Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
review.everything.jinglebell
•
ติดตาม
4 มิ.ย. 2019 เวลา 23:00 • กีฬา
ควันหลง UCL
สวัสดีครับ สืบเนื่องจากบทความลิเวอร์พูลก่อนที่ทางผมตั้งใจว่าจะเขียนเพียงสองบทความสำหรับฤดูกาลนี้ โดยบทความฉบับแรกเขียนเมื่อตอนได้แชมป์ครึ่งฤดูกาล และบทความที่สองเขียนเมื่อจบนัดที่ 38 และตั้งใจว่าจะเขียนอีกหนึ่งบทความพิเศษถ้าได้เข้าชิง UCL
เกมสุดท้ายแห่งฤดูกาล กับถ้วยสโมสรที่ใหญ่ที่สุด
แม้ความหวังจะได้แชมป์พรีเมียร์เป็นสมัยแรกจะดับไป จากการขับเคี่ยวอย่างไ่ม่หยุดยั้งทั้ง 38 นัดกับแมนซิตี้ และจบด้วยความปราชัยเพียงแต้มเดียว แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าค่ำคืนปาฎิหาริย์อย่างอิสตันบูลจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อทีมลิเวอร์พูลถล่มบาเซโลน่าในบ้าน หลังจากความหวังแทบจะมลายหายไปในนัดแรกที่คัมป์นู ส่งผลให้ผมได้มาเขียนบทความที่อยู่ในมือทุกท่าน ณ ที่นี้
แต่ถึงเส้นทางของลิเวอร์พูลว่ายากแล้ว ผมกลับคิดว่าเส้นทางและเงื่อนไขของสเปอร์นั้นยากกว่าในนัดที่เจอกับอาแจกซ์ โคตรทีมแห่งแดนกังหันลม ถ้าถามว่าทำไม ก็คงเป็นเพราะลิเวอร์พูลยังมี 90 นาทีในการสร้างปาฎิหาริย์ แต่สเปอร์มีแค่ 45 นาทีเท่านั้น และพวกเค้าก็ทำมันได้จริงๆ ทำให้คู่ชิง UCL ปีนี้ต่างฝ่าฟันด่านอรหันต์ 18 ทองคำเข้ามาเจอกัน และเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
ก่อนเริ่มเกมเล็กน้อยประมาณสองวัน เราคงรู้กันอยู่แล้วว่าปีนี้ทีมจากเกาะอังกฤษมาแรงแซงโค้งประเทศอื่นจริงๆ เพราะถ้วยยูโรป้าไม่ว่าผลแพ้ชนะจะออกมาอย่างไร ก็ต้องกลับสู่กรุงลอนดอนแน่นอน ซึ่งสิงห์บลูของซารี่สามารถโค่นเจ้าพ่อยูโรป้าอย่างอูไนไปได้อย่างขาดลอย แม้จะมีข่าวไม่ดีเต็มแคมป์ฝึกซ้อมว่าคนโน้นก็ย้ายออก คนนี้ก็ย้ายออก ไม่เว้นแต่กับผู้จัดการทีม แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพและความคมในการยิงประตูก็ทำให้สิงห์บลูเชลซีเก็บถ้วยไปนอนกอดเป็นทีมแรกไปก่อน
ส่วนสนามมาดริดเราก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าถ้วย UCL จะได้ไปกรุงลอนดอนตามถ้วยรุ่นน้องไปหรือไม่ หรือจะเจอหักด่านกลับไปเมืองลิเวอร์พูลแทน
ก่อนเกมนี้สภาพความฟิตเต็มถังทั้งคู่เมื่อดูจากผู้เล่น 11 ตัวจริง น่าจะเป็นเพราะการหยุดพักที่ยาวนานกว่าจะกลับมาเตะรอบชิง และทั้งสองทีมก็ไม่มีลุ้นกับถ้วย FA Cup แล้วด้วย เป็นการกลับมาของศูนย์หน้าตัวเป้าทั้งสองทีมที่พลาดเกมท้ายฤดุกาลไปหลายนัด ข้างลิเวอร์พูลได้เฟอร์มิโนกลับมา ส่วนข้างสเปอร์ได้เคนกลับมาเช่นกัน
เริ่มเกมคนดูคาดหวังว่าจะได้เห็นบอลสายลุยเต็มสูบทั้งคู่ เพราะทั้งคล็อปและปอเช็ตติโนต่างก็เป็นบอลเกมรุก แต่สิ่งที่คาดไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น สิ้นเสียงเป่านกหวีดไม่นาน หลังจากการออกนำจากจุดโทษอย่างรวดเร็วจากการเรียกฟาวล์ของมาเน่ และเป็นซาลาห์ที่มาเติมเต็มความฝันที่จะได้ยิงในนัดชิงชนะเลิศอัดบอลเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังจากนั้นพูดได้คำเดียวว่าเกมจืดสนิท ถ้ามองในสายตาคนไม่ได้เชียร์ทั้งสองทีม ส่วนตัวผมว่าทั้งสองทีมเกร็งบรรยากาศนัดชิงทั้งคู่ ไม่กล้าออกหมัดแลกกัน การต่อบอลไม่ไหลลื่น คงเป็นเพราะกลัวด้วยความเป็นบอลนัดเดียวจอด เลยกล้าๆกลัวๆไม่ใส่เต็มที่ เล่นแบบเพลย์เซฟไว้ก่อน โดยเฉพาะลิเวอร์พูลนี่หันมาเล่นบอลยาวเข้าว่าตั้งแต่นาทีแรกๆเลยทีเดียว กองกลางแทบเก็บบอลไม่ได้ ส่วนใหญ่เป็นการวางบอลจากแดนหลังมาแดนหน้า ส่วนจังหวะหวาดเสียวก็มีให้เห็นบ้างเล็กน้อย
ส่วนซาลาห์หลังจากยิงลูกโทษไปแล้ว ผมว่าวันนี้ไม่อันตรายเอาซะเลย จังหวะยิงก็เร่งไป ทำเอาบอลเหินไปให้กองเชียร์สัมผัสบอลเล่น ส่วนจังหวะส่งก็ใช้ท่ายากไปหลายครั้ง บางครั้งทำอะไรไม่ถูกอย่างน้อยเคาะบอลไปมาหาช่องใหม่น่าจะดีกว่า เป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมลองบุกจากมุมอื่นดูบ้าง
ว่าแต่ซาลาห์ฝืดแล้ว ยังมีคนฝืดอีกคน เผลอๆจะฝืดกว่าค่ามาตรฐานปกติด้วย คนนั้นคือแฮรี่ เคนดาวยิงของสเปอร์ คือด้วยศักดิ์ศรีหรืออะไรก็ตามก็คงต้องใส่เคนไว้อยู่ดี แต่เอาจริงๆเทียบกับเกมที่เน้น ซง กับ มูร่า เล่นเกมรุกดูอันตรายกว่ามากๆ แต่ผมเข้าใจปอเช็ตติโนนะ เกมระดับนี้ไม่ให้เคนลงก็บ้าแล้ว
สรุปหลังจากจบครึ่งแรกยันเริ่มครึ่งหลังมารูปเกมไม่กระเตื้องขึ้น ถ้าไม่ใช่แฟนบอลทั้งสองทีมที่ตามลุ้นว่าจะออกหัวหรือออกก้อย ก็ต้องยอมรับละว่าคุณภาพเกมนี้มันไม่ถึงจริงๆตามทรรศนคติของจ่ามูเลย
แต่ก็อย่างว่า ผมเป็นแฟนทีมลิเวอร์พูลนี่นา ยิ่งสกอร์นำ 1-0 อย่างนี้ ผมแทบจะนับเวลาถอยหลังนาทีต่อนาทีให้มันหมดๆไปซะเลยเดี๋ยวนั้น และช่วงท้ายเกม ปาฎิหาริย์ก็มาอีก ตอนเห็นโอริกี้ลงสนามนี่ต้องมีคนแอบเซ็งบ้างละ ว่าเอากองหลังมาแพ็คปิดเกมเลยดีกว่า เพราะพ่อโอริกี้ของเรานี่จ่ายบอลไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย เหมือนไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับซาลาห์ คือจ่ายติด จ่ายติด บ่อยมาก ทำเอารูปเกมเสียไปเลย จากควรที่จะเก็บบอลได้ เหมือนส่งให้สเปอร์เอามาลุ้นซะอย่างนั้น แต่อย่าลืมนะครับว่าโอริกี้คนนี้ละที่เป็นคนส่งทีมลิเวอร์พูลเข้าชิงจากนัดเปิดบ้านถล่มบาซ่ามาแล้ว แถมช่วงท้ายฤดูกาลในลีกยังยิงต่อลมหายใจการลุ้นแชมป์อีกต่างหาก
และเกมนี้ก็เช่นเดียวกัน จากลูกตั้งเตะจนมาตกที่โอริกี้ และเค้าก็ซัดเข้าไปเสียบเสาแบบเนียนๆ วินาทีนั้นเดอะค็อปทั่วโลกนี่เชื่อไปกว่า 99.99% แล้วละว่าได้แชมป์แล้วแน่นอน ประตูปิดกล่องท้ายเกมอย่างนี้ แม้สเปอร์จะไม่ถอดใจโหมบุกอย่างหนักทำเอาบาร์เหล้าแถวเมืองลิเวอร์พูลเงียบเสียงไปซักพัก แต่บอกเลยว่าเกมรับของลิเวอร์พูลเชื่อใจได้จริงๆการันตีด้วยกองหลังหมายเลขหนึ่งของพรีเมียร์ลีกชั่วโมงนี้อย่างฟานไดค์ กับมือทวารที่นิ่งที่สุดในรอบหลายปีของลิเวอร์พูลอย่างอลิสซง ด้วยความนิ่งไม่ลนต่อสถานการณ์เบื้องหน้าทำให้สามารถเก็บคลีนชีทและส่งลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ UCL สมัยที่หกได้ในท้ายที่สุด
ซูเปอร์ซับ
เก็บตกจังหวะชูถ้วย เป็นจังหวะที่ประทับใจมากๆอีกช็อตหนึ่งหลังจากอดตาหลับขับตานอนมาแล้ว ก็ต้องไปให้ถึงที่สุด เริ่มจากการตั้งแถวให้เกียรติแก่ทีมสเปอร์ และสุดจริงๆคือจังหวะที่เฮนโด้กัปตันทีมซอยเท้า และชูถ้วย ซึ่งเป็นคนที่ผมอยากให้เค้าเป็นคนชูถ้วยมากๆ และมันก็สมหวังแล้วสำหรับฤดูกาลนี้
กัปตันกับ ผจก ทีมคนสำคัญ
แล้วพบกันใหม่ครับ ในฤดูกาลถัดไป อีกไม่นานเกินรอ กับความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่มีนักเตะไม่ต่อสัญญา และนักเตะใหม่ๆที่กำลังจะเข้ามา เหมือนดังที่ว่า จากกันเพื่อพบกันใหม่ สวัสดีครับ
จากลาไปด้วยมือกาวประจำทีมที่เดินเข้ามาพร้อมความสำเร็จ
1 บันทึก
22
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Liverpool 2018/2019 in my memory
1
22
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย