Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บทเรียนจากเชื้อโรค
•
ติดตาม
16 ม.ค. 2019 เวลา 09:50 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
แบคทีเรียจรจัด: ตอนที่ 4 สังหารเทพอารักษ์
"God is dead. And we have killed him. "
- Nietzsche
6
เชื่อหรือไม่ว่าเทพอารักษ์ที่คอยปกปักรักษาตัวเราน้ันมีอยู่จริง
และมนุษย์มีอำนาจมากพอที่จะสังหารเหล่าเทพนี้ได้
นางกระบือ นีลา มารดาของทรพี ได้ฝากให้เทวดา เจ้าป่า เจ้าเขา คุ้มครองดูแลลูกของนาง
เหล่าเทวดาจึงได้สิงสถิตในเขาทั้งสองและขาทั้งสี่ของทรพี
ทรพีกับเหล่าเทวดา ที่มา: http://storyuponme.blogspot.com/2014/06/2-1.html
หลังสังหาร ทรพา ซึ่งเป็นพ่อ ทรพีก็ได้ไปท้าสู้กับ พาลี และร้ายกาจขนาด พาลีที่กระทืบทศกัณฑ์มาแล้วแบบสบาย ๆ ยังเอาชนะไม่ได้
จนเมื่อทรพีอวดอ้างว่าเก่งด้วยตัวเอง ไม่ได้พึ่งใคร เหล่าเทวดาที่สิงสถิตจึงน้อยใจ ออกจากร่าง ทำให้พาลีสังหารทรพีอย่างง่ายดาย
มนุษย์ก็เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อทารกอันแสนอ่อนแอซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของเหล่า "เทพวิบัติ" กำเนิดขึ้น มารดาก็ได้ฝากฝัง "เทพอารักษ์" ที่สืบทอดกันมาในสายเลือดจากบรรพกาลให้ดูแลทารกน้อย
มารดายังให้พรแก่เด็กน้อยด้วย "น้ำทิพย์สะกดเทพ" สามารถสยบเทพวิบัติและส่งเสริมเหล่าเทพอารักษ์ที่สถิตในร่างให้แข็งแกร่ง
เมื่อเราเติบโตขึ้น เจ้าป่า เจ้าเขา อาจลงมาสถิตในร่างเราเพิ่ม ในขณะที่เทพบางองค์อาจออกจากร่างเราไป
แม้จะมองไม่เห็น แต่เหล่าเทพอารักษ์นี้สามารถดลบันดาลให้เราสุขสบายหรือประสพหายนะก็ได้
พฤติกรรมของเราจะเป็นตัวกำหนด เราอาจทำให้เหล่าทวยเทพพึงพอใจหรือโกรธเกรี้ยวก็ได้
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหากเราเนรคุณเทพอารักษ์เหมือนทรพี
ในอดีตกาลมนุษย์เราต่างหวั่นเกรงเทพวิบัติที่จะมาพรากชีวิตผู้ที่เรารักไป
อยู่ดีดีผู้คนจำนวนมากก็มีตุ่มพุพองขึ้นตามตัว บางคนมีจ้ำคล้ำตามตัวประหนึ่งถูกรุมทุบตีโดยสิ่งที่มองไม่เห็น ตัวร้อนประหนึ่งถูกไฟนรกแผดเผา เลือดออกเจ็ดทวารไม่ยอมหยุด
ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้
ต้องมีอะไรบางอย่างที่เป็นสาเหตุ สมองอันซับซ้อนของเราเริ่มปะติดปะต่อพยายามหาเหตุผล
ใช่แล้วก่อนที่นาย A จะตาเหลือกลอยไม่ได้สติ เมื่อหกเดือนก่อนเขาได้ไปฉี่ใส่จอมปลวก อันเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่า เหล่าเทพจึงกริ้วสาบให้เขาชักดิ้นชักงอจนหมดสติไปเช่นนี้
1
แล้วทำไมต้องรอตั้งหลายเดือนกว่าจะสาบ มีคนทำผิดผีเยอะขนาดนั้น จนต้องต่อคิวรอคำสาบนานยังกับรอคิวผ่าตัดที่โรงพยาบาล
เอาเหอะ อย่าถามมาก อย่างน้อยก็ฟังดูดีกว่าผิดผีเพราะใส่กางเกงในกลับด้านละกัน
3
เราจึงสร้างรูปเคารพของเทพที่จะคุ้มครองเราจากเทพวิบัติ หรือรูปเคารพของตัวเทพวิบัติเอง ตั้งชื่อให้ต่าง ๆ นา ๆ ดูเหมือนเทพเหล่านี้จะชื่นชอบชีวิตหรือเลือดเนื้อเหลือเกิน ต้องขอต่อรองหน่อย เอาแพะซักตัวไปแลกแล้วกัน แทนที่จะตายกันทั้งหมู่บ้าน เราเลยทำการบูชายัญ เพื่อให้เหล่าเทพพึงพอใจ
เชือดแพะบูชาแล้วสถานการณ์ในหมู่บ้านยังไม่ดีขึ้น ผู้คนยังล้มตายเป็นใบไม้ร่วงจากอาการประหลาด
1
สงสัยเราจะงกเกิน แพะดูไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อคราวนี้เอาคนมาบูชายัญเลยแล้วกัน ไม่ชอบหน้าครอบครัวนี้อยู่แล้ว เอาลูกมันมาเชือดซะเลย
สถานการณ์ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ท่าจะต้องบูชายัญอีกรอบ แต่สุดท้ายอาการแปลก ๆ เหล่านี้ก็หมดไป ไปโผล่ที่หมู่บ้านอื่นแทน
1
นั่นไง การบูชายัญได้ผล แต่จะรอให้ผู้คนล้มตายก็กะไรอยู่
ป้องกันดีกว่าแก้ไข งั้นบูชายัญมันทุกปีเลยแล้วกัน เทพจะได้พอใจ อย่าลืมไปบอกหมู่บ้านข้าง ๆ ให้ทำตามด้วย
1
แท้จริงแล้ว เหล่าเทพอารักษ์ในตัวเราต่างหาก ที่ต่อต้านเทพวิบัติอย่างสุดกำลัง ทำให้เราไม่สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไป
1
ในยุคต่อมา เราเริ่มเล็งเห็นว่าพิธีกรรมทั้งหลายไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อหัวปักหัวปำมาจนยุคปัจจุบัน ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เขาจะหาเหตุผลได้เสมอว่าไปทำอะไรให้เทพพิโรธ เช่น ก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง หรือนอนหันหน้าผิดด้าน
1
เมื่อเราได้สกิล "เนตรพันทวี" มองเห็นร่างที่แท้ของเหล่าทวยเทพ เราจึงไม่เคารพเหล่าเทพอีกต่อไป และเริ่มไล่ล่าสังหารเทพวิบัติ
ไฟนรก ประกายสุริยะ กรดกร่อนซาก หมอกพิษ ไอเดือดอเวจี สารพัดวิธี ที่เราจะสังหารเล่าเทพที่เป็นเจ้าไร้ศาลได้ แต่เราไม่สามารถใช้วิธีนี้กับร่างมนุษย์ที่ถูกเทพวิบัติสิงสู่ได้
1
จะพึ่งหมอผีก็ไล่ไม่ออก แถมตัวหมอผีเองอาจจะโดนของตายตามได้
มนุษย์เดินดินอย่างเราจะสังหารเทพ (slay god) ได้ ก็ต้องการอาวุธสุดวิเศษ
เหล่าผู้กล้าได้ออกตามหาอาวุธสุดวิเศษ จนไปพบ "ผลปีศาจ" ซึ่งไม่ได้ไว้กินเพื่อให้ร่างกลายเป็นยาง แต่เป็นประตูต่างมิติให้เราอัญเชิญ (summon) "เทพศาสตรา" ที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับเทพวิบัติมาช่วยเหลือ
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุ (alchemist) จึงยืมพลังจากเทพศาสตรามาสร้างอาวุธสำหรับสังหารเทพ จนสำเร็จเป็น "กระสุนวิเศษ" (magic bullet) ที่ไม่ทำอันตรายร่างมนุษย์ที่ถูกสิงสู่
5
เราสาดกระสุนวิเศษอย่างบ้าคลั่งด้วยความลำพองใส่มนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะมีเทพวิบัติอยู่ในตัวหรือไม่ แล้วยังเผื่อแผ่กระสุนไปให้เหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายด้วย
สิ่งที่เทพศาสตราไม่ได้บอกเราคือ ตามธรรมเนียมของนวนิยาย การ์ตูน หรือเกมส์ เพื่อให้ได้พลังมาผู้อัญเชิญ (summoner) ต้องทำพันธสัญญาแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับเทพหรือปีศาจที่เชิญมา
1
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวิญญาณ ไฟชีวิต ประมาณนี้
ในชีวิตจริง ทุกครั้งที่เราใช้กระสุนวิเศษ เราต้องแลกด้วยชีวิตของเหล่าเทพอารักษ์ประจำกาย
เมื่อไร้ซึ่งเทพอารักษ์คอยปกป้อง "เทพจรจัด" ก็ฉวยโอกาสเข้ายึดครองร่าง
เทพจรจัดนั้นแสนอ่อนแอ ต้องเร่ร่อนไปทั่วเพื่อหาร่างสิงสู่ ซึ่งก็มักจะถูกเทพอารักษ์เจ้าถิ่นรุมสกรัม ขับไล่ ลงหลักปักฐานไม่ได้ ต้องพเนจรไปทั่ว
แต่เป็นเทพพันธุ์กะโหลกบางตายช้า มีความอึดอย่างเหลือเชื่อ กระหน่ำกระสุนวิเศษจนเกลี้ยง ก็ยังไม่สะเทือน ในขณะที่ทั้งเทพวิบัติและเทพอารักษ์ตายเรียบ
เทพจรจัดก็ฉวยโอกาสยึดครองขยายอิทธิพลไปทั่วร่างเราแทนที่เทพอารักษ์องค์เก่าที่ยังไม่ทันคืนชีพ หลังจากนั้นเทพจรจัดก็อาจจะจู่โจมเราได้ กลายเป็นเทพวิบัติองค์ถัดไป ที่เราต้องหากระสุนวิเศษลงยันต์อาบน้ำมนต์ 9 วัดมาปราบ
ถึงตอนนี้ อย่าพึ่งเปลี่ยนเพจ นี่ไม่ใช่พลอตเรื่องนวนิยายแฟนตาซี ยังเป็นเพจด้านวิทยาศาสตร์อยู่
ใครที่อ่านตอนที่แล้วน่าจะพอจับประเด็นได้
ลองแทนที่คำต่อไปนี้ ก็จะเข้าใจ
เทพวิบัติ = เชื้อก่อโรค เป็นเชื้อโรคที่อยู่ในความเข้าใจของคนทั่วไป คือเป็นเชื้อที่มีความสามารถในการก่อโรคสูงมาก (highly pathogenic) มักมีอาวุธร้ายกาจและกลยุทธหลอกล่อในการบุกรุกร่างกายและต่อกรภูมิคุ้มกันของเรา
แต่จริง ๆ แล้ว เวลาบุก ส่วนใหญ่เชื้อก่อโรคเหล่านี้ต้องแหวกด่านเชื้อเจ้าถิ่นให้สำเร็จก่อนด้วย
คนปกติไม่ค่อยมีเชื้อก่อโรคพวกนี้อยู่ในตัว เพราะถ้ามีมักเกิดโรค แต่ก็มีคนที่เชื้อเหล่านี้แฝงตัวอยู่ได้โดยไม่มีอาการ ซึ่งเราเรียกว่าพาหะ (carrier) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ เช่นเชื้อไทฟอยด์
เทพอารักษ์ = เชื้อเจ้าถิ่น (normal flora) ในตัวเราเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์หลากชนิด ทั้งแบคทีเรีย รา ไวรัส โปรโตซัว ที่มีจำนวนมหาศาลมากกว่าจำนวนเซลล์ทั้งหมดในร่างกายเราเสียอีก
มันไม่ได้สิงสถิตแค่บนเขาหรือขา แต่มันอาศัยอยู่บนพื้นผิวของร่างกายเราทั้งนอกและในทุกซอกทุกมุม เช่น ผิวหนัง ปาก อวัยวะเพศ และที่อยู่กันอย่างคับคั่งที่สุดก็ในลำไส้ใหญ่
ส่วนใหญ่เป็นเชื้อที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และช่วยต้านทานเชื้อก่อโรคที่แอบบุกรุก
ทันทีที่ถุงน้ำคร่ำแตก และคุณกำลังจะเกิด คุณจะถูกชโลมด้วยเชื้ิอเจ้าถิ่นที่อาศัยในช่องคลอดของมารดา นั่นคือเทพอารักษ์รุ่นที่ 1 ของคุณ
หลังจากนั้นเชื้อในบุคคลใกล้ชิด ในสิ่งแวดล้อม และอาหาร จะค่อย ๆ มาตั้งรกรากทั้งบนและในตัวคุณ ซึ่งอาจเปลี่ยนไปมาตามกาลเวลา และเมื่อคุณมีลูก คุณก็จะถ่ายทอดเทพอารักษ์ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ให้กับลูกของคุณต่อไป
อาหารการกิน พฤติกรรมของคุณต่างมีผลต่อเชื้อเจ้าถิ่นนี้ แต่ไม่มีอะไรเทียบเท่ายาปฏิชีวนะที่เป็นเสมือนระเบิดนิวเคลียร์สำหรับเหล่าเทพอารักษ์จำนวนมากของเราที่เป็นแบคทีเรีย
เทวดาที่คุ้มครองทรพี คงโล่งใจที่ออกจากร่างมาได้ทัน ถ้ามาอยู่ยุคนี้เทวดาคงตายคาที่ เพราะจะคน วัว หรือควาย ก็ใช้ยาปฏิชีวนะทั้งนั้น
น้ำทิพย์สะกดเทพ = น้ำนมแม่ ซึ่งนอกจากมีสารอาหารครบถ้วนแล้ว ในนมแม่ยังมีสารต่าง ๆ ที่ช่วยต้านเชื้อก่อโรค รวมไปถึงแอนติบอดีและกองทัพเม็ดเลือดขาว โดยเฉพาะในนมน้ำเหลือง (colostrum) ที่หลั่งออกมาในช่วงวันแรก ๆ หลังการคลอด
1
นอกจากนี้นมแม่ยังมีสารอาหารบางอย่างที่บรรจงสร้างมาเลี้ยงเชื้อเจ้าถิ่นบางชนิด โดยที่ตัวทารกเองไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมได้ แต่เชื้อเจ้าถิ่นบางตัวนำไปใช้ได้ นมแม่จึงมีคุณสมบัติในการคัดเลือกให้ได้เทพอารักษ์พันธุ์ดีด้วย
เนตรพันทวี = กล้องจุลทรรศน์ ถ้าเป็นกล้องที่ใช้แสงทั่วไป และดูด้วยตา จะขยายได้มากสุดที่ประมาณพันเท่า ขยายมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะภาพจะเบลอ (ถ้าเป็นกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนก็คงเป็น หมื่นทวี หรือ แสนทวี)
พอมีกล้องเราก็เริ่มเรียนรู้ว่าโรคระบาดทั้งหลายเกิดจากเชื้อโรคตัวจ้อยนี่เอง
ผลปีศาจ = แคนตาลูปเน่าขึ้นราสีทอง (MoldyMary's Melon) อันเป็นต้นกำเนิดของราเพนนิซิเลียมสีทอง ที่เราใช้สร้างเพนนิซิลินกันมาจนถึงปัจจุบัน (อ่านเพิ่มเติมได้ในตอนที่ 3)
1
เทพศาสตรา = เชื้อราเพนนิซิเลียม และเชื้อที่สร้างยาปฏิชีวนะอื่น ๆ
กระสุนวิเศษ = เพนนิซิลิน และยาปฏิชีวนะต่าง ๆ
1
เทพจรจัด = เชื้อดื้อยาแสนอ่อนแอ ถ้าคุณเข้าใจว่าเชื้อดื้อยามันแข็งแกร่งกว่าเชื้อทั่วไป นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์
ถ้ามันแข็งแรงกว่าจริง มันคงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่มีเชื้อธรรมดาที่ไม่ดื้อยาเหลือให้เราเห็น
ลองนึกภาพ ถ้าคุณกำลังหาทางลงหลักปักฐานในแผ่นดินใหม่ คุณจะใส่ชุดอวกาศพร้อมแบกถังออกซิเจนไปด้วยมั้ย
แล้วจะแบกไปทำไม ก็เผื่อมีระเบิดนิวเคลียร์มาลงที่บริเวณข้างเคียง คุณจะได้รอดจากรังสี คลื่นความร้อน หรือก๊าซต่าง ๆ ที่แผ่ออกมาได้
แต่ถ้าคุณแบกชุดอวกาศเต็มยศไปด้วยตลอดเวลาคุณจะสามารถแข่งขันกับคนอื่นที่มาแบบแทบจะตัวเปล่า พกแต่ของที่จำเป็นมาในการยึดครองพื้นที่หรือออกลูกออกหลานได้มั้ย
อันที่จริงอย่าว่าแต่ชุดอวกาศ แค่หน้ากากอนามัยบาง ๆ ก็ยังไม่มีใครอยากใส่ ถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5
ลองใส่แล้วไปออกกำลังกายดู จะบางแค่ไหนก็อยากโยนทิ้งทั้งนั้น
สำหรับเชื้อโรค ยีนดื้อยาก็ไม่ต่างอะไรกับชุดอวกาศ มันอาจทำให้เชื้อรอดจากสงครามนิวเคลียร์ (ยาปฏิชีวนะ) แต่มันเป็นภาระที่เชื้อต้องแบกรับ มีราคาที่เชื้อต้องจ่ายเพื่อแลกกับสกิลนี้ โดยที่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ในสถานการณ์ปกติ
1
เชื้อดื้อยาจึงมักโตช้ากว่าเชื้อสายพันธุ์เดียวกันที่ไม่ดื้อยา และพ่ายแพ้ในสมรภูมิทั่วไป ยกเว้นในที่ที่มียาปฏิชีวนะ
ด้วยเหตุนี้เชื้อดื้อยาหนัก ๆ ที่มียีนดื้อยานับสิบจึงมักวนเวียนอยู่ในโรงพยาบาลที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะแรง ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเราใช้ยาปฏิชีวนะกันหนักข้อลามปามขึ้นเรื่อย ๆ เชื้อเหล่านี้ก็อาจออกมาตั้งรกรากนอกโรงพยาบาลได้เช่นกัน
อันที่จริงแม้แต่หอผู้ป่วยที่ติดกันก็ยังมีความชุกของเชื้อดื้อยาที่ต่างกันอย่างกับอยู่คนละโลก
เช่น ไอซียูอายุรกรรมที่มีผู้ป่วยเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และต้องใช้ยาปฏิชีวนะแรง ๆ อยู่ตลอด ก็จะพบเชื้อดื้อยากันแทบทุกเตียง ประหนึ่งผู้ป่วยเป็นจานเพาะเชื้อ
ในขณะที่ไอซียูสูตินรีฯ ที่ติดกันห่างแค่ประตูกั้น แทบไม่เคยพบเชื้อดื้อยาเลย เนื่องจากแม้จะอาการหนักแค่ไหน การใช้ยาปฏิชีวนะก็มีน้อยกว่ามาก และถ้าต้องใช้ก็ใช้เพียงยาปฏิชีวนะพื้นฐานที่ฆ่าเชื้อได้ในวงจำกัด
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกหมอพยาบาลที่สัมผัสเชื้อดื้อยาทุกวันยังลอยหน้าลอยตาสั่งยาปฏิชีวนะต่อไปได้ เพราะเทพอารักษ์ของตัวเองยังเข้มแข็งดีอยู่ ไม่ได้โดนยาปฏิชีวนะไปด้วย เชื้อดื้อยาที่มักอ่อนแอจึงเข้าไปสิงสู่ไม่ได้ถนัด
นี่เป็นตัวอย่างของการคัดเลือกธรรมชาติ (Natural selection) ที่คุณไม่ต้องไปถึงหมู่เกาะกาลาปากอส แบบ ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) ก็ศึกษาได้ในระยะประชิด (ในตัวคุณเลย) ยาปฏิชีวนะนั่นเองที่จะช่วยกำจัดเชื้อทั่วไปที่เป็นเทพอารักษ์ของคุณ ทำให้เทพจรจัดที่เป็นเชื้อดื้อยาขึ้นมาผงาดแทน
เทพอารักษ์หรือเชื้อเจ้าถิ่นนี้กลายเป็นหัวข้อที่จัดได้ว่าฮอตที่สุดของวงการแพทย์ในปัจจุบัน มันเกี่ยวโยงกับการแพทย์ทุกสาขา ทุกอวัยวะ มันไม่ได้มีดีแค่ต่อกรกับเชื้อดื้อยาเท่านั้น แต่เรายังเป็นเหมือนหุ่นกระบอกให้มันคอยชักใยควบคุมจากเงามืดอีกด้วย
ในตอนถัดไปเราจะมาเรียนรู้ความสามารถของเชื้อโรคที่อยู่ในตัวเรา
ในอดีตเราเคยสร้างเทพยดามากมายจากจินตนาการ ความเชื่อ ความกลัวต่าง ๆ ต่อมาเราก็ได้ทำลายการมีตัวตนของเทพ (God of the gaps) เหล่านี้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์
2
หลังจากยาฏิชีวนะที่เป็นผลพวงของวิทยาศาสตร์ได้ทำลายเทพอารักษ์ของเราจนป่นปี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะสร้างสุดยอดเทพอารักษ์ของเราขึ้นมาใหม่ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
"If there were no God, it would be necessary to invent him."
- Voltaire
สุดท้ายนี้ หากท่านนั่งอ่านบทความนี้ขณะกำลังนั่งปลดทุกข์หนัก เมื่อเสร็จกิจจงก้มลงมองดูในโถด้วยความเคารพ ในนั้นมีผู้พิทักษ์ตัวจ้อยจำนวนมากพอ ๆ กับประชากรโลก ที่คอยต่อสู้สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของร่างกายคุณจากโรคร้าย
2
บรรจงเอื้อมมือไปกดชักโครก มองดูสายน้ำพัดพาเหล่าผู้พิทักษ์นี้หายลับไป ภาวนาให้ได้ไปผุดไปเกิดในร่างของคนที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะเรี่ยราดด้วยเทอญ
2
โปรดติดตามตอนถัดไป
แบคทีเรียจรจัด: ตอนที่ 5 คุณคือเชื้อโรค
11 บันทึก
59
16
15
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
แบคทีเรียจรจัด
11
59
16
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย