข่าวอย่างกระวนกระวายที่ฮาร์วาร์ด
เนื่องจากปัญหาเดียวที่พวกเขาหนักใจอยู่ตอนนี้คือ ไม่แน่ใจว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาจะใช้กับเครื่องได้จริงหรือไม่
จะไม่ให้เกร็งได้ยังไงล่ะ ก็พี่นั่งเขียนกันเองในกระดาษ โดยไม่เคยได้ทดสอบจริงกับเครื่องเลยนี่
เมื่อไปถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัท MITS อันเลนใส่โปรแกรมเข้าไปในเครื่อง อัลแตร์ 8800 ด้วยความอึดอัดโดยมีโรเบิร์ตจับตามองอยู่
โปรแกรมส่วนใหญ่ของเค้าอยู่บนม้วนกระดาษ และคำสั่งนาทีสุดท้ายสำคัญๆ บางรายการเค้าต้อง Enter ด้วยมือ
หลังจากที่เขาส่งคำสั่งเข้าไปในเครื่องได้ระยะหนึ่งแล้วเครื่องก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง...
อัลแตร์ 8800 ตรงหน้าของอันเลนถามคำถามหนึ่งขึ้นมา เค้าตอบ…………... แล้วเครื่องก็พิมพ์ออกมาว่า……. "Ready" ......
โอ้.... น้ำตาจะไหล...เขาทำสำเร็จ โรเบิร์ตตัดสินใจทันทีว่าจะจำหน่ายเครื่องอัลแตร์ของเขาพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ ที่ อัลเลน และ เกตส์ เป็นผู้พัฒนา
กลางปี 1975 ทั้งสองจึงตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ขึ้นมา เพื่อเซ็นสัญญากับ MITS
ถ้าใครรู้จักเกตส์เป็นอย่างดีจะรู้ว่าเขามีความเป็นนักธุรกิจมากกว่านักโปรแกรมเมอร์ และความรู้ทางด้านกฏหมายจากฮาร์วาร์ดไม่เคยทำให้เขาเป็นรองใครเลยในการต่อรองทางธุรกิจ เพราะ…
เกตส์ไม่ขายโปรแกรมให้ MITS แต่ใช้วิธีขาย license เพื่ออนุญาตให้ใช้ระบบปฏิบัติการของเขา ด้วยราคา 30 ดอลลาร์ต่อ 1 ก็อปปี้ สัญญานี้ทำรายได้ให้เขาถึง 16,000 ดอลลาร์ในปีแรก
และในการจัดตั้งบริษัทไมโครซอฟต์นั้น เกตส์ยังยืนกรานกับอันเลนว่าหุ้นใหญ่ 60:40 ควรเป็นของเขา เนื่องจากเขาเป็นคนพัฒนาระบบปฏิบัติการนี้ในตอนแรกๆ มากกว่าอัลเลน (เกตส์เลือกใช้ภาษา BASIC ในการพัฒนาซึ่งเป็นภาษาที่เขาถนัด)
ในวัยเพียง 20 ปี ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ดนี่เอง เกตส์ สร้างธุรกิจของตัวเองได้สำเร็จ บริษัทของเขาและอัลเลน ไม่มีเงินทุนประกอบกิจการ ไม่ได้ใช้เงินกู้จากธนาคาร หรือสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดย่อม
แต่ทั้งสองมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นเรียบร้อยแล้ว สินค้า ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และที่สำคัญคือ วิสัยทัศน์มองเห็นโอกาสความเป็นไปได้ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
พวกเขาไม่ได้หยุดแค่ MITS แต่เขาทั้งสองพยายามติดต่อบริษัทผู้สร้างไมโครคอมพิวเตอร์รายอื่นๆ เพื่อขายระบบปฏิบัติการของเขาทั้งสอง
ช่วงปีแรกๆ ของไมโครซอฟต์ เกตส์ต้องต่อสู้กับนักก็อบปี้ที่อยากใช้ของดีโดยไม่จ่ายเงิน ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานของการรักษาสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์งานด้านซอฟต์แวร์ในปัจจุบัน
ระหว่างที่ยังรักษาสภาพการเป็นนักศึกษาที่ฮาร์วาร์ด เกตส์กลายเป็นนักพูดด้านไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ ขณะเดียวกันเขาก็พยายามพัฒนาธุรกิจของเขาต่อไป
มีคำสั่งซื้อจากบริษัทใหญ่ๆ และมีชื่อเสียงมากมาย เช่น ซิตี้แบงก์ เจเนอรัลอิเล็กทริก ทำให้เขากับอัลเลนไม่สามารถรับมือไหวจนต้องหาผู้ช่วย ซึ่งผู้ช่วยในยุคแรกๆ ก็เป็นเพื่อนจากเลคไซด์สคูลนั่นเอง
ในตอนแรกๆ ไมโครซอฟต์ยังไม่มีสำนักงาน เขาใช้วิธีให้เพื่อนๆ ของเขาทำงานในอพาร์ทเม้นท์ของตัวเอง จนถึงช่วงเดือนสิงหาคม 1976 เกตส์จึงตัดสินใจเช่าสำนักงานแห่งหนึ่งในเมืองอัลบูเคอร์กี้​ ใกล้ๆ MITS เป็นสำนักงานแห่งแรกของเขา
สำนักงานอยู่ในอัลบูเคอร์กี้​ เมืองทางตอนใต้ฝั่งตะวันตกของอเมริกา กับฮาร์วาร์ดที่อยู่ในเมืองทางตอนเหนือฝั่งตะวันออกของอเมริกา
เวลานี้เขาต้องเลือกแล้วว่าชีวิตจะไปทางไหน...แน่นอนเขาเลือกไมโครซอฟต์ เดือนพฤศจิกายน 1976 สถานะภาพการเป็นนักศึกษาของเขาจึงสิ้นสุดลง
เขาไม่ได้ลาออกอย่างไร้เป้าหมาย แต่เขาเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว
ในตอนเริ่มแรกนี้เมื่อรวมเกตส์และอัลเลนแล้วไมโครซอฟต์มีพนักงานเพียง 6 คน ทั้งหกคนเป็นเด็กหนุ่มที่อายุเพียง 20 ต้นๆ ที่ทุ่มเททำงานแบบอุทิศเวลาทั้งหมดที่มี
พวกเขาพยายามพัฒนาระบบปฏิบัติการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่มันจะได้ไปอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
ในยุค 40 ปีที่แล้ววัฒนธรรมการทำงานของไมโครซอฟต์แตกต่างจากที่อื่นมาก ทุกคนมักจะมาทำงานในตอนเย็น และอยู่ลากยาวไปถึงเช้า ไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์
เหตุที่พวกเขาต้องทำงานกลางคืนอาจเป็นเพราะต้องเช่าเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนอัลบูเคอร์กี้​ร่วมกับบริษัทอื่นๆ
การทำงานในเวลากลางคืนซึ่งมีคนใช้งานน้อย จึงทำให้พวกเขาใช้คอมพิวเตอร์ได้เต็มประสิทธิภาพตามที่ต้องการได้มากกว่า
ในยุคแรกนี้ไมโครซอฟต์ตั้งชื่อระบบปฏิบัติการของเขาว่า Basic เขาเปิดตัวเวอร์ชั่น 5 ในปี 1978 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนทำรายได้ขึ้นสู่ระดับล้านเหรียญ ด้วยพนักงานเพียง 13 คน
โดยมีอัลเลนรับหน้าที่ดูแลด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์...ขณะที่เกตส์รับผิดชอบด้านการดูแลลูกค้า
เกตส์ต้องเดินทางบ่อยเพื่อติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์รายอื่นๆ ด้วยนิสัยการขับรถเร็วทำให้เขาโดนใบสั่งบ่อยมาก
ครั้งหนึ่งอัลเลนถึงกับต้องไปประกันตัวเขาออกจากห้องขังกลางดึก เนื่องจากเขาถูกจับในข้อหาขับรถเร็วนี่เอง
ตลอดเวลา 2 ปีที่ไมโครซอฟต์ตั้งอยู่ที่อัลบูเคอร์กี้​ในนิวแม็กซิโกที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ผู้คนในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์อยากให้เขาย้ายสำนักงานไปอยู่ที่ ซิลิคอนวัลเล่ย์ ในแคลิฟอร์เนีย พื้นที่ที่หลายคนคิดว่าเป็นย่านที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับไมโครโปรเซสเซอร์
ซิลิคอนวัลเล่ย์ มีเนี้อที่ทั้งประมาณ 1,300 ตารางไมล์ อยู่ในย่านหุบเขาซานตา คลารา แหล่งบุกเบิกพัฒนาซิลิคอนชิป ชิ้นส่วนสำคัญที่ใช้เก็บข้อมูลหน่วยความจำในระบบคอมพิวเตอร์
ที่นี่เต็มไปด้วยต้นยูคาลิปตัส และต้นปาล์ม และพื้นที่นี้ก็สร้างเศรษฐีเงินล้านที่อายุน้อยกว่า 40 ปีเป็นจำนวนมาก
ซิลิคอนวัลเล่ย์มีข้อได้เปรียบกว่าที่อื่นหลายอย่าง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ที่นี่มีมหาวิทยาลัยสองแห่งคือ แสตนฟอร์ด และ แคลิฟอร์เนีย ที่ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพป้อนตลาดแรงงานด้านคอมพิวเตอร์ในย่านนี้
แต่หลักในการเลือกพนักงานของไมโครซอฟต์คือ คนที่มีความสามารถเป็นพิเศษที่กระตือรือร้นในการทำงาน อัลเลนเคยกล่าวว่า
“เรามองไม่เห็นความจำเป็นในการมีใบปริญญาพ่วงท้าย สิ่งที่เราต้องการคือ คนที่มีความรักและชอบในการเขียนโปรแกรม สิ่งที่คุณได้รับจากมหาวิทยาลัยไม่สำคัญเท่าความกระตือรือร้น และความสามารถเฉพาะตัวของคุณ”
ที่จริงไมโครซอฟต์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องการผู้ร่วมงานที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์มากขึ้น เมืองอัลบูเคอร์กี้​ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาในด้านนี้ได้
ที่สุดแล้วสองหนุ่มจะย้ายไปอยู่ที่ไหน และที่นั่นจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของพวกเขาได้อย่างไร รอติดตามในตอนหน้านะคะ....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา