11 พ.ค. 2019 เวลา 05:31 • บันเทิง
เรื่องสั้น : ปากกาวิเศษ (1)
ภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินท่าทางอิดโรย ใบหน้าก้มต่ำ ใต้แว่นตามีเพียงแววตาของความอ่อนล้า สายตาของเค้ามองเพียงบาทวิถีที่อยู่ด้านหน้าไกลออกไปราวสามเมตร ชายหนุ่มค่อยๆดึงเนคไทให้คลายหลวมออก คงเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร ที่นอกจากรถจะติดสาหัสแล้วบนทางเท้าก็ยังแออัดไม่แพ้กัน
"บาส" พนักงานออฟฟิตหนุ่ม เพิ่งถูกเจ้านายตำหนิเรื่องรายงานแผนการโฆษณาและการตลาด ที่ทำออกมาแล้วไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เพราะเค้าเสนอการมอบรางวัลและสุ่มหาผู้โชคดีจากการส่งชิ้นส่วนสินค้า แต่แผนที่ว่ากลับถูกที่ประชุมรุมถล่มอย่างหนัก เค้าถูกตำหนิอย่างรุนแรงในที่ประชุมและถูกสั่งให้ออกไปแก้ไขและทำแผนการโฆษณามาใหม่ทั้งหมด
"แม่งเซ็งว่ะ! เดี๋ยวนี้ใครๆ เค้าก็ทำการตลาดแบบเสี่ยงโชค ลุ้นรางวัลกันทั้งนั้น มัวมาโฆษณาแบบใสๆ ฟีลกู๊ด ใครจะไปจำได้ ใครจะสนใจว่ะ"
บาสสบถกับตัวเองเบาๆ ก่อนก้มหน้าก้มตาใส่แผนโฆษณาใหม่ให้ตัวสินค้าต่อไป ล่วงเลยจนกระทั่งห้าโมงเย็น บาสก็รีบเก็บข้าวของรีบออกจากออฟฟิตทันที เค้าเดินไปตามถนนอย่างเซ็งๆ พลางถอนหายใจเป็นระยะ ยิ่งอากาศร้อนๆ มองไปที่ถนนก็มีแต่รถติดยาวเหยียด แถมเดินๆ ไปยังต้องหลบกองขี้หมาอีกมากมายไปตลอดทาง
บาสยังเดินต่อไปเรื่อยๆ เค้าพักแถวอนุเสาวรีย์ชัยฯ เป็นห้องพักเล็กๆ ที่เดินลัดเข้าไปทางซอยรางน้ำได้ ซึ่งปกติเค้าจะขึ้นรถไฟฟ้ากลับเพราะประหยัดเวลาไปได้โข แต่วันนี้เค้าเลือกที่จะเดินแล้วก็เดิน หรืออาจเพราะตอนนี้ในหัวของบาสมีแต่ความวุ่นวายสับสนเต็มไปหมด จนลืมว่าจะต้องทำอะไรต่อไปมากกว่า
งานก็น่าเบื่อ เพื่อนร่วมงานก็ห่วย เงินเก็บก็ไม่มี ที่นอนก็แคบยังกะรูหนู ชีวิตกูแม่งเ-ี้ยจริงๆ แถมยัง..... เขารำพึงในใจ
เสียงเตือนจาก line เด้งขึ้นมาที่หน้าจอ บาสหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจาก "แอน" แฟนสาวของบาสนั่นเอง
นี่ก็อีกคน!
แอน และ บาส เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม บาสเป็นหนุ่มหน้าตาเกาหลี เป็นนักกีฬาเล่นบาสเก็ตบอลตัวโรงเรียน รอบๆตัวบาสมักมีสาวๆ นักเรียนทั้งมัธยมต้นมัธยมปลายรายล้อมอยู่เสมอ แต่บาสไม่ค่อยสนใจใคร เพราะเป็นธรรมดาของนักเรียนชายที่จะติดเพื่อนมากกว่าจะมีแฟนซักคน ส่วนแอนเป็นนักเรียนหญิงแสนเรียบร้อยเรียนดี หน้าตาน่ารักสดใส แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก เพียงแต่แอนมีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆที่จะสนิทสนมกับบาส เพราะบ้านทั้งสองอยู่ซอยเดียวกัน แถมบ้านติดกันอีกต่างหาก
บาสสนิทกับแอนมากขึ้นตามลำดับ เพราะแม่ของบาสมาขอร้องให้แอนช่วยติวหนังสือให้บาสด้วย เพราะบาสเอาเวลาส่วนใหญ่ไปซ้อมกีฬาซะเกือบหมด แม่ของบาสจึงต้องฝากให้แอนช่วยติวหนังสือให้ลูกชายช่วงสุดสัปดาห์ จากที่เคยเกร็งๆเวลาติวกันใหม่ๆ กลายเป็นกินขนมหัวเราะคิกคัก และลงเอยด้วยคำถามก่อนที่ทั้งสองจะไปสอบเอนทรานซ์คืนนั้น
"ตกลงเราเป็นแฟนกันใช่ไหม?"
ซึ่งคำตอบในวันนั้นคงเป็นพลังแฝงเล็กๆ จนทั้งสองคนสอบได้มหาลัยเดียวกัน เพียงแค่ต่างคณะแค่นั้น ทั้งสองคบหากันเรื่อยมาจนเรียนจบ มีทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง ร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง จนแล้วจนรอดก็ยังคบกันมาถึงทุกวันนี้
แต่ทว่าตั้งแต่เริ่มชีวิตการทำงาน บาสเริ่มมีเวลาน้อยลง สังสรรค์มากขึ้น ดื่มหนักขึ้น และกลับห้องดึกมากขึ้น มีเพียงแอนเท่านั้นที่นั่งรอคอยทานข้าวเย็นเสมอที่ห้องพัก บางวันแอนอาจจะรอเก้อจนไม่ได้ทานข้าวเย็น เพราะนอนร้องไห้จนหลับไป บางวันก็ต้องตื่นมากลางดึกเพราะต้องลุกมาเช็ดอ๊วกของคนเมาบางคนที่แทบไม่ได้สติ แต่เธอไม่เคยปริปากบ่น เพราะคำสัญญาที่เคยให้กับบาสไว้ว่า
จะรักตลอดไป และไม่ทอดทิ้งกัน
ข้อความใน line เด้งขึ้นอีกหลายครั้ง แต่บาสไม่สนใจ ตอนนี้มีเพียงความสับสนอยู่ในสมองเค้าเพียงเท่านั้น ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ ความเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องแข่งขันกันอย่างบ้าคลั่งในเมืองใหญ่ ความคาดหวังภายในตัวเองที่ต้องการความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะค่านิยมที่ส่งต่อกันมาเป็นเหมือนแรงกดดันสำหรับคนยุคเค้าที่ต้องรวยเร็วๆและเลิกทำงานประจำเสียที และความเครียดอื่นๆอีกมากมาย และที่สำคัญอีกอย่างคือ ชีวิตคู่ที่น่าเบื่อหน่าย ผู้หญิงหน้าจืดๆไร้การแต่งแต้มใดๆ ที่จะนั่งยิ้มเจื่อนๆที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กในห้องพักแคบๆนั่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
"แอนไม่เบื่อชีวิตแบบนี้บ้างเหรอ ชีวิตที่ซ้ำซาก เหี่ยวแห้งซังกะตายแบบนี้หน่ะ..เบื่อมั้ย? ....แต่รู้อะไรมั้ย บาสโคตรเบื่อเลย...เบื่อ...เบื่อ..ได้ยินมั้ย...เบื่อ!"
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เค้าคุยกับแอนเมื่อคืนนี้ ก่อนที่เช้านี้บาสจะรีบแต่งตัวแล้วรีบออกจากห้องพักเพื่อเลี่ยงบทสนทนาใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นอีก บางทีการอยู่กับสิ่งเดิมๆซ้ำๆนานๆ มันอาจจะชินชา หมดความท้าทายและนำไปสู่ความเบื่อหน่ายที่เหลือประมาณ ความสัมพันธ์ของบาสกับแอนคงกำลังเข้าใกล้สิ่งนั้นไปทุกที
"ตุ๊บ!"
บาสเดินเพลินจนกระเป๋าเอกสารในมือหล่นลงพื้นเสียงดัง แผนการตลาดที่กำลังทำหล่นกระจานเต็มพื้น บาสรีบก้มลงเก็บกึ่งก้มกึ่งนั่งสาละวนกับกระดาษที่ปลิวไปทั่วเพราะแรงลม ไม่มีใครสนใจที่จะช่วยก้มเก็บด้วยซ้ำ แต่ความจริงแล้วแถวนั้นไม่มีใครซักคนด้วยซ้ำไป
บาสรู้ตัวอีกทีเมื่อตอนที่ยัดกระดาษใบสุดท้ายลงในกระเป๋า เค้ากำลังยืนในซอยที่เปล่าเปลี่ยว ดูเงียบๆเหงาๆชอบกล น่าจะเป็นซอยเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่แถวๆกิ่งเพชรละมัง บาสนึกในใจ..
เค้าหันซ้ายหันขวา มีเพียงอาคารพาณิชย์ทรงโบราณเก่าๆเรียงรายสองข้างถนนแคบๆ ดูๆไปอาจจะคล้ายตรอกไดแอกอนแบบไทยๆก็พอจะว่าได้อยู่ ร้านค้าต่างๆปิดหมดอาจจะเพราะเย็นมากแล้ว บาสเดินไปเห็นร้านชำเล็กๆเปิดอยู่ เค้าเดินเข้าไปเพื่อถามทางออกไปถนนใหญ่จะได้กลับที่พักได้ถูก
"ขอโทษนะครับ ลุงครับ" บาสเรียกชายชราพุงพลุ้ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายสานที่นั่งด้านใน
"ว่าไงพ่อหนุ่ม จะซื้ออะไรหล่ะ ร้านนี้มีหมดนะ ขอให้บอก" ลุงลุกขึ้น ดึงเสื้อกล้ามสีขาวที่ตามตัวมีรอยขาดกลวงโบ๋อยู่หลายรูให้ปิดพุงที่โป่งเหมือนบอลลูนขนาดย่อมๆ แล้วเดินอุ้ยอ้ายเช้ามาที่หลังตู้ขายของชำหน้าร้าน
"เอ่อ ...คือผมจะรบกวนถามทางครับ จะออกไปถนนพญาไทไปทางไหนอ่ะครับลุง" บาสรีบบอกด้วยความเกรงใจ
"อ้าว หลงทางหรอกเรอะ นี่ไงเดินไปโน้น เห็นตึกที่ทาสีเขียวมั้ย เดินเลยไปหน่อยแล้วเลี้ยวขวา แล้วเดินไปจนสุดทางก็ออกถนนใหญ่แล้ว" ลุงเอาพัดไม้ไผ่สานที่ถือติดมือมาด้วยใช้ชี้ทางออกให้
"ว่าแต่เราน่ะ ดูท่าทางไม่ดีเลย มีเรื่องเครียดรึ "
"ไม่นี่ครับ ขอบคุณลุงมากครับ ผมต้องรีบกลับแล้ว เย็นมากแล้วครับ ขอบคุณนะครับ" บาสรีบยกมือไหว้เพื่อตัดบท
"พ่อหนุ่ม ไม่ต้องรีบ ลุงมีของดี ช่วยได้นะ" ลุงรีบก้มลงนั่งยองๆ หยิบกล่องปากกาสีดำดูฝุ่นเกาะหนาขึ้นมา แล้ววางไว้บนตู้กระจกที่ดูไม่เหมือนกระจกอีกต่อไป เพราะมันเป็นฝ้าจนมองแทบไม่เห็นของข้างในตู้แล้ว
"นี่ช่วยเราได้นะ เชื่อเหอะของดี" ลุงยิ้มกริ่ม ในมือใช้พัดโบกไปมาเพื่อคลายร้อน
"ไม่ละครับลุง ผมมีปากกาเยอะเลยครับ ขอบคุณนะครับ" บาสรีบยกมือไหว้อีกรอบ กำลังจะหันหลังออกไป
"ชีวิตคนสมัยนี้ มันก็เหนื่อยแบบนี้นั่นหล่ะ ใครๆก็อยากสบายไวๆ อยากมี passive income อยากมีชีวิต slow life แต่ดูเหมือนเราจะยังไม่มีนะ" ลุงทำเสียงหึๆ เบาๆ ในลำคอ
บาสสะดุ้งเล็กน้อย หันกลับมามองตาลุงอ้วนพุงพลุ้ยอีกรอบ
"แล้วเจ้านี่จะช่วยอะไรได้เหรอลุง ปากกาเนี่ยอ่ะนะ ตลกแล้ว" บาสเริ่มเสียงดัง เพราะเริ่มฉุนเล็กๆ
"ปากกานี่ เขียนสิ่งที่ต้องการ เขียนได้แค่สามครั้งเท่านั้นนะ สิ่งนั้นจะเป็นจริงแต่ต้องไม่เกินกรรมที่เราได้ทำไว้ ก็แค่นั้น ง่ายๆเลย"
ลุงโบกพัดในมือถี่ขึ้นพร้อมเปิดกล่องปากกานั่นออก ด้านในเป็นปากกาลูกลื่นหน้าตาธรรมดา คล้ายๆปากกาด้ามละสามบาทที่ตรงปลายใกล้มือจับมีพลาสติกใสสีน้ำเงินสวมอยู่กับด้ามปากกาสีขาวขุ่น บาสสังเกตุว่าหมึกตรงไส้ในมันเหลือนิดเดียวจริงๆ
"จริงๆ ไม่เชื่อลองเอาไปใช้ดู ลุงขายเราถูกๆ สำหรับคนมีโชคหลงเข้ามาในซอย แสดงว่าเรามีบุบเพวาสนากัน เอาไปเลย 59 บาท" ลุงยิ้มกว้างอถมหันพัดมาโบกใส่หน้าของบาส เพราะตอนนี้เหงื่อบนหน้าเค้าเริ่มไหลย้อยลงมาใต้คางแล้ว
"เอางั้นเลยเหรอครับลุง เอาเหอะ ถือว่าลุงช่วยบอกทางผม เอานี่ครับ 60 ไม่ต้องทอน" บาสรีบหยิบปากกาเก่าๆนั่นใส่กระเป๋าเสื้ิอที่หน้าอก แล้วรีบเดินออกไปทันที
"ขอบใจพ่อหนุ่ม อย่าลืมนะ 3 ครั้ง ไม่เกินกรรม ฮาๆๆๆ" เสียงลุงหัวเราะร่วนอยู่ด้านหลัง
บาสยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม พลางนึกในใจว่า
ขนาดคนแก่คนเฒ่า ยังเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ เวรกรรมอะไร ต้องมาเจอแต่คนแบบนี้ว่ะ! แม่ม..
บาสรีบเดินออกจากซอย เค้าเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อไม่ให้ถึงห้องพักมืดไปนัก บางทีแอนอาจจะรอจนเริ่มหิวแล้ว พลางนึกภาพโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่มีอาหารวางอยู่เต็ม มีหญิงสาวนั่งส่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆ ขณะที่เค้าเปิดประตูเข้าไปในห้อง อีกใจก็นึกบ่นว่า แอน จะนั่งรอทานข้าวพร้อมกันทำไม มันกดดันเค้ากลายๆ ให้ต้องรีบกลับห้อง ทั้งๆที่บางทีเค้าก็อยากไปนั่งจิบเบียร์เบาๆ ก่อนกลับห้องบ้างบางวัน ก็แค่นั้น
"กินข้าวเย็นในห้องอุดอู้ทุกวัน มันน่าเบื่อจะตาย ไม่รู้จะประหยัดอะไรนักหนา ความจริงแอนจะไปเดินเที่ยวห้างบ้าง อะไรบ้าง หลังเลิกงานก็ได้นะ บาสไม่ว่าหรอก คือบาสก็อยากมีอิสระบ้างนะ มีเวลาส่วนตัวบ้าง เข้าใจมั้ยเนี่ย!"
บทสนทนาเมื่อศุกร์ที่แล้ว ซึ่งจบลงด้วยน้ำตาของแอนที่กำลังล้างชามอยู่หลังห้อง บาสเดินเข้าไปโอบกอดข้างหลัง แล้วกล่าวขอโทษเบาๆ ก่อนเดินกลับเข้าห้องไปนั่งดูทีวีเหมือนเช่นทุกวัน มันเป็นแบบนี้บ่อยทีเดียวช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แอนก้มหน้ากลั้นน้ำตาล้างชามต่อไป ส่วนบาสถอนหายใจมองทีวีแต่ในใจกลับต่างไปสิ้นเชิง
"เฮ้อ!...เบื่อ"
บาสเดินไปเรื่อยๆ แวะซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียวที่ปากซอย เพราะบางทีเค้าก็เบื่อพวกผัดผัก แกงไทยๆใส่กะทิ แล้วก็น้ำพริกกะปิกับผักสดแล้ว บาสแอบนั่งกินหมูปิ้งกับข้าวเหนียวที่ร้านข้าวเจ้าประจำหน้าปากซอย โดยสั่งเบียร์มาดื่มด้วย 1 ขวดเพื่อไม่ให้น่าเกลียด
ดื่มไปได้สองแก้ว บาสนึกสนุกเรื่องปากกาบ้าบอในกระเป๋าเสื้อ เค้าหยิบขึ้นมาดูแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่ยอมเสียเงินให้ตาลุงเพ้อเจ้อพุงพลุ้ยได้ยังไง ว่าแล้วเค้าก็หยิบเอาเศษกระดาษจดรายการอาหารบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเขียนตัวหนังสือโย้เย้เพราะไม่ได้ใส่แว่นลงไป
รถเบนซ์ (เขียนด้วยลายมือ)
บาสหัวเราะกับความบ้าของตัวเองเหมือนกัน จนป้าขายกับข้าวต้องหันมามอง บาสรีบหุบฟันขาวแล้วกลั้นหัวเราะอยู่คนเดียว
"บ้าไปแล้ว นี่เราก็บ้าจี้เหมือนกันนะเนี่ย"
บาสดื่มไปอีกแก้ว พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เค้าเลื่อนนิ้วผ่านเครื่องหมาย line ที่มีแจ้งเตือนข้อความเข้าสีแดงที่เด่นเชิญชวนให้กดเข้าไปดู เพราะเค้ารู้ดีว่าคงเป็นของแอนที่ส่งมา แบบว่ารอทานข้าวนะ รีบกลับห้องนะ เป็นห่วงนะ หิวหรือยัง อะไรพวกนั้นแน่ๆ เพราะเธอส่งมันมาทุกวันอยู่แล้ว และมันน่าเบื่อจะตาย
บาสเลื่อนไปที่ปุ่มข้อความ sms ที่ส่งเข้ามาแทน มีข้อความโฆษณาดูดวงรายวัน เรื่องซุบซิบดารา แล้วบาสก็เจอข้อความส่งมาจากหมายเลขแปลกๆ เค้ารีบเปิดออกอ่าน
[ยินดีด้วยค่ะ หมายเลขโทรศัพท์ 089765xxxx ท่านได้รับรางวัลรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ C250 1 คัน จากการส่งรหัสใต้ฝาน้ำเพชรสังฆาต ยี่ห้อ ริชชี่ดวง ยินดีด้วยค่ะ โปรดเก็บฝาที่มีหมายเลข 5743268871 ไว้เป็นหลักฐาน กรุณารอเจ้าหน้าที่ติดต่อมาภายใน 24 ชั่วโมง ขอบคุณค่ะ]
"เฮ้ย!อะไรเนี่ย!"...บาสร้องตะโกนขึ้นอย่างลืมตัว จนคนแถวนั้นหันมามองกันยกใหญ่ เค้าตั้งสติได้เพราะสายตารอบๆนับสิบคู่ที่กำลังมองมาที่เค้าตาเขม็ง บาสจึงรีบผลุบนั่งลงแล้วอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกที ใช่แน่ มันเป็นของจริง เค้าส่งมันเมื่อวานนี้ตอนทุ่มนึง ซึ่งน้ำเพชรสังฆาตที่ว่าก็ซื้อจากร้านป้าขายอาหารตามสั่งร้านนี้นั่นเอง
บาสรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เค้าหยิบเศษกระดาษที่เพิ่งเขียนคำว่า "รถเบนซ์" เมื่อกี้ขึ้นมาดูอีกครั้ง
"เฮ้ย! ปากกาแม่งโคตรเทพ..อ่ะ"
บาสรีบเก็บปากกาใส่กระเป๋าแถมหยิบเศษกระดาษบนโต๊ะมาอีกสามสี่แผ่น ทิ้งเงินค่าเบียร์ไว้เกินบนโต๊ะแล้วรีบลุกออกมาทันที บาสเดินยิ้มราวกับคนสติไม่ค่อยสมประกอบ เดินไปยิ้มไป แอบหัวเราะกับตัวเองคิกๆ เพราะกำลังเพลิดเพลินกับจินตนาการเรื่องการขับรถเบนซ์คันใหม่เอี่ยม หรือจะขายคืนเอาเงินไปใช้ทำอะไรดี นี่มันจะทำเค้าร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว แถมยังวางแผนว่าจะเขียนอะไรอีกดี เพราะตอนนี้โลกเป็นของเค้าแล้ว ด้วยปากกาวิเศษของตาลุงพุงพลุ้ยนั่นเอง เงินซักร้อยล้านดีมั้ย ทองคำซักตันนึง บ้านหรูๆ หรือสาวๆอสวยๆ ซักร้อยคน โอ้ยเลือกไม่ได้เลย ความต้องการของคนนี่มันมากมายจริงๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยต้องการอะไรแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ บาสเดินไปคิดไปยิ้มไป
บาสเดินไปจนถึงใต้หอพักของตนเอง เค้านึกภาพห้องพักแคบเก่าและแสนอึดอัดด้านบนขึ้นมาทันที และที่แน่ๆคือสาวน้อยหน้าจืดที่จะนั่งจ๋องรอเค้าตาปริบๆอยู่ข้างบน ฮึ! บาสนึกอะไรดีๆได้แล้ว นี่เป็นการทดสอบว่าปากกานี่จะวิเศษจริงมั้ยได้เป็นอย่างดี
"เอาน่า ลองดู...ยังเหลือให้เขียนได้อีกครั้ง เอาไว้ขอเงินซักร้อยล้านแล้วกัน อันสุดท้ายน่ะ" บาสนึกกับตนเองตรงลานจอดรถใต้หอ
บาสหยิบปากกากับเศษกระดาษขึ้นมาอีกครั้ง เค้าบรรจงค่อยๆ เขียนตัวหนังสือขยุกขยิกลงไปหลายตัว ซึ่งถ้ามีใครในโลกมองเห็นมันได้นอกจากตัวเค้าเองแล้ว จะเห็นบาสเขียนคำว่า...."คู่แท้" .....ลงในกระดาษที่ยู้ยี่ชิ้นนั้น
ขณะที่จรดปากกาลงไป ภาพหญิงสาวในชุดนักเรียนที่มายืนรอเค้าหน้าประตูโรงเรียนเพื่อกลับบ้านพร้อมกันทุกเย็น ภาพเธอตอนนั่งจดโน๊ตย่อเตรียมสอบเอนทรานซ์ให้เค้าไว้อ่านทบทวน ภาพเธอในชุดเดรสน่ารักสีชมพูอ่อนตอนไปดูหนังช่วงปิดเทอม ภาพเธอในชุดทำงานแต่สีหน้าอิดโรยพร้อมกับข้าวเต็มมือที่หน้าประตูห้องทุกเย็น และรอยยิ้มที่มีให้เสมอแม้ว่าจะผ่านวันที่เลวร้ายมาแค่ไหนก็ตาม ภาพเหล่านั้นผุดขึ้นอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา ก่อนที่บาสจะเขียน "คำนั้น" เสร็จด้วยซ้ำไป
นั่นช่างมันเถอะ ที่เค้าเขียนมันขึ้นมานั่น เพราะบาสแค่อยากรู้ว่า จริงๆแล้ว "แอน" จะใช่คู่แท้ของเค้าจริงเหรอ แล้วทำไมเค้าถึงรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่มีเธออยู่ข้างๆแบบนี้ คนที่เป็นคู่กัน มันต้องอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกดี แบบว่าอยากเจอกันตลอดเวลาแบบนั้นหรือเปล่า เพราะความรู้สึกตอนนี้ทุกวันนี้ บาสกลับรู้สึกว่ามัน "ไม่ใช่....เลย"
บาสเดินขึ้นบันไดกลับขึ้นไปห้องพัก ไขกุญแจเข้าไป และพบว่าห้องมืดสนิท พอเปิดไฟสว่าง ก็พบแต่ห้องว่างเปล่า โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กยังถูกพับผิงไว้กับข้างฝา ทำเอาบรรยากาศในห้องดูเหงาๆชอบกล บาสถอดรองเท้าเก็บเข้าที่ เดินเข้าไปเก็บข้าวของและนั่งลงหน้าทีวี หันซ้ายหันขวาแล้วรู้สึกโหวงๆชอบกล พลันนึกขึ้นได้ว่า
หรือเพราะ แอน ไม่ใช่คู้แท้ของเรา เธอถึงหายไปแล้ว...แล้วเธอหายไปไหนหล่ะ เฮ้ย..กูทำบ้าอะไรลงไปว่ะเนี่ย ไม่ใช่แบบนี้สิ....ไม่ใช่ให้เธอหายไปจากโลกนี้ซะหน่อย
บาสรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา......
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนจบที่นี่เลย https://www.blockdit.com/articles/5cd776da1d2ac2100b414d00

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา