16 ม.ค. 2019 เวลา 09:50 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
แบคทีเรียจรจัด: ตอนที่​ 4 สังหารเทพอารักษ์
"God is dead. And we have killed him. "
- Nietzsche
6
เชื่อหรือไม่ว่าเทพอารักษ์​ที่คอยปกปักรักษาตัวเราน้ันมีอยู่จริง​
และมนุษย์มีอำนาจมากพอที่จะสังหารเหล่าเทพนี้ได้
นางกระบือ​ นีลา​ มารดาของทรพี​ ได้ฝากให้เทวดา​ เจ้าป่า​ เจ้าเขา​ คุ้มครองดูแลลูกของนาง​
เหล่าเ​ท​วดาจึงได้สิงสถิตในเขาทั้งสองและขาทั้งสี่ของทรพี
ทรพีกับเหล่าเทวดา​ ที่มา: http://storyuponme.blogspot.com/2014/06/2-1.html
หลังสังหาร​ ทรพา​ ซึ่งเป็นพ่อ​ ทรพีก็ได้ไปท้าสู้กับ​ พาลี​ และร้ายกาจขนาด​ พาลี​ที่กระทืบทศกัณฑ์มาแล้วแบบสบาย​ ๆ​ ยังเอาชนะไม่ได้
จนเมื่อทรพีอวดอ้างว่าเก่งด้วยตัวเอง​ ไม่ได้พึ่งใคร​ เหล่าเทวดาที่สิงสถิตจึงน้อยใจ​ ออกจากร่าง​ ทำให้พาลีสังหารทรพีอย่างง่ายดาย
มนุษย์ก็เฉกเช่นเดียวกัน​ เมื่อทารกอันแสนอ่อนแอซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของเหล่า​ "เทพวิบัติ" กำเ​นิด​ขึ้น มารดาก็ได้ฝากฝัง "เทพอารักษ์" ที่สืบทอดกันมาในสายเลือดจากบรรพกาลให้ดูแลทารกน้อย
มารดายังให้พรแก่เด็กน้อยด้วย​ "น้ำทิพย์​สะกดเทพ" สามารถสยบเทพวิบัติ​และส่งเสริมเหล่าเทพอารักษ์ที่สถิตในร่างให้แข็งแกร่ง
เมื่อเราเติบโตขึ้น​ เจ้าป่า​ เจ้าเขา​ อาจลงมาสถิตในร่างเราเพิ่ม​ ในขณะที่เทพบางองค์อาจออกจากร่างเราไป
แม้จะมองไม่เห็น​ แต่เหล่าเทพอารักษ์นี้สามารถดลบันดาลให้เราสุขสบายหรือประสพหายนะก็ได้
พฤติกรรมของเราจะเป็นตัวกำหนด​ เราอาจทำให้เหล่าทวยเทพพึงพอใจหรือโกรธเกรี้ยวก็ได้
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหากเราเนรคุณเทพอารักษ์เหมือนทรพี
ในอดีตกาลมนุษย์เราต่างหวั่นเกรงเทพวิบัติที่จะมาพรากชีวิตผู้ที่เรารักไป
อยู่ดีดีผู้คนจำนวนมากก็มีตุ่มพุพองขึ้นตามตัว​ บางคนมีจ้ำคล้ำ​ตามตัวประหนึ่งถูกรุมทุบตีโดยสิ่งที่มองไม่เห็น​ ตัวร้อนประหนึ่งถูกไฟนรกแผดเผา​ เลือดออกเจ็ดทวาร​ไม่ยอมหยุด​
ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้
ต้องมีอะไรบางอย่างที่เป็นสาเหตุ​ สมองอันซับซ้อนของเราเริ่มปะติดปะต่อพยายามหาเหตุผล
ใช่แล้วก่อนที่นาย​ A​ จะตาเหลือกลอยไม่ได้สติ​ เมื่อหกเดือนก่อนเขาได้ไปฉี่ใส่จอมปลวก​ อันเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่า​ เหล่าเทพจึงกริ้วสาบให้เขาชักดิ้นชักงอจนหมดสติไปเช่นนี้
1
แล้วทำไมต้องรอตั้งหลายเดือนกว่าจะสาบ​ มีคนทำผิดผีเยอะขนาดนั้น​ จนต้องต่อคิวรอคำสาบนานยังกับรอคิวผ่าตัดที่โรงพยาบาล
เอาเหอะ​ อย่าถามมาก​ อย่างน้อยก็ฟังดูดีกว่าผิดผีเพราะใส่กางเกงในกลับด้านละกัน
3
เราจึงสร้างรูปเคารพของเทพที่จะคุ้มครองเราจากเทพวิบัติ​ หรือรูปเคารพของตัวเทพวิบัติ​เอง​ ตั้งชื่อให้ต่าง​ ๆ​ นา​ ๆ ดูเหมือนเทพเหล่านี้จะชื่นชอบชีวิตหรือเลือดเนื้อเหลือเกิน​ ต้องขอต่อรองหน่อย​ เอาแพะซักตัวไปแลกแล้วกัน​ แทนที่จะตายกันทั้งหมู่บ้าน​ เราเลยทำการบูชายัญ​ เพื่อให้เหล่าเทพพึงพอใจ​
เชือดแพะบูชาแล้วสถานการณ์ในหมู่บ้านยังไม่ดีขึ้น​ ผู้คนยังล้มตายเป็นใบไม้ร่วงจากอาการประหลาด​
1
สงสัยเราจะงกเกิน​ แพะดูไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อ​คราวนี้เอาคนมาบูชายัญเลยแล้วกัน​ ไม่ชอบหน้าครอบครัวนี้อยู่แล้ว​ เอาลูกมันมาเชือดซะเลย
สถานการณ์ดีขึ้นอย่างช้า​ ๆ​ ท่าจะต้องบูชายัญอีกรอบ​ แต่สุดท้ายอาการแปลก​ ๆ​ เหล่านี้ก็หมดไป​ ไปโผล่ที่หมู่บ้านอื่นแทน
1
นั่นไง​ การบูชายัญได้ผล​ แต่จะรอให้ผู้คนล้มตายก็กะไรอยู่
ป้องกันดีกว่าแก้ไข​ งั้นบูชา​ยัญมันทุกปีเลย​แล้ว​กัน​ เทพจะได้พอใจ​ อย่าลืมไปบอกหมู่บ้านข้าง​ ๆ​ ให้ทำตามด้วย
1
แท้จริงแล้ว​ เหล่าเทพอารักษ์ในตัวเราต่างหาก​ ที่ต่อต้านเทพวิบัติอย่างสุดกำลัง​ ทำให้เราไม่สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไป
1
ในยุคต่อมา​ เราเริ่มเล็งเห็นว่าพิธีกรรมทั้งหลายไม่ได้ช่วยอะไรเลย​ แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อหัวปักหัวปำ​มาจนยุคปัจจุบัน​ ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้น​ เขาจะหาเหตุผลได้เสมอว่าไปทำอะไรให้เทพพิโรธ เช่น​ ก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง​ หรือนอนหันหน้าผิดด้าน
1
เมื่อเราได้สกิล "เนตรพันทวี" มองเห็นร่างที่แท้ของเหล่าทวยเทพ​ เราจึงไม่เคารพเหล่าเทพอีกต่อไป​ และเริ่มไล่ล่าสังหารเทพวิบัติ
ไฟนรก​ ประกายสุริยะ​ กรดกร่อนซาก​ หมอกพิษ​ ไอเดือดอเวจี​ สารพัดวิธี​ ที่เราจะสังหารเล่าเทพที่เป็นเจ้าไร้ศาลได้​ แต่เราไม่สามารถใช้วิธีนี้กับร่างมนุษย์ที่ถูกเทพวิบัติสิงสู่ได้
1
จะพึ่งหมอผีก็ไล่ไม่ออก​ แถมตัวหมอผีเองอาจจะโดนของตายตามได้
มนุษย์เดินดินอย่างเราจะสังหารเทพ​ (slay god) ได้​ ก็ต้องการอาวุธสุดวิเศษ​
เหล่าผู้กล้าได้ออกตามหาอาวุธสุดวิเศษ​ จนไปพบ​ "ผลปีศาจ" ซึ่งไม่ได้ไว้กินเพื่อให้ร่างกลายเป็นยาง​ แต่เป็นประตูต่างมิติให้เราอัญเชิญ (summon) "เทพศาสตรา" ที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับ​เทพวิบัติมาช่วยเหลือ
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ​ (alchemist) จึงยืมพลังจากเทพศาสตรามาสร้างอาวุธสำหรับสังหารเทพ​ จนสำเร็จเป็น​ "กระสุนวิเศษ" (magic bullet) ที่ไม่ทำอันตรายร่างมนุษย์ที่ถูกสิงสู่
5
เราสาดกระสุนวิเศษอย่างบ้าคลั่งด้วยความลำพอง​ใส่มนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะมีเทพวิบัติอยู่ในตัวหรือไม่​ แล้วยังเผื่อแผ่กระสุนไปให้เหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายด้วย
สิ่งที่เทพศาสตราไม่ได้บอกเราคือ​ ตามธรรมเนียมของนวนิยาย​ การ์ตูน​ หรือเกมส์ เพื่อให้ได้พลังมา​ผู้อัญเชิญ​ (summoner) ​ ต้องทำพันธสัญญาแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับเทพหรือปีศาจที่เชิญมา
1
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวิญญาณ​ ไฟชีวิต​ ประมาณนี้
ในชีวิตจริง​ ทุกครั้งที่เราใช้กระสุนวิเศษ​ เราต้องแลกด้วยชีวิตของเหล่าเทพอารักษ์ประจำกาย
เมื่อไร้ซึ่งเทพอารักษ์คอยปกป้อง​​ "เทพจรจัด" ก็ฉวยโอกาสเข้ายึดครองร่าง
เทพจรจัดนั้นแสนอ่อนแอ​ ต้องเร่ร่อนไปทั่ว​เพื่อหาร่างสิงสู่​ ซึ่งก็มักจะถูกเทพอารักษ์เจ้าถิ่นรุมสกรัม​ ขับไล่​ ลงหลักปักฐานไม่ได้​ ต้องพเนจรไปทั่ว
แต่เป็นเทพพันธุ์กะโหลกบางตายช้า​ มีความอึดอย่างเหลือเชื่อ​ กระหน่ำกระสุนวิเศษจนเกลี้ยง​ ก็ยังไม่สะเทือน​ ในขณะที่ทั้งเทพวิบัติและเทพอารักษ์ตายเรียบ
เทพจรจัดก็ฉวยโอกาสยึดครองขยายอิทธิพลไปทั่วร่างเราแทนที่เทพอารักษ์องค์เก่าที่ยังไม่ทันคืนชีพ หลังจากนั้นเทพจรจัดก็อาจจะจู่โจมเราได้​ กลายเป็นเทพวิบัติองค์ถัดไป​ ที่เราต้องหากระสุนวิเศษลงยันต์​อาบน้ำมนต์​ 9 วัด​มาปราบ
ถึงตอนนี้​ อย่าพึ่งเปลี่ยนเพจ นี่ไม่ใช่พลอตเรื่องนวนิยาย​แฟนตาซี ยังเป็นเพจด้านวิทยาศาสตร์อยู่
ใครที่อ่านตอนที่แล้วน่าจะพอจับประเด็นได้
ลองแทนที่คำต่อไปนี้​ ก็จะเข้าใจ
เทพวิบัติ​ = เชื้อก่อโรค​ เป็นเชื้อโรคที่อยู่ในความเข้าใจของคนทั่วไป​ คือเป็นเชื้อที่มีความสามารถในการก่อโรคสูงมาก​ (highly pathogenic) มักมีอาวุธร้ายกาจและกลยุทธหลอกล่อในการบุกรุกร่างกายและต่อกรภูมิคุ้มกันของเรา​
แต่จริง​ ๆ​ แล้ว​ เวลาบุก​ ส่วนใหญ่เชื้อก่อโรคเหล่านี้​ต้องแหวกด่าน​เชื้อเจ้าถิ่นให้สำเร็จก่อนด้วย
คนปกติไม่ค่อยมีเชื้อก่อโรคพวกนี้อยู่ในตัว​ เพราะถ้ามีมักเกิดโรค​ แต่ก็มีคนที่เชื้อเหล่านี้แฝงตัวอยู่ได้โดยไม่มีอาการ​ ซึ่งเราเรียกว่าพาหะ​ (carrier) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้​ เช่นเชื้อไทฟอยด์
เทพอารักษ์​ = เชื้อเจ้าถิ่น​ (normal flora) ในตัวเราเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์หลากชนิด​ ทั้งแบคทีเรีย​ รา​ ไวรัส​ โปรโตซัว​ ที่มีจำนวนมหาศาลมากกว่าจำนวนเซลล์ทั้งหมดในร่างกายเราเสียอีก
มันไม่ได้สิงสถิตแค่บนเขาหรือขา​ แต่มันอาศัยอยู่บนพื้นผิวของร่างกายเราทั้งนอกและในทุกซอกทุกมุม​ เช่น​ ผิวหนัง​ ปาก​ อวัยวะเพศ​ และที่อยู่กันอย่างคับคั่งที่สุดก็ในลำไส้ใหญ่
ส่วนใหญ่เป็นเชื้อที่มีประโยชน์​ต่อร่างกาย​ และช่วยต้านทานเชื้อก่อโรคที่แอบบุกรุก
ทันทีที่ถุงน้ำคร่ำ​แตก​ และคุณกำลังจะเกิด​ คุณจะถูกชโลม​ด้วยเชื้ิอเจ้าถิ่นที่อาศัยในช่องคลอดของมารดา​ นั่นคือเทพอารักษ์รุ่นที่​ 1 ของคุณ​
หลังจากนั้นเชื้อในบุคคลใกล้ชิด​ ในสิ่งแวดล้อม​ และอาหาร​ จะค่อย​ ๆ​ มาตั้งรกรากทั้งบนและในตัวคุณ​ ซึ่งอาจเปลี่ยนไปมาตามกาลเวลา​ และเมื่อคุณมีลูก​ คุณก็จะถ่ายทอดเทพอารักษ์ไม่ว่าจะดีหรือร้าย​ ให้กับลูกของคุณต่อไป
อาหารการกิน​ พฤติกรรมของคุณต่างมีผลต่อเชื้อเจ้าถิ่นนี้​ แต่ไม่มีอะไรเทียบเท่ายาปฏิชีวนะที่เป็นเสมือนระเบิดนิวเคลียร์สำหรับเหล่าเทพอารักษ์จำนวนมากของเรา​ที่เป็นแบคทีเรีย
เทวดาที่คุ้มครองทรพี​ คงโล่งใจที่ออกจากร่างมาได้ทัน​ ถ้ามาอยู่ยุคนี้​เทวดาคงตายคาที่​ เพราะจะคน​ วัว​ หรือควาย​ ก็ใช้ยาปฏิชีวนะทั้งนั้น
น้ำทิพย์สะกดเทพ​ = น้ำนมแม่​ ซึ่งนอกจากมีสารอาหารครบถ้วนแล้ว​ ในนมแม่ยังมีสารต่าง​ ๆ​ ที่ช่วยต้านเชื้อก่อโรค​ รวมไปถึงแอนติบอดีและกองทัพเม็ดเลือดขาว​ โดยเฉพาะในนมน้ำเหลือง​ (colostrum) ที่หลั่งออกมาในช่วงวันแรก​ ๆ​ หลังการคลอด
1
นอกจากนี้นมแม่ยังมีสารอาหารบางอย่างที่บรรจงสร้างมาเลี้ยงเชื้อเจ้าถิ่นบางชนิด​ โดยที่ตัวทารกเองไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมได้​ แต่เชื้อเจ้าถิ่นบางตัวนำไปใช้ได้​ นมแม่จึงมีคุณสมบัติในการคัดเลือกให้ได้เทพอารักษ์พันธุ์ดีด้วย
เนตรพันทวี​ = กล้องจุลทรรศน์​ ถ้าเป็นกล้องที่ใช้แสงทั่วไป​ และดูด้วยตา​ จะขยายได้มากสุดที่ประมาณพันเท่า​ ขยายมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์​แล้ว​ เพราะภาพจะเบลอ​ (ถ้าเป็นกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนก็คงเป็น​ หมื่นทวี​ หรือ​ แสนทวี)
พอมีกล้องเราก็เริ่มเรียนรู้ว่าโรคระบาด​ทั้งหลายเกิดจากเชื้อโรคตัวจ้อยนี่เอง
ผลปีศาจ​ = แคนตาลูปเน่าขึ้นราสีทอง​ (Moldy​Mary's Melon) อันเป็นต้นกำเนิดของราเพนนิซิเลียมสีทอง​ ที่เราใช้สร้างเพนนิซิลินกันมาจนถึงปัจจุบัน​ (อ่านเพิ่มเติมได้ในตอนที่​ 3)
1
เทพศาสตรา​ = เชื้อราเพนนิซิเลียม​ และเชื้อที่สร้างยาปฏิชีวนะอื่น​ ๆ
กระสุนวิเศษ​ = เพนนิซิลิน​ และยาปฏิชีวนะต่าง​ ๆ
1
เทพจรจัด​ = เชื้อดื้อยา​แสนอ่อนแอ​ ถ้าคุณเข้าใจว่าเชื้อดื้อยามันแข็งแกร่งกว่าเชื้อทั่วไป​ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์
ถ้ามันแข็งแรงกว่า​จริง​ มันคงอยู่ทุกหนทุกแห่ง​ ไม่มีเชื้อธรรมดาที่ไม่ดื้อยาเหลือให้เราเห็น
ลองนึกภาพ​ ถ้าคุณ​กำลังหาทางลงหลักปักฐาน​ในแผ่นดินใหม่​ คุณจะใส่ชุดอวกาศพร้อมแบกถังออกซิเจนไปด้วยมั้ย​
แล้วจะแบกไปทำไม​ ก็เผื่อมีระเบิดนิวเคลียร์มาลงที่บริเวณข้างเคียง​ คุณจะได้รอดจากรังสี​ คลื่นความร้อน​ หรือก๊าซต่าง​ ๆ​ ที่แผ่ออกมาได้
แต่ถ้าคุณแบกชุดอวกาศเต็มยศไปด้วยตลอดเวลาคุณจะสามารถแข่งขันกับคนอื่นที่มาแบบแทบจะตัวเปล่า​ พกแต่ของที่จำเป็นมาในการยึดครองพื้นที่หรือออกลูกออกหลานได้มั้ย
อันที่จริงอย่าว่าแต่ชุดอวกาศ​ แค่หน้ากากอนามัยบาง​ ๆ​ ก็ยังไม่มีใครอยากใส่​ ถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝุ่น​ PM 2.5
ลองใส่แล้วไปออกกำลังกายดู​ จะบางแค่ไหนก็อยากโยนทิ้งทั้งนั้น
สำหรับเชื้อโรค​ ยีนดื้อยาก็ไม่ต่างอะไรกับชุดอวกาศ​ มันอาจทำให้เชื้อรอดจากสงครามนิวเคลียร์​ (ยาปฏิชีวนะ)​ แต่มันเป็นภาระ​ที่เชื้อต้องแบกรับ มีราคาที่เชื้อต้องจ่ายเพื่อแลกกับสกิลนี้​ โดยที่ไม่มีประโยชน์ใด​ ๆ​ ในสถานการณ์ปกติ
1
เชื้อดื้อยาจึงมักโตช้ากว่าเชื้อสายพันธุ์เดียวกันที่ไม่ดื้อยา​ และพ่ายแพ้ในสมรภูมิทั่วไป​ ยกเว้นในที่ที่มียาปฏิชีวนะ
ด้วยเหตุนี้เชื้อดื้อยาหนัก​ ๆ​ ที่มียีนดื้อยานับสิบจึงมักวนเวียนอยู่ในโรงพยาบาล​ที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะแรง​ ๆ​ อยู่ตลอดเวลา​ แต่ถ้าเราใช้ยาปฏิชีวนะกันหนักข้อลามปามขึ้นเรื่อย​ ๆ​ เชื้อเหล่านี้ก็อาจออกมาตั้งรกรากนอกโรงพยาบาลได้เช่นกัน
อันที่จริงแม้แต่หอผู้ป่วยที่ติดกันก็ยังมีความชุกของเชื้อดื้อยาที่ต่างกันอย่างกับอยู่คนละโลก
เช่น​ ไอซียูอายุรกรรมที่มีผู้ป่วยเรื้อรัง​ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง​ และต้องใช้ยาปฏิชีวนะแรง​ ๆ​ อยู่ตลอด​ ก็จะพบเชื้อดื้อยากันแทบทุกเตียง​ ประหนึ่งผู้ป่วยเป็นจานเพาะเชื้อ
ในขณะที่ไอซียูสูตินรีฯ​ ที่ติดกันห่างแค่ประตูกั้น​ แทบไม่เคยพบเชื้อดื้อยาเลย​ เนื่องจากแม้จะอาการหนักแค่ไหน​ การใช้ยาปฏิชีวนะก็มีน้อยกว่ามาก​ และถ้าต้องใช้ก็ใช้เพียงยาปฏิชีวนะพื้นฐานที่ฆ่าเชื้อได้ในวงจำกัด
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกหมอพยาบาลที่สัมผัสเชื้อดื้อยาทุกวัน​ยังลอยหน้าลอยตาสั่งยาปฏิชีวนะต่อไปได้​ เพราะเทพอารักษ์ของตัวเองยังเข้มแข็งดีอยู่​ ไม่ได้โดนยาปฏิชีวนะไปด้วย เชื้อดื้อยาที่มักอ่อนแอจึงเข้าไปสิงสู่ไม่ได้ถนัด
นี่เป็นตัวอย่างของการคัดเลือกธรรมชาติ​ (Natural selection) ที่คุณไม่ต้องไปถึงหมู่เกาะกาลาปากอส แบบ​ ชาร์ลส์ ดาร์วิน​ (Charles Darwin) ก็ศึกษาได้ในระยะประชิด​ (ในตัวคุณเลย) ยาปฏิชีวนะนั่นเองที่จะช่วยกำจัดเชื้อทั่วไป​ที่เป็นเทพอารักษ์ของคุณ ทำให้เทพจรจัดที่เป็นเชื้อดื้อยาขึ้นมาผงาดแทน
เทพอารักษ์หรือเชื้อเจ้าถิ่นนี้กลายเป็นหัวข้อที่จัดได้ว่าฮอตที่สุดของวงการแพทย์ในปัจจุบัน​ มันเกี่ยวโยงกับการแพทย์ทุกสาขา​ ทุกอวัยวะ มันไม่ได้มีดีแค่ต่อกรกับเชื้อดื้อยาเท่านั้น​ แต่เรายังเป็นเหมือนหุ่นกระบอกให้มันคอยชักใยควบคุมจากเงามืดอีกด้วย
ในตอนถัดไปเราจะมาเรียนรู้ความสามารถของเชื้อโรคที่อยู่ในตัวเรา
ในอดีตเราเคยสร้างเทพยดามากมายจากจินตนาการ​ ความเชื่อ​ ความกลัวต่าง​ ๆ​ ต่อมาเราก็ได้ทำลายการมีตัวตนของเทพ​ (God of the gaps) เหล่านี้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์
2
หลังจากยาฏิชีวนะที่เป็นผลพวงของวิทยาศาสตร์ได้ทำลายเทพอารักษ์ของเราจนป่นปี้​ เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะสร้างสุดยอดเทพอารักษ์ของเราขึ้นมาใหม่ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
"If there were no God, it would be necessary to invent him."
- Voltaire
สุดท้ายนี้​ หากท่านนั่งอ่านบทความนี้ขณะกำลังนั่งปลดทุกข์หนัก​ เมื่อเสร็จกิจจงก้มลงมองดูในโถ​ด้วยความเคารพ​ ในนั้นมีผู้พิทักษ์ตัวจ้อยจำนวนมากพอ​ ๆ​ กับประชากรโลก​ ที่คอยต่อสู้สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของร่างกายคุณจากโรคร้าย
2
บรรจงเอื้อมมือไปกดชักโครก​ มองดูสายน้ำพัดพาเหล่าผู้พิทักษ์นี้หายลับไป​ ภาวนาให้ได้ไปผุดไปเกิดในร่างของคนที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะเรี่ยราดด้วยเทอญ
2
โปรดติดตามตอนถัดไป
แบคทีเรียจรจัด: ตอนที่​ 5 คุณคือเชื้อโรค

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา