Henry Ford นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างรถยนต์ให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้
ตอนนี้มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้งนึงของประเทศ ทั้ง J.P Morgan , Andrew Carnegie รวมถึง John D.Rockefeller ต้องมาเป็นฝ่ายตั้งรับแทนเสียแล้ว พวกเขาเริ่มถูกบีบให้ป้องกันรักษาอาณาจักรของตนเอง
และมันเป็นช่วงเวลาหลายปีของการกวาดล้างโดย Roosevelt สุดท้ายเหลือแค่เพียง Standard Oil ของ Rockefeller เท่านั้นที่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือกฏหมายป้องกันการผูกขาดมาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพนี้ได้ตลอดกาล มันถึงเวลาเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่ของธุรกิจและอุตสาหกรรมสหรัฐเสียที
แม้จะไม่โดนลงโทษจากศาล แต่ Standard Oil นั้นกลายเป็นบริษัทที่มีคนเกลียดมากที่สุดของอเมริกา มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย มันเป็นตัวอย่างของธุรกิจใหญ่ ๆ ที่มีอำนาจมากเกินไปที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ
A.L.A.M ที่กำลังถือสิทธิบัตรการผลิตรถยนต์ในอเมริกา อีกหนึ่งการผูกขาดที่ Henry Ford ไม่ยอมแพ้
ในที่สุดเขาก็ยอมมอบตัวและให้ปากคำในชั้นศาล เกี่ยวกับคดีของ Standard Oil รวมถึงข้อหาเกี่ยวกับคดีในธุรกิจทั้งหมดของเขาด้วย โดยคดีนี้จะเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดของชายที่ชื่อ John D.Rockefeller มันเป็นสิ่งที่จะกำหนดอนาคตของประเทศ Rockefeller ต้องปกป้องอาณาจักรที่เขาสร้างขึ้นมา
ซึ่งมันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดในชั้นศาล เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ที่ทางรัฐบาลกล่าวหาเขา เขาพยายามปกป้อง Standard Oil จนถึงนาทีสุดท้าย
1
และมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับนักธุรกิจหนุ่มคนใหม่ไฟแรง ในนาม Henry Ford ที่กำลังต่อสู้กับความอยู่รอดของธุรกิจใหม่อย่างการผลิตรถยนต์ เขากำลังสร้างรถยนต์แบบใหม่ขึ้นมา มันจะเป็นรถคันแรกในราคาถูกที่คนทั่วไปสามารถซื้อไปขับได้
การเอาชนะ Alexander Winton ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจ Henry Ford
ในตอนนั้นประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง และรถยนต์นั้นถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย และไม่มีความจำเป็น แต่ Ford นั้นคิดตรงข้าม เขามองว่ารถยนต์นั้นเป็นสิ่งจำเป็น มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก และรถยนต์ควรเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้ ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
เขาได้ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนารถยนต์โมเดลแรกขึ้นมา ตอนนั้นเขามีอายุ 33 ปี โมเดลนั้นถูกเรียกว่า Ford Recycle แต่มันยังดูราคาแพงเกินไปที่จะผลิตในจำนวนมาก และมันยังมีปัญหาอยู่มากที่ยังแก้ไขไม่ได้
เขาได้เริ่มพัฒนาโมเดลที่สองขึ้นมาในชื่อ โมเดล A ซึ่งดูแล้วเหมาะกับความต้องการของชาวอเมริกันมากกว่า แต่ปัญหาคือ Ford นั้นจะยังขายมันไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการอนุญาติจากองค์กรที่ถือสิทธิบัตรการผลิตรถยนต์ของอเมริกา อย่าง A.L.A.M
ซึ่ง A.L.A.M นั้นมักจะใช้วิธีแบล็กเมล์บริษัทรถยนต์อื่น ๆ โดยมีการขู่ให้จดทะเบียนกับพวกเขา ไม่เช่นนั้นเหล่าบริษัทผลิตรถยนต์ใหม่ ๆ นั้นจะถูกฟ้องร้องในข้อหา ละเมิดสิทธิบัตร และรถยนต์ โมเดล A ของ Henry Ford ก็ถูกปฏิเสธ มันทำให้เขาผิดหวังมาก แต่เขาก็มุ่งมั่นจะแสดงให้ทั้งโลกให้เห็นว่าถ้าคิดจะประสบความสำเร็จในอเมริกามันต้องมีทั้งชื่อเสียงและความอัจฉริยะควบคู่กันไปด้วย
คดีประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริการะหว่างประชาชนกับบริษัท Standard Oil
เหล่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจ มีนิสัยสำคัญอย่างนึงคือ ความกล้า ซึ่งความกล้านี่เองเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เหล่านผู้ยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับ Henry Ford
แต่ปัญหาใหญ่เลยก็คือ ตัว Henry Ford นั้นไม่เคยขับรถแข่งมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งตรงข้ามกับคู่แข่งเขา Alexander Winton ซึ่งตอนนั้นกำลังโด่งดัง และมีรถที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
แต่เขาก็สามารถทำมันได้สำเร็จ การเอาชนะคู่แข่งที่เก่งที่สุดในอเมริกาอย่าง Winton นั้น ทำให้เขาสร้างชื่อโด่งดังขึ้นมาในวงการรถยนต์ทันที มันทำให้เหล่านักลงทุนนั้นเริ่มสนใจที่จะหันมาลงทุนในการผลิตรถยนต์ของ Ford
และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็สามารถที่จะผลิตรถยนต์ออกมาได้ 15 คันต่อวัน ด้วยราคาที่ต่ำพอสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ เขาเชื่อมาตลอดว่าเขาสามารถทำมันได้ และในที่สุดมันก็พิสูจน์ความเชื่อของชายที่ชื่อ Henry Ford ได้สำเร็จ ณ ตอนนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางใหม่
แต่องค์กรผูกขาดสิทธิบัตรอย่าง A.L.A.M นั้นก็จับจ้องมอง Ford อยู่ และในที่สุดก็ได้เริ่มดำเนินการฟ้องร้อง ในเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรการผลิตรถยนต์ของพวกเขา พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ Ford ให้จงได้
แต่ Henry Ford นั้นก็พร้อมจะต่อสู้ในชั้นศาล และเหตุการณ์มันไปบังเอิญเป็นช่วงเดียวกันกับ การไต่สวนในเรื่องธุรกิจผูกขาดบริษัท Standard Oil ของผู้ยิ่งใหญ่อย่าง John D. Rockefeller
และมันเป็นการรอคอยเช่นเดียวกันสำหรับ Henry Ford ที่กำลังต่อสู้กับการผูกขาดของ A.L.A.M องค์กรผู้ครอบครองสิทธิบัตรด้านการผลิตรถยนต์ของสหรัฐอยู่ เขาก็ต้องพึ่งศาลเพื่อตัดสินว่า เขายังสามารถที่จะขายรถยนต์จากบริษัท Ford Motor ของเขาได้หรือไม่
1
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์อเมริกา A.L.A.M ได้ทำการฟ้อง Ford ในเรื่องสิทธิบัตรการผลิตรถยนต์ทุกคันที่ Ford ได้ผลิตออกมาขาย หากเขาพ่ายแพ้แล้วต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรนั้น มันก็จะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่จะสูงขึ้น และมันจะทำให้ไม่สามารถกระจายไปยังผู้บริโภคส่วนใหญ่ของอเมริกา ตามความฝันอันสูงสุดของเขาได้
1
Ford นั้นเชื่อว่า ยุคของการผูกขาดที่อยู่มานานนั้นได้จบลงแล้ว การที่เขาได้ฟ้องต่อศาลนั้น ก็เพื่อเป็นการทำลายอิทธิพลของ A.L.A.M ที่มีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกา เขามุ่งมั่นที่จะทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ เขาต่อต้านการผูกขาด ต่อต้านแม้กระทั่ง Rockefeller หรือ Andrew Carnegie เขาต้องการให้อุตสาหกรรมของอเมริกา ยกเลิกการผูกขาดโดยเหล่าผู้มีอิทธิพลเหล่านี้เสียที
แต่สิ่งสำคัญคือ เขาต้องชนะคดีเรื่องสิทธิบัตรให้จงได้ ตอนนี้อนาคตของเขา ก็ไม่ต่างจากชายผู้ยิ่งใหญ่อย่าง John D.Rockefeller ที่อยู่ในมือผู้พิพากษาของศาลรัฐบาลกลาง มันทำให้ Henry Ford และ John D.Rockefeller นั้นกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชาวอเมริกันจากรุ่นที่ต่างกัน บนแนวคิดที่ต่างกันสุดขั้ว และมันส่งผลต่ออนาคตของประเทศในเวลาต่อมา
ศาลได้ตัดสินว่า บริษัท Standard Oil ผิดในข้อหาการไม่มีจรรยาบรรณ และละเมิดกฏต่อต้านการผูกขาด มันทำให้บริษัท Standard Oil ต้องถูกแบ่งย่อยออกภายใน 6 เดือน
1
มันคือความพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ของ John D.Rockefeller ตอนนี้ บริษัท Standard Oil ของเขากำลังจะถูกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ โดยกลายเป็นบริษัทย่อย 34 บริษัท ตอนนี้อนาคตของการผูกขาดในอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ได้จบลงแล้ว
1
ปั๊มน้ำมัน Standard Oil เกิดขึ้นทั่วประเทศผลจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เฟื่องฟู
และการตัดสินครั้งนี้ มันส่งผลดีต่อคดีของ Henry Ford ที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาพร้อมกับอเมริกายุคใหม่ มันมีผลต่อทุกอุตสาหกรรมในอเมริกานับจากนี้ และผลการตัดสินนั้นก็เป็นฝ่าย Henry Ford ที่เอาชนะ A.L.A.M ได้สำเร็จ
A.L.A.M นั้นไม่มีสิทธิอ้างเกี่ยวกับการออกแบบรถยนต์ มันทำให้ Henry Ford ได้รับอิสระในการปฏิวัติการผลิตรถยนต์ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาติ A.L.A.M อีกต่อไป ความฝันของเขากลายเป็นจริง การสร้างรถเพื่อทุกคน
ความสำเร็จของ Ford นั้นส่งผลกระทบชัดเจนต่อชาวอเมริกัน ด้วยภาพที่เขาเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ต่างจาก Rockefeller หรือ Carnegie เขาเป็นคนกล้าหาญที่สู้ไม่ถอย และไม่ยอมแพ้ต่อการผูกขาดโดยเด็ดขาด เขาทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงทุกคน มันทำให้ประชาชนชาวอเมริกันชื่นชอบ และทำให้ Henry Ford กลายเป็น วีรบุรุษ
และ Ford ต้องเร่งการผลิตให้ท้นต่อความต้องการของผู้บริโภค รถรุ่นใหม่ของเขาอย่าง Model T นั้น ราคาอยู่ที่แค่ 825 เหรียญ มันเป็นครั้งแรกที่มีรถยนต์ที่ใครก็สามารถที่จะซื้อไปขับได้ Henry Ford ได้สร้างสิ่งที่กำลังจะมาเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญที่สุดต่อเศรษฐกิจอเมริกา มันส่งผลต่อชีวิตทุกส่วนของชาวอเมริกัน เขาได้มาเปลี่ยนอเมริกาไป ทั้งวิธีในการใช้ชีวิต วิธีในการทำสิ่งต่าง ๆ รวมถึงวิธีในการทำธุรกิจของชาวอเมริกันไปตลอดกาล
Ford Model T ที่สามารถเข้าถึงประชาชนทั่วไปได้ด้วยราคาประหยัด
การปฏิวัติอุตสาหกรรมของเขานั้นมันได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ๆ และมันช่วยเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวอเมริกันไป เพื่อนคนสนิทของเขาอย่าง William Harley และ Arthur Davidson ได้นำเครื่องยนต์ไปติดกับจักรยาน และได้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซต์ขายออกไปทั่วประเทศ
Milton Hershey ได้นำเอาแนวคิดสายพานการผลิตของ Henry Ford ไปใช้กับผลิตภัณฑ์ของเขาอย่างช็อคโกแลต ส่วนพ่อค้าชาว ชิคาโก William Wrigley ก็ใช้แนวคิดเดียวกันในการผลิตหมากฝรั่งออกขายไปได้ทั่วประเทศ
มันทำให้เกิดนักธุรกิจใหม่ ๆ และสร้างสิ่งต่าง ๆ ด้วยแนวคิดใหม่ ที่มีต้นแบบมาจาก Henry Ford พวกเขาได้คิดค้นการผลิตสินค้าจำนวนมากขึ้นมา และจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้กับคนงาน ภายใต้สภาพการทำงานที่ปลอดภัย
ตอนนี้ ยุคของ John D.Rockefeller , Andrew Carnegie รวมถึง J.P Morgan มันได้เดินมาถึงจุดจบเสียแล้ว แต่มันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามแน่นแฟ้นมากขึ้น อุตสาหกรรมใหม่อย่างรถยนต์นั้น มันก็ได้ทำให้เกิดปั๊มน้ำมันของ Standard Oil ไปทั่วทั่งประเทศ รวมถึงใช้เหล็กของ Carnegie และโรงงานที่ได้พลังงานไฟฟ้าจาก J.P Morgan
รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
แม้เส้นทางของนักธุรกิจรุ่นใหม่จะต่างจากเหล่านักปฏิวัติยุคบุกเบิก แต่มันก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้ามันไม่มีการวางรากฐานไว้ โดยผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Vanderbilt , Carnegie , J.P Morgan และ John D. Rockefeller