4 เม.ย. 2019 เวลา 21:53 • ไลฟ์สไตล์
"วิธีเลือกเมียแบบขงเบ้ง"
เพื่อมาเป็นคู่ชีวิตเเห่งความรัก
ขงเบ้ง เป็นอัจฉริยบุคคลยุคสามก๊ก เขาเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของพระเจ้าเล่าปี่แห่งอาณาจักรจ๊กก๊ก เป็นนักการปกครองที่ช่วยทำนุบำรุง ค้ำจุนและวางรากฐานให้จ๊กก๊กยืนหยัดอยู่ท่ามกลางกลียุคได้กว่า 40 ปี เป็นนักการทหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอันอุบายอันพิสดารล้ำลึก และเป็นนักประดิษฐ์ ที่ได้คิดค้นนวัตกรรมล้ำยุคอย่างโคยนตร์ หน้าไม้กล โคมไฟ หมั่นโถว ฯลฯ
แต่ในบรรดาเรื่องเหนือชั้นทั้งหลายทั้งปวงของขงเบ้งนั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่าแท้จริงแล้วขงเบ้งก็ไม่ได้ฉลาดหลักแหลมสักเท่าไหร่ เมื่อเขาเลือก “นางอุ๋ยซี” เป็นภรรยา
หนังสือสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ได้บรรยายถึงลักษณะของนางอุ๋ยซี ไว้ว่า
“นางอุ๋ยซีนี้รูปชั่วตัวดำหน้าออกฝี มีลักษณะวิปริต ทั้งกายจะหางามสักสิ่งหนึ่งก็มิได้ แต่ทว่ามีปัญญาพาทีหลักแหลม รู้วิชาการในแผ่นดินแลอากาศ”
ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าขงเบ้งพบเจอนางผู้นี้อย่างไร แต่ในนิทานพื้นบ้านของจีนนั้น ก็พอมีเรื่องเล่าถึงตำนานความรักของทั้งสองคนนี้ ให้เห็นว่าขงเบ้งเลือกภรรยาด้วยวิธีพิจารณาจาก “สติปัญญา ใช่เพียง รูปกาย”
"การหมั้นหมายของขงเบ้ง"
ภาพ : samkok911
หนุ่มน้อยขงเบ้งในวัย 18 ปี ลี้ภัยสงครามมาอยู่อาศัยในกระท่อมหญ้าเล็ก ๆ บนเขาโงลังกั๋ง ชายแดนเมืองเกงจิ๋ว ทำไร่ไถนาหาเลี้ยงชีพไปวัน ๆ แต่กระนั้น หนุ่มน้อยผู้นี้ก็ยังพากเพียร ใช้เวลาว่างในการศึกษาหาความรู้อยู่เป็นนิจ
ที่หมู่บ้านเดียวกันนั้นเอง มีนายบ้านคนหนึ่งชื่อ อุยสิง่าน เขาได้สังเกตเห็นว่าเจ้าหนุ่มน้อยขงเบ้งคนนี้ เป็นคนขยันขันแข็ง มีสติปัญญาหลักแหลม จึงได้แวะไปเยี่ยมเยือนขงเบ้งที่กระท่อมหญ้าอยู่บ่อยครั้ง ส่วนขงเบ้งเองก็ได้ให้ความเคารพนับถืออุยสิง่านเป็นอย่างมาก และพูดคุยกันในเรื่องตำราวิชาการ เหตุบ้านการเมืองอย่างถูกอกถูกคอ
1
อุยสิง่านพอใจในตัวเด็กหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก จึงคิดจะฝากฝังบุตรสาวของตนให้ขงเบ้งดูแล แต่ขงเบ้งได้บอกปัดไปทุกครั้ง เนื่องมีคำล่ำลือในหมู่บ้านว่า บุตรสาวของอุยสิง่านเป็นสตรีอัปลักษณ์
อุยสิง่าน มิได้ละความเพียรของตน เขายังคงไปมาหาสู่ขงเบ้ง และเสนอเรื่องการหมั้นหมายให้ขงเบ้งทุกครั้ง จนขงเบ้งเกรงใจรับคำหมั้นอย่างขอไปที เพราะเขายังต้องการศึกษาหาความรู้จากอุยสิง่านต่อไปอีกมาก รวมทั้งคิดว่านี่เป็นแค่การหมั้นหมาย ยังมิใช่การแต่งงาน
อุยสิง่านยังคงเทียวมาเทียวไปที่บ้านขงเบ้งเพื่อสนทนาปัญหาสารพัน มีเพียงเรื่องเดียวที่ขงเบ้งไม่เคยเอ่ยถึง นั่นคือเรื่องการแต่งงาน อุยสิง่านก็ร้อนใจ จึงถามขงเบ้งไปว่า
“ข้ามาเยี่ยมเจ้าถึงเรือนทุกครั้ง หากไม่เป็นการรบกวน หวังว่าคราวหน้าเจ้าจะมาเยี่ยมข้าที่เรือนบ้าง”
ขงเบ้งจึงตอบรับตามมารยาท แล้วให้คำมั่นสัญญาว่าจะไปเยี่ยมอุยสิง่านถึงเรือน
"วิธีต้อนรับอันอบอุ่น !"
สองสามวันให้หลัง ขงเบ้งมาเยี่ยมอุยสิง่านตามคำสัญญา เมื่อมาถึงเรือนบ่าวรับใช้ก็รีบเปิดประตูรั้วให้ขงเบ้งเข้าไปทันที แล้วกล่าวว่า
“นายท่านเน้นย้ำกับข้าเป็นหนักหนาว่า หากท่านขงเบ้งมาเมื่อใดให้รีบเชิญเข้ามาทันที ส่วนท่านอุยสิง่านจะรอรับท่านอยู่ในเรือนด้านในสุดขอรับ”
ขงเบ้งเดินเข้ามาข้างในเห็นประตูปิดอยู่ จึงเดินเข้าไปเคาะตามธรรมเนียม พลันประตูก็เปิดออกได้เอง ขงเบ้งประหลาดใจมาก
เมื่อเข้าไปในห้อง เขาก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกัก สุนัขสองตัวกำลังตั้งท่าจะกระโจนใส่เขา ตัวสีดำเห่าเสียงกังวาน ตัวสีขาวแยกเขี้ยวขู่คำราม ขงเบ้งหันหลังเตรียมวิ่งหนี แต่เป็นอีกครั้งที่ประตูห้องปิดได้เอง ขังเขาไว้อยู่กับสุนัขสองตัว
ก่อนที่ขงเบ้งจะเสียที สาวใช้คนหนึ่งโผล่เข้ามา แล้วลูบหัวสุนัขทั้งสองเบา ๆ ทำให้มันหมอบลง จากนั้นสาวใช้ก็บิดหูสุนัขทั้งสอง พอเป็นสัญญาณให้สุนัขวิ่งกลับไปยังเบาะนอนของมัน ขงเบ้งคลายความตกใจ พอได้สติก็เห็นว่าแท้จริงสุนัขสองตัวนั้น เป็นสุนัขกลทำด้วยไม้ หุ้มด้วยหนัง เคลื่อนไหวด้วยกลไกในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เขาถามสาวใช้ว่าใครเป็นผู้คิดประดิษฐ์สุนัขกลสองตัวนี้ แต่สาวใช้ไม่ตอบ แล้วพาขงเบ้งเดินต่อไปยังเรือนอีกหลังหนึ่ง
ขงเบ้งเข้ามาถึงเรือนด้านใน ครานี้หาใช่สุนัข แต่กลายเป็นเสือโคร่งตัวเขื่องสองตัว ร้องคำราม แยกเขี้ยวใส่ ขงเบ้งมิได้ตกใจเหมือนก่อน เพราะคิดไว้แล้วว่านี่ต้องเป็นกลอุบาย เขาจึงเดินเข้าไปลูบหัวเสือโคร่ง
พอมือได้สัมผัส เสือโคร่งสองตัวก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ขงเบ้งจนล้มลง อุ้งเล็บของมันเตรียมจะเฉือนขงเบ้งออกเป็นชิ้น ปากของมันเปิดกว้างให้เห็นเขี้ยวแหลมแวววาว แต่ก็เป็นอีกครั้งที่สาวใช้คนเดิมโผล่เข้ามาแล้วบอกว่า “ท่านมีสติปัญญาก็จริง แต่วิธีที่ใช้กับสุนัข ไม่อาจใช้ได้กับเสือ”
ว่าแล้วหล่อนกับตบก้นเสือทั้งสอง เป็นสัญญาณให้มันหมอบราบ มิต่างจากลูกแมวอิ่มนม
ความหวาดระแวง
"ความหวาดระแวง"
นางอุยซี
ขงเบ้งรู้สึกขัดเขิน เขาจึงร้องขอให้สาวใช้ช่วยนำทางเขาไปหาอุยสิง่าน ในเรือนหลังต่อไป แต่นางกลับปฏิเสธและบอกว่ามีภาระ ต้องโม่แป้งถุงใหญ่สำหรับอาหารมื้อเย็น พลางชี้ไปที่เครื่องโม่แป้ง
ขงเบ้งต้องตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเครื่องโม่แป้งที่ว่านั้น เป็นหุ่นลาทำด้วยไม้ เดินโม่แป้งเป็นวงกลมโดยไม่มีหยุดพัก
“ท่านอุยสิง่าน ช่างสรรสร้างนัก เขาสร้างหุ่นยนต์กลไกเหล่านี้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
สาวใช้จึงบอกว่า ท่านอุยสิง่านไม่ได้ประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้ แต่ถ้าท่านอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ ก็ขอให้เดินต่อเข้าไปยังเรือนด้านใน
ขงเบ้งยังคงหวาดระแวง เพราะทุกครั้งที่เดินผ่านเรือนแต่ละหลัง เขาจะต้องเผชิญกับสิ่งประดิษฐ์อันพิสดารพันลึก แต่ยังมิทันที่สาวใช้จะบอกกล่าวอะไรเพิ่มเติม ประตูเรือนหลังสุดท้ายก็เปิดออกมา
สตรีนางหนึ่งค่อย ๆ เยื้องกรายผ่านประตูออกมา ร่างของนางดูสูงโปร่ง กิริยาท่าทางสมเป็นกุลสตรี แต่ผิวกายกลับดำกร้าน ใบหน้าปรุ เปรอะไปด้วยรอยแผลเป็นจากโรคฝี
นางถามสาวใช้ด้วยเสียงอ่อนโดยว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครกัน”
สาวใช้ยังมิทันตอบ ขงเบ้งก็ก้าวเท้าออกมาแล้วว่า
“ข้าพเจ้าชื่อเหลียง แซ่จูกัด เพื่อนสนิทมิตรสหายมักเรียกข้าว่า ขงเบ้ง ข้าเป็นชาวไร่ อาศัยอยู่บนเขา ท่านอุยสิง่านไปมาหาสู่ข้าอยู่บ่อย ๆ วันนี้ข้ามีโอกาสจึงมาเยี่ยมคำนับท่านที่เรือน”
1
“เช่นนั้นก็ขอเชิญท่านตามข้ามา” สตรีผู้นั้นเดินเข้าไปในเรือน
ขงเบ้งทำลังเล สาวใช้จึงบอกให้ตามเข้าไปเถิด นายหญิงของข้าปิดเครื่องยนต์กลไกทั้งหมดแล้ว ท่านไม่ต้องกลัว ขงเบ้งจึงรีบตามเข้าไป แต่ในใจก็ยังหวั่น ๆ และระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างทางที่เดินเข้าไป
"ยอดหญิงนักประดิษฐ์"
เมื่อเดินเข้าไปถึงห้องรับรอง หญิงสาวเชิญขงเบ้งให้นั่งรอ ความรู้สึกระวังตัวของเขาลดลงแล้ว เปลี่ยนเป็นความอยากรู้อยากเห็น ว่าสิ่งประดิษฐ์ที่เขาเจอในวันนี้ ใครเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้น
ในเวลาไม่นานนัก อุยสิง่านเดินเข้ามาในห้อง ขงเบ้งลุกคำนับตามธรรมเนียม แล้วทักทายอุยสิง่านทันทีว่า
“การเดินทางมาเยือนท่านในครั้งนี้มิใช่เรื่องง่ายเลย ข้าแทบเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เลยทีเดียว”
อุยสิง่านหัวเราะชอบใจเพราะรู้ว่าขงเบ้งต้องพบเจออะไรมาบ้าง แล้วจึงเฉลยให้ขงเบ้งฟังว่า ผลงานทั้งหมดนี้เป็นของ “อุ๋ยซี” ลูกสาวของตน พร้อมกับขอโทษขอโพยขงเบ้งแทนนางเป็นการใหญ่
ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ฉุกคิดขึ้นในใจ
“จูกัดเหลียงหนอจูกัดเหลียง ท่านอุยสิง่านมั่นหมายเรากับสตรีผู้วิเศษ แต่เจ้ากลับโง่เขลา มองคนที่เพียงรูปกายภายนอก ไม่มองลึกผ่านเข้าไปด้วยสติปัญญาแลหัวใจ สตรีวิเศษเช่นนี้ แน่แล้วว่าไม่อาจหาได้อีกบนแผ่นดินจีน จูกัดเหลียงเอ๋ย ช่างเบาปัญญายิ่งนัก”
คิดได้ดังนั้น ขงเบ้งจึงรีบกล่าวตอบอุยสิง่านว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมในสติปัญญาของแม่นางอุ๋ยซีมากนัก”
อุยสิง่านว่า “บุตรสาวของข้าอัปลักษณ์ ข้าพยายามหาคู่หมั้นคู่หมายให้นางมาตลอด แต่ก็คงหมดหวังแล้ว.....”
ยังไม่ทันที่อุยสิง่านจะกล่าวต่อ ขงเบ้งรีบชิงตัดบทแล้วกล่าวว่า
“ข้าพเจ้ามาหาท่านในวันนี้ เพื่อคำนับท่านในฐานะท่านบิดา ขอท่านโปรดรับข้าเป็นบุตรเขยของท่าน ตามที่เราได้เคยหมั้นหมายกันด้วยเถิด”
อุยสิง่านได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ ยินดีรับขงเบ้งเป็นบุตรเขยของตน
2
"ขงเบ้งแต่งงานกับนางอุ๋ยซี"
ขงเบ้งแต่งงานกับนางอุ๋ยซีไปแล้ว ทั้งสองได้ช่วยเหลือและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยกัน ซึ่งตามตำนานพื้นบ้านของจีนก็ว่ากันว่าสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่ขงเบ้งคิดค้นขึ้นนั้น ล้วนมาจากสติปัญญาของนางอุ๋ยซี
ในเรื่องสามก๊ก ขงเบ้งสร้างโคยนตร์ ทำด้วยไม้ ใช้ขนส่งเสบียงอาหารในกองทัพ เดินทางได้วันละหลายลี้โดยไม่ต้องหยุดพัก ก็มีที่มาจากการที่นางอุ๋ยซีประดิษฐ์สุนัข เสือโคร่ง และลาไม้
1
ขงเบ้งยังสร้างหน้าไม้กลยิงเกาทัณฑ์ได้ครั้งละสิบดอก และมอบวิธีการสร้างส่งต่อให้เกียงอุย ใช้รบกับวุยก๊ก นอกเหนือจากนั้นยังเจนจบในวิชาดาราศาสตร์ สามารถหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร รวมทั้งวิชาไสยศาสตร์ เรียกลมเรียกฝน จุดเทียนไฟต่อชะตาชีวิต ฯลฯ
 
ศาสตร์และวิทยาการในสมัยโบราณบางเรื่องก็ยากเกินกว่าจะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไปตัดสิน แต่เรื่องขงเบ้งเลือกเมีย ก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ทุกยุคทุกสมัย เป็นอย่างดีว่า
3
“สิ่งสำคัญ ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ”
1
นี้ก็คือการเลือกคู่ชีวิตแบบ "ขงเบ้ง" นั่นเองครับ สิ่งที่เรียกว่าความรักหาใช่เกิดจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ แต่อาจเกิดจากความรัก ความเข้าใจกัน และความผูกพันธ์ที่มีให้แก่กันต่างหากถึงเรียกว่า
"ความรักที่แท้จริง" โดยปริยาย...
"ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านนะครับขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณครับ😊🙇"
เรื่องโดย : สามก๊กวิทยา
เรียบเรียงเนื้อหา/นำเสนอโดย : "สาระหลากด้าน"
ที่มา : https://www.samkok911.com
โฆษณา