20 ก.พ. 2019 เวลา 11:01
พฤหัสจักรแบบจีน ลักจับกะจื๊อ
โดยแฉล้ม เลี่ยมเพชรรัตน์
เนื้อหาส่วนที่เกี่ยวกับของพฤหัสจักรมีราว 40 กว่าหน้า
บท 1 เรื่องลักจับกะจื้อราว 10 หน้าเป็นการยกปีพฤหัสจักรค.ศ.1900 ถึง 1959 ตามปฎิทินจีนมาเป็นตัวอย่างเพื่อบอกว่าทางจีนใช้อย่างนี้ในการดูเรื่องการทำเกษตรเพาะปลูก จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้ไปใช้ชีวิตคลุกคลีกับคนจีนในสิงคโปร์ แต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดที่มาหรือวิธีการประยุกต์ใช้ในการพยากรณ์แต่อย่างใด
บท 3 เรื่องกาลเวลาราว 28 หน้าอธิบายวงรอบพฤหัสจักรกับเหตุการณ์ด้านการเมือง เน้นไปที่คาดการณ์การเสื่อมความนิยมของลัทธิคอมมิวนิสต์
เนื้อหาส่วนที่เหลือส่วนมากเกี่ยวข้องกับฝอยหรือเคล็ดลับการพยากรณ์ตลอดจนอัตชีวประวัติของผู้เขียน ที่เขียนต่างกรรมต่างวาระไม่ปะติดปะต่อกัน ตัวอย่างเช่น
บท 2 เรื่องพระเกตุ-มฤตยู ราว 30 หน้า เป็นฝอยคำพยากรณ์กับเล่าประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งมีการขยายความหลักวิชาในหนังสือจักรทีปนีใหม่เล่ม 1-2 ที่ออกมาก่อนเล่มนี้ราวสิบกว่าปี
บท 4 เรื่องโหรอิงประวัติศาสตร์ ราว 18 หน้า เล่าประวัติตัวเองที่ได้ไปใช้ชีวิตในสิงคโปร์ได้เห็นความแตกต่างการใช้โหราศาสตร์ทางจีนและอินเดีย ย้อนถึงช่วงหนุ่มที่เริ่มพิมพ์หนังสือโหราศาตร์ขาย
บท 5 พระเสาร์กับความหนักใจในวิชาโหราศาสตร์ น่าจะเป็น Highlight ที่สำคัญในเล่มนี้ คนเขียนพยายามอธิบายว่าเลิกเล่นทักษาเพราะเหตุใด ควรหรือไม่ควรใช้ทักษาเมื่อใด เช่น
.
ดวงชะตาที่เด่นจนเห็นด้วยตา กล่าวคือมีเกณฑ์เด่นตามมาตรฐานจะสามารถดูดวงเดิมชี้ขาดได้เลยไม่ต้องใช้ทักษา อาทิ
กาลจักร: ปัสวะมี ๑ ๒ ๓ ๕ นระมี ๑ ๕ ๗ อำพุชมี ๒ ๔ ๕ ๖
.
คู่อาสีติธาตุกุมลัคนาในธาตุตน เช่น ๑ ๗ เจ้าธาตุไฟกุมลัคนาในราศีเมษเป็นต้น
.
๑ ๒ ๕ ต้องไม่เป็น อริ มรณะ วินาศ
.
เป็นต้น
.
ซึ่งหลักการพวกนี้อธิบายโดยละเอียดในหนังสือเคล็ดลับโหราศาสตร์พิสดารแลกาลจักรที่พิมพ์มาก่อนหน้านี้
ส่วนดวงชะตาที่มีทั้งดีทั้งร้าย หาจุดเด่นยากโดยเฉพาะพฤหัสเป็นนิจเป็นประ จึงต้องใช้ทักษาชี้ขาด
.
ส่วนที่เหลือนอกเหนือจากนี้ก็เกี่ยวข้องกับประวัติส่วนตัวและการเมืองเสียมาก ยากต่อการย่อยสรุป
สรุปหากผู้ต้องการรู้เรื่องพฤหัสจักร (พฤหัสใหญ่เดินรอบจักราศีใช้เวลา 60 ปี มีชื่อเรียกและความหมายแตกต่างกันออกไปในแต่ละปี) คงต้องไปหาอ่านจากเล่มอื่น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา